ตอนที่ 155 กล้าดีไปหอนางโลม

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

“เพราะฉะนั้น…” เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะมองเขา “สิ่งที่ข้าพูดไม่ว่าตอนไหนก็นับ ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ”

 

 

บนใบหน้าของหวงฝู่อี้เซียนมลายหายไป ค่อยๆ เผยรอยยิ้มสดใสออกมา ดวงตาโตสวยกลับมามีชีวิตชีวา ค่อยๆ ยืนขึ้น เดินไปหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างสง่าผ่าเผย ถือแก้วชาที่อยู่ในมือของนางวางลงบนโต๊ะ ขณะที่นางแสดงแววตางงงวยก็อุ้มนางขึ้นไปวางบนเตียง ประกบริมฝีปากลงไปอย่างเร่าร้อน ทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวที่หายใจไม่ทันตบตีอย่างไรเขาก็ไม่ปล่อย

 

 

ผ่านไปนานจนเมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกว่าสมองตนขาดอากาศ จนจะเป็นลมไปแล้วนั้น หวงฝู่อวี้เซียนจึงปล่อยตัวนาง หายใจหอบและกระซิบข้างหูนางว่า “โยวเอ๋อร์ ข้าคิดว่าเจ้าจะทิ้งข้าไปเสียแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่ตา มองด้วยสายตาเย้าแหย่

 

 

หวงฝู่อวี้เซวียนรู้สึกร้อนรุ่ม อดไม่ได้ที่จะประกบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง

 

 

สมองเมิ่งเชี่ยนโยวเบลอไปหมด มือเอื้อมไปกอดคอเขาตามธรรมชาติ ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ

 

 

จนเมื่อเสียงระแวดระวังของหวงฝู่อวี้จากเรือนในจวนดังขึ้น “ซื่อจื่อ แม่นางเมิ่ง พระชายาส่งคนมาแจ้งว่าอาหารกลางวันเตรียมเสร็จแล้ว เชิญท่านทั้งสองไปทานขอรับ” หวงฝู่อี้เซวียนจึงปล่อยตัวนาง น้ำเสียงเหนื่อยหอบตอบไปว่า “รู้แล้ว เดี๋ยวพวกเราตามไป”

 

 

เสียงเท้าของหวงฝู่อี้เดินออกไปจากลานบ้าน

 

 

หวงฝู่อี้ลุกขึ้นยืน เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยังตกอยู่ในความมึนงง ก้มหัวหัวเราะ “โยวเอ๋อร์ ถ้าเจ้ายังลุกไม่ขึ้น ข้าไม่ประกันนะว่าจะทำอะไรอีก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกตัว หน้าแดงก่ำ ถลึงตาใส่เขาผู้ร้ายคนนี้

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนลดตัวลงต่ำ หัวเราะพลางดึงนางขึ้นมา พานางไปที่อ่างล้าง ชุบผ้าบิดน้ำหมาด และเช็ดให้นางอย่างเบามือ

 

 

ความเย็นของน้ำทำให้นางตื่นจากภวังค์ ดึงผ้าขนหนูจากมือเขามา ชุบน้ำบิดหมาดอีกครั้ง เช็ดหน้าตัวเองลวกๆ จนรู้สึกว่าหน้าไม่ร้อนผ่าวแล้ว จึงดุหวงฝู่อี้เซวียนว่า “จากนี้ไป อยู่ให้ไกลข้าหน่อย ถ้ายังกล้าทำอย่างนี้กับข้า ข้าจะหักขาเจ้า”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหัวเราะเสียงเบา จับผ้าที่อยู่ในมือนางโยนลงในอ่าง จูงมือนางเดินไปที่ห้องของพระชายาฉี

 

 

เห็นทั้งสองเดินเข้ามา พระชายาฉียิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อครู่นี้บ่าวหญิงพูดไม่ชัดเจน อาหารกลางวันต้องทานในห้องแม่ แม่กำลังจะให้หลิงหลงเรียกพวกเจ้ามาอยู่เลย”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหน้าแฝงรอยยิ้ม ถามขึ้นว่า “เข่าเสด็จแม่ยังเจ็บมากหรือขอรับ”

 

 

พระชายาฉีสังเกตเห็นสีหน้าเขาต่างจากเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง เหลือบไปเห็นริมฝีปากที่บวมเป่งของเมิ่งเชี่ยนโยว แอบถอนหายใจ สีหน้าไม่มีอะไรผิดปกติ ยิ้มและตอบกลับ “ไม่เจ็บแล้ว ยาของโยวเอ๋อร์ได้ผลดีมาก”

 

 

