เป่ยเฉินเสียงสีหน้าเขียวคล้ำ “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน เป็นเพราะข้าลงมือกับเยี่ยเม่ยไม่ใช่หรือไง คนของข้ายังไม่ได้แตะต้องนางเลยด้วยซ้ำ ทั้งยังตายไปสอง ไฉนเจ้าถึงไม่ยอมจบสักที” 

 

 

ยังบอกว่าเป็นพี่น้องกับเขา เป็นพี่น้องประสาอะไรกัน เพราะเหตุใดต้องเอ่ยว่าวาจาเหลวไหลเหมือนเป็นจริงเป็นจังเหล่านี้ด้วย 

 

 

ระหว่างที่เขาเอ่ย ก็มองเม็ดยาพิษเบื้องหน้าตนอย่างกังวล กลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะบ้าดีเดือดบังคับให้เขากินลงไปจริงๆ 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว กลับยิ้มออก ค่อยๆ มองเขาทีหนึ่ง “ดังนั้นความหมายของเสด็จพี่ใหญ่คือ รังเกียจที่น้องสะใภ้ในอนาคต กระทำเรื่องเลวร้ายน้อยไปอย่างนั้นหรือ” 

 

 

 “ข้า…” เป่ยเฉินเสียงพูดไม่ออก เสียงดังเอ่ยว่า “ข้าหาได้พูดเช่นนั้น แต่ที่เจ้าบอกว่าน้องสะใภ้ นางเป็นน้องสะใภ้ในอนาคตของข้าจริงๆ หรือ” 

 

 

เป่ยเฉินเสียงเอ่ยไป ใช้สายตาดุร้ายมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน  

 

 

หลายวันมานี้ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่เขาเห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยายามเอาใจเยี่ยเม่ย ทว่านางไม่สนใจเขา เรื่องเหล่านี้เขาล้วนมองอยู่ในสายตา  

 

 

เขาเอ่ยเช่นนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับคลี่ยิ้ม รอยยิ้มอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง เอ่ยว่า “ในเวลาเช่นนี้ เสด็จพี่ใหญ่ยังไม่รู้จักเอ่ยคำพูดให้ข้าอารมณ์ดีสักหลายคำ เพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์ของตน พอให้เห็นได้ว่าเสด็จพี่มีอารมณ์และสติปัญญาต่ำจนน่าหดหู่นัก” 

 

 

สิ้นเสียง เขาออกแรงบีบคอเป่ยเฉินเสียง 

 

 

ภายใต้การดิ้นรนของเป่ยเฉินเสียง เขาเอายาพิษยัดใส่ปากเป่ยเฉินเสียงด้วยท่าทางน่ามอง เอ่ยช้าๆ ว่า “ปล่อยให้เสด็จพี่ตายเช่นนี้ ท่านก็จะสบายเกินไปแล้ว ดังนั้นเยี่ยนคิดว่า ท่านกลืนยาพิษนี้ลงไปเถอะ เสพสุขช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตให้ดี ถึงจะเหมาะสม” 

 

 

เขาเอ่ยจบก็ปล่อยเป่ยเฉินเสียง 

 

 

เป่ยเฉินเสียงอยู่ท่ามกลางความตระหนกหวาดกลัว กุมคอตัวเองไว้ บีบไม่หยุด หวังจะคายยาพิษออกมา 

 

 

หลังจากเขาบีบคอตนเองไปได้สักพักหนึ่งก็ยังไม่สำเร็จ เขาใช้มือดึงลิ้นของตน หวังให้จะอาเจียนยาพิษออกมาอีกครั้ง เขาดึงอยู่นาน ยังเป็นการกระทำที่เสียแรงเปล่า 

 

 

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดง ภายในคือความเดือดดาลที่มีต่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เขาจ้องมองน้องชายตาเขม็ง คล้ายกำลังจ้องมองศัตรูชั่วชีวิตของตน  

 

 

ในเวลานี้ พวกเยี่ยเม่ยเข้ามาถึงแล้ว 

 

 

เยี่ยเม่ยเดินเข้าประตูใหญ่ เห็นเป่ยเฉินเสียงนอนบนพื้น สีหน้าเจ็บปวด ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยืนอยู่ด้วนข้าง มุมปากอมรอยยิ้มชวนมอง  

 

 

เยี่ยเม่ยย่นคิ้ว ถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น เป่ยเฉินเสียงก็ล่วงเกินท่านหรือ” 

 

 