“หลังจากหายแล้ว คงทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ข้ามียาที่ช่วยเรื่องแผลเป็นด้วย รอให้อี้เซวียนไปที่จวนของข้า จะให้เขานำกลับมาขวดหนึ่ง เมื่อแผลหายดีแล้ว ให้ทาทุกวัน ใช้เวลาไม่นานมากนัก เข่าของท่านก็จะกลับมาเนียนดังเดิมเพคะ”

 

 

พระชายาฉีเคยได้ยินยารักษาแผลเป็น มูลค่าสูงลิ่ว โบกมือปฏิเสธ “แผลอยู่ตรงหัวเข่า ไม่เป็นไรหรอก อย่าสิ้นเปลืองของมีค่าขนาดนั้นเลย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มเล็กน้อยไม่พูดอะไร

 

 

อ๋องฉีและหวงฝู่อวี้เดินเข้ามา

 

 

อ๋องฉียังคงมาดปกติไว้ เข้ามาแล้วเหลือบมองพระชายาฉีครู่หนึ่ง เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของนาง ไม่มีอาการเจ็บปวด จึงนั่งลงบนโต๊ะอาหาร

 

 

แต่ไม่ได้เจอหวงฝู่อวี้เพียงไม่กี่วัน ก็ซูบผอมลงไปไม่น้อย สีหน้าดูป่วยทรุดโทรม หลังจากเข้ามาในเรือน ก็คารวะทุกคนตามธรรมเนียม และนั่งลงบนโต๊ะอาหาร

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนมองตากัน ครู่หนึ่ง จึงนั่งลงด้วย

 

 

พระชายาไม่ได้ขยับ หลิงหลงนำโต๊ะตัวเล็กออกมาหนึ่งตัว วางข้างหน้านาง

 

 

บ่าวใช้นำอาหารเข้ามาจัดวางบนโต๊ะ อ๋องฉีจับตะเกียบเริ่มทาน

 

 

ที่เหลือจึงจับตะเกียบและทานตาม หวงฝู่อี้เซวียนคีบผักที่เมิ่งเชี่ยนโยวชอบใส่ในถ้วยของนาง ก่อนที่ตัวเองจะเริ่มทาน

 

 

อ๋องฉีแกล้งทำเป็นไม่เห็น ทานข้าวตัวเองต่อไป แม้หวงฝู่อวี้เองก็ทานอย่างเอร็ดอร่อย แต่เขาก็คีบแค่อาหารจานที่อยู่หน้าเขา จานอื่นไม่แม้แต่จะมอง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เมิ่งเชี่ยนโยวกระพริบตาปริบ

 

 

หลังจากทานเสร็จ บ่าวใช้นำอาหารออกไป หวงฝู่อวี้ลุกขึ้นยืน คารวะทุกคนพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ซื่อจื่อ แม่นางเมิ่งข้าขอตัวก่อนนะขอรับ”

 

 

เมื่อเห็นว่าเขาเรียกด้วยคำที่แปลกไปจากเคย หวงฝู่อี้เซวียนก็ขมวดคิ้วเป็นปม ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อวี้เอ๋อร์ ช่วงนี้เจ้าทำอะไรอยู่น่ะ”

 

 

หวงฝู่อวี้สีหน้าสงบ ตอบอย่างนอบน้อม “เพื่อนสองสามคนเห็นว่าข้าเบื่อ พาข้าไปข้างนอกมาสองสามวัน เมื่อคืนเพิ่งกลับมา”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า

 

 

หวงฝู่อวี้พูดอย่างนอบน้อม “ซื่อจื่อ หากไม่มีธุระอื่นใดแล้ว ข้าขอกลับห้องก่อนนะขอรับ ช่วงนี้เล่นเพลินไปหน่อย ไม่ได้พักผ่อนดีๆ รู้สึกเหนื่อยขอรับ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้พูดอะไร

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าคุณชายรองไปเที่ยวเล่นนอกเมืองที่ไหนมานะเพคะ”

 

 

หวงฝู่อวี้สะดุ้งโหยง สายตาเลิกลั่ก พูดว่า “ก็แค่ไปล่าสัตว์ เมื่อก่อนเราก็ออกไปล่าด้วยกันบ่อยๆ น่ะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า

 

 

หวงฝู่อวี้เพิ่งจะโล่งใจ เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเอ่ยปากถามขึ้นอีก “คุณชายรองล่าสัตว์อะไรหรือเจ้าคะอย่าบอกเชียวนะว่า หายไปล่าตั้งหลายวันแต่ไม่ได้ไก่ป่ามาแม้แต่ตัวเดียว”

 

 

แม้ความสามารถของหวงฝู่อวี้จะสู้หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ แต่ในบรรดารุ่นเดียวกันก็ถือว่าไม่เลวอยู่ ออกไปตั้งหลายวัน จะบอกว่าล่าสัตว์ไม่ได้เลยสักตัว แม้แต่ตัวเองยังไม่อยากจะเชื่อเลย จึงเอ่ยอย่างร้อนรนว่า “ข้าคิดว่าเสด็จพ่อและเสด็จแม่น่าจะไม่ชอบ ก็เลยให้พวกเขาเอากลับไปน่ะขอรับ”

 

 

“คุณชายรองไปกับใครบ้างหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวจี้ถามโดยไม่เว้นช่องว่างให้เขาได้คิด

 

 

หวงฝู่อวี้ไม่ได้พูดอะไร

 

 

อ๋องฉีรู้สึกแปลกชอบกล คิ้วขมวด

 

 

พระชายาฉีเข้าใจเมิ่งเชี่ยนโยว รู้ว่านางไม่เค้นคำตอบอะไรอย่างไร้เหตุผลแน่ๆ จึงไม่ได้พูดห้ามปราม เพียงแค่นั่งมองไปทางนี้อย่างเงียบๆ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น เดินไปข้างๆ หวงฝู่อวี้ วนรอบตัวเขาหนึ่งรอบ ยิ้มแล้วพูดว่า “ดูท่าแล้วคุณชายรองคงล่าได้สัตว์ใหญ่นะเจ้าคะถึงได้ไปหอนางโลมสังสรรค์ใหญ่โต”

 

 

เมื่อนางพูดจบ พระชายาฉีถามอย่างไม่เชื่อว่า “อวี้เอ๋อร์ โยวเอ๋อร์พูดจริงเหรอ”

 

 

อ๋องฉีโมโหจนร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ ราวกับว่าขอแค่หวงฝู่อวี้กล้ายอมรับ ก็จะลงโทษเขาอย่างหนัก

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหรี่ตามอง อารมณ์โกรธเริ่มเดือดพล่าน

 

 

หวงฝู่อวี้ตกใจจนเข่าอ่อนไปหมด พลุบ ลงไปคุกเข่า พูดแก้ตัว “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ลูกไม่ได้ไปนะ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนตะโกนสั่ง “เรียกเฮ่ออีเข้ามา ข้าล่ะอยากจะถามให้รู้จริงๆ ว่าคุณชายรองไปไหนมา”

 

 

หวงฝู่อวี้หน้าซีดเผือก ปากสั่นระริก

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนจ้องเขา

 

 

สักพัก หวงฝู่อวี้ก้มหน้าเงียบ

 

 

เฮ่ออีเข้ามาอย่างรวดเร็ว เห็นอ๋องฉีและหวงฝู่อี้เซวียนอยู่ แต่หวงฝู่อวี้กลับคุกเข่าอยู่บนพื้น ก็พอจะเดาอะไรได้ เขาได้แต่ร้องทุกข์ในใจ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยปาก ถามเสียงขรึม “เฮ่ออี สองสามวันนี้เจ้าอยู่กับอวี้เอ๋อร์ตลอดใช่ไหม”

 

 

เฮ่ออีเป็นองครักษ์ประจำตัวตัวหวงฝู่อวี้ แน่นอนว่าต้องอยู่ปกป้องเขาทุกเมื่อ เขาตอบอย่างนอบน้อมว่า “รายงานซื่อจื่อ ข้าน้อยติดตามคุณชายรองตลอดขอรับ”

 

 

“เขาไปทำอะไรมาบ้าง เจ้าจงพูดความจริงทั้งหมด”

 

 

เฮ่ออียังคงจำภาพการลงโทษครั้งที่แล้วได้ไม่ลืม จึงไม่กล้าปิดบัง พูดขึ้นว่า “คุณชายรองและท่านชายที่สนิทสนมกันสองสามคนออกไปนอกเมืองล่าสัตว์ เมื่อประตูเมืองจะปิดก็กลับเข้ามา คุณชายรองกำลังจะกลับบ้าน แต่ท่านชายสองสามคนนั้นกลับฉุดดึงคุณชายรองไปหอนางโลม หลังจากนั้น หลังจากนั้น…”

 

 

“หลังจากนั้นอะไร” หวงฝู่อี้เซวียนเสียงขรึมกว่าเดิม

 

 

เฮ่ออีตกใจจนสะดุ้ง รีบตอบว่า “หลังจากนั้น จนถึงเมื่อคืนคุณชายรองจึงเพิ่งออกมาจากหอนางโลมพร้อมท่านชายท่านอื่นๆ”

 

 

พระชายาฉีเบิ่งตานิ่งเงียบ ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก อ๋องฉีโกรธจัด ลุกขึ้น และชักขาถีบออกไปทันที ด่าด้วยความโกรธ “ไอ้คนไม่รู้จักโต อายุแค่นี้หัดไปหอนางโลม ดูสิว่าข้าจะเอาให้เจ้าตายยังไง”

 

 

แรงถีบทำให้หวงฝู่อวี้กระเด็นไปกองบนพื้น เขาใช้เวลาตะกุยตะกายอยู่สักพักจึงกลับมาคุกเข่าเหมือนเดิมได้