นางยังไม่ทันคิดบัญชีกับเป่ยเฉินเสียง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับลงมือล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว แววตาเผยรอยยิ้มมองเยี่ยเม่ย ใบหน้าหล่อเหลาเจือรอยยิ้มที่ยากปกปิด เอ่ยเสียงอ่อนโยน “ถูกแล้ว เยี่ยนได้ยินว่าเขาเหิมเกริม สั่งให้ทหารไปทำร้ายแม่นางเยี่ยเม่ย เยี่ยนอดรนทนไม่ไหว จึงลงมือ แสดงความห่วงใยพี่ชายของตนสักหน่อย” 

 

 

ที่แท้ก็ทำเพื่อนาง เยี่ยเม่ยพยักหน้า ในใจรู้สึกว่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนผู้นี้ไม่เลวเลย นางมองเป่ยเฉินเสียงทีหนึ่ง 

 

 

ทั่วร่างมีแต่เลือด นอนสภาพน่าอนาถบนพื้น มุมปากรวมถึงจมูกล้วนมีเลือดไหล สภาพน่าสงสารถึงที่สุด ลำคอยังเขียวช้ำ เขาบีบคอตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า คล้ายต้องการอาเจียนอะไรออกมา  

 

 

ท่าทางเช่นนี้… 

 

 

ยังดูน่าสงสารอย่างแปลกประหลาด 

 

 

เยี่ยเม่ยส่งสายตามองเป่ยเฉินเสียง เดินไปยังเบื้องหน้าเขา ยื่นเท้าเตะเป่ยเฉินเสียงอย่างไม่เกรงใจ “ได้รับการสั่งสอนแล้วหรือ”  

 

 

เป่ยเฉินเสียงยามนี้จวนเจียนจะพ่นเลือดออกมาคำหนึ่ง 

 

 

สตรีนางนี้ถึงกับใช้เท้าเหยียบเขาผู้เป็นองค์ชาย ซ้ำยังเป็นองค์ชายใหญ่ที่กำเนิดจากฮองเฮาต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้ 

 

 

แต่เมื่อมองเยี่ยเม่ยสีหน้าไม่เป็นมิตร ซ้ำยังมีเป่ยเฉินเสียเยี่ยนด้านข้างอีก 

 

 

ยามนี้เขาก็เข้าใจแล้ว ตอนนี้หาใช่ยามที่ตนมัวทำตัวเป็นวีรบุรุษ เอ่ยคำพูดน่าเกรงขามออกมา สามารถรักษาหน้าของตนไว้จริง แต่เสียชีวิตก็ไม่เรียกว่าคุ้มค่า 

 

 

ดังนั้นเขาเลือกเงียบไม่ตอบ 

 

 

เยี่ยเม่ยปรายตามองเขา เอ่ยเสียงเย็นชา “ท่านพูดมาตามตรง หลายวันนี้ท่านเห็นว่าข้าเพียบพร้อมมาก ท่านเองไม่คู่ควรกับข้า ทั้งเรื่องวางยาพิษ ท่านจึงระเบิดโทสะ เพราะความรักแปรเป็นความแค้น คิดลงมือกับข้า” 

 

 

เป่ยเฉินเสียง “…” 

 

 

คนทั้งหมดในที่นี้ “…?” 

 

 

นัยน์ตาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนทวีความล้ำลึกขึ้นหลายส่วน มุมปากยกยิ้ม จ้องเป่ยเฉินเสียง รอยยิ้มที่มีเจตนาไม่ชัดเจนทำให้เป่ยเฉินเสียงหนังศีรษะชาวาบ 

 

 

 “ไม่ใช่” เป่ยเฉินเสียงปฏิเสธทันควัน 

 

 

           ยามที่เขาเอ่ยออกไป ใบหน้าเดี๋ยวเขียวคล้ำเดี๋ยวขาวซีด ความจริงก็เป็นอย่างที่เยี่ยเม่ยเอ่ยอยู่บ้าง เขาเห็นสตรีนางนี้ไม่ไว้หน้าเขาเลยสักน้อย อยากได้ตัวนางแต่ก็เป็นไปไม่ได้ เพื่อกันมิให้อีกฝ่ายไปอยู่ข้างเดียวกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลายเป็นศัตรู เขาจึงทำเช่นนี้  

 

 

ส่วนสาเหตุที่ว่ามาจากความเพียบพร้อมของนาง? ซ้ำยังมีเปลี่ยนจากความรักจนกลายเป็นความแค้น ? 

 

 

ล้วนไม่มีแม้แต่น้อย 

 

 

เยี่ยเม่ยฟังคำตอบก็ไม่โกรธ พยักหน้าตอบว่า “ความจริงท่านไม่ชอบข้าใช่หรือไม่ อย่างนั้นก็ไม่แปลก อย่างไรเสียท่านก็รู้ว่าข้าเพียบพร้อม ท่านไม่คู่ควร ท่านไม่กล้าตกหลุมรักข้าได้ง่ายๆ เรื่องนี้ข้าเข้าใจได้ ดังนั้นข้ายอมรับคำปฏิเสธของท่าน”  

 

 

เป่ยเฉินเสียง “…?”  

 

 

นางมียางอายบ้างหรือไม่ 

 

 

เยี่ยเม่ยประเมินเป่ยเฉินเสียงอีกครั้ง เอ่ยช้าๆ “เห็นแก่สภาพน่าอนาถของท่านแล้ว ข้าคร้านจะลงมืออีก ไม่สู้เอาอย่างนี้ ท่านสาบานด้วยเกียรติและฐานะของท่าน ภายหน้าจะไม่หาเรื่องข้าอีก ไม่เช่นนั้นขอให้ท่านไม่แข็งไปหมื่นปี ข้าก็จะปล่อยท่านไป เป็นอย่างไร” 

 

 

 “ข้า…” เป่ยเฉินเสียงหน้าเขียวคล้ำ ถลึงตามองเยี่ยเม่ยไม่พูดจา 

 

 

เขาเป็นถึงองค์ชายถึงกับต้องให้เยี่ยเม่ยยอมปล่อยเขา ซ้ำยังต้องสาบานและสัญญา โดยเฉพาะคำสาบานร้ายแรงนั่นเกี่ยวพันถึง…ศักดิ์ศรีของบุรุษ อีกฝ่ายถึงยอมปล่อยเขา ต่อไปเขาเป่ยเฉินเสียงจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนอีก   

 

 

ในเวลานี้เอง องค์รักษ์ผู้หนึ่งวิ่งเข้ามา หลังจากเข้าประตูแล้วก็เอ่ยปากทันที “องค์ชายสี่ ด้านนอกมีคนขอพบ” 

 

 

 “อ้อ?” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองผู้มา กวาดตาด้วยความไม่พอใจ ถามเสียงเบาว่า “คราวนี้เป็นใครอีกแล้ว” 

 

 

ระหว่างที่เขาเอ่ยนั้น บุรุษชุดดำหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่ง กอดกระบี่เดินสาวเท้ายาวเข้ามา 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปรายตามองเขา กลับแค่นเสียงเย็นชา เอ่ยช้าๆ ว่า “เจ้าก็มาด้วยแล้ว? เขาสั่งให้เจ้ามาหรือ” 

 

 

คนผู้นั้นค้อมกาย คุกเข่าลง เอ่ยปากว่า “เป่ยเจี้ยนเกอคารวะองค์ชายสี่ จวินซ่างสั่งให้ข้าน้อยมาจริงๆ เรื่องที่เกิดในที่นี้ จวินซ่างรับรู้หมดแล้ว จวินซ่างกล่าวว่าองค์ชายใหญ่มีความผิด แต่สมควรให้ฝ่าบาทตัดสินโทษ ไม่แนะนำให้ท่านสังหารเขา หวังว่าท่านจะเห็นแก่หน้าจวินซ่าง ปล่อยองค์ชายใหญ่ ให้ข้าน้อยนำตัวเขากลับไปรับโทษที่เมืองหลวง” 

 

 

จวินซ่าง… 

 

 

สีหน้าของทุกคนตื่นตระหนก ราชสำนักเป่ยเฉิน มีบุคคลฐานะสูงส่งผู้หนึ่ง ตำแหน่งฐานะของเขาเพียงอยู่ใต้ฮ่องเต้เท่านั้น ถูกเรียกว่าจวินซ่าง…ยอดฝีมือที่มีความสามารถสะเทือนฟ้า เสิ่นเซ่อเทียน 

 

 

เมื่อได้ยินคำเรียกนี้ ในใจทุกคนเกิดความเคารพขึ้นโดยธรรมชาติ 

 

 

จากนั้น เมื่อองค์ชายสี่ได้ฟัง กลับกวาดตามองเขาอย่างไม่ใส่ใจทีหนึ่ง เอ่ยอย่างสบายอารมณ์ว่า “จะปล่อยเขาหรือไม่ ก็อยู่ที่แม่นางเยี่ยเม่ย เยี่ยนไม่อาจออกความเห็น เพราะเยี่ยนเชื่อฟังคำพูดของแม่นางเยี่ยเม่ยเท่าชีวิต”