 

 

“เสด็จพ่อ ท่านอย่าโมโหเลย ลูกจะสั่งสอนเขาเอง” หวงฝู่อี้เซวียนพยายามเกลี้ยกล่อมให้เสด็จพ่อหายโกรธ ก้มลงหน้าหวงฝู่อวี้ พูดชัดถ้อยชัดคำด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อวี้เอ๋อร์ จำได้ไหมว่าข้าเคยพูดอะไรกับเจ้า”

 

 

หวงฝู่อวี้หดตัวตามสัญชาตญาณ เงยหน้ามองเขาด้วยความสงสัย ไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหัวเราะพลางพยักหน้า “ดีมาก ลืมเร็วแบบนี้ พี่ช่วยคิดให้ได้นะ” พูดจบ ลุกขึ้น ตะโกนสั่งว่า “เฮ่ออี ส่งคุณชายรองกลับห้องตัวเอง”

 

 

เฮ่ออีขานรับเดินเข้ามา พยุงหวงฝู่อวี้ที่ยังมึนงงอยู่ออกไป

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพูดกับอ๋องฉีและพระชายาฉีว่า “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ อีกสักครู่หากพวกท่านได้ยินเสียงอะไร อย่าตกใจไปนะขอรับ วันนี้ข้าต้องลงโทษอวี้เอ๋อร์ให้หนักสักตั้ง”

 

 

อ๋องฉีไม่ได้พูดอะไร พระชายาฉีอดไม่ได้พูดขึ้น “เซวียนเอ๋อร์ ลงมือเบาๆ หน่อยนะ อวี้เอ๋อร์อาจจะโกรธเคืองอะไรพวกเราอยู่ หาที่ระบายไม่ได้ จึงทำอะไรอย่างนี้น่ะ หากลูกทำอะไรเกินไป อวี้เอ๋อร์อาจจะโกรธเคืองพวกเรามากกว่าเดิมนะ”

 

 

“วางใจเถิดขอรับ เสด็จแม่ ข้ารู้อะไรควรมิควร” หวงฝู่อี้เซวียนรับรองอย่างไม่จริงใจ

 

 

พระชายาฉีถอนหายใจเฮือกใหญ่ หวงฝู่อวี้ถูกเฮ่ออีพยุงกลับห้องไปแล้ว

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวออกจากเรือนของพระชายาฉี มาถึงเรือนของหวงฝู่อวี้

 

 

ทั้งสองเดินเข้าไป นั่งลง หวงฝู่อี้เซวียนถามเขาด้วยเสียงอ่อนโยน “อวี้เอ๋อร์ เจ้าบอกความจริงข้ามา นอกจากไปล่าสัตว์และไปหอนางโลมแล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก”

 

 

หวงฝู่อวี้กระพริบตา ตอบอย่างลังเล “ไม่ ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นขอรับ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนจ้องเขา

 

 

หวงฝู่อวี้ถูกจ้องจนทำตัวไม่ถูก ไม่กล้ามองเขา ก้มหน้าลงต่ำ

 

 

เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนดังขึ้นข้างหน้าเขา “พี่ไม่เคยบอกเจ้าหรือ ว่าเราเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ต่อไปต้องดูแลซึ่งกันและกัน ร่วมประคับประคองตระกูล”

 

 

หวงฝู่อวี้ตกใจเงยหน้า มองเขาอย่างสับสน

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนถามขึ้นอีกครั้ง “พี่ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเจ้าเลยหรือ”

 

 

หวงฝู่อวี้พยักหน้า

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็พยักหน้าด้วย สั่งเฮ่ออี “ไปเอาเชือกมา มัดคุณชายรองไว้”

 

 

เฮ่ออีตกใจมองไปที่เขา ไม่ขยับ

 

 

“ทำไม คำสั่งข้าไม่ใช่คำสั่งรึ” หวงฝู่อี้เซวียนถามอย่างน่าเกรงขาม

 

 

เฮ่ออีได้สติ รีบพูดขึ้น “ข้าน้อยมิบังอาจ ข้าน้อยจะไปเอาเชือกมาเดี๋ยวนี้ขอรับ” พูดจบ เดินออกไปทันที

 

 

หวงฝู่อวี้กลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ถามอย่างเกรงกลัว “ซื่อ ซื่อจื่อ พี่ พี่จะทำอะไรน่ะ”

 

 

“เจ้าลืมสิ่งที่พี่บอกเจ้าไปไม่ใช่หรือ พี่จะช่วยเจ้านึกออกนี่ไง”

 

 

หวงฝู่อวี้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ถามอย่างกลัวๆว่า “พี่จะช่วยข้าคิดยังไง”

 

 

“เจ้าว่าล่ะ” หวงฝู่อี้เซวียนถามเขากลับ

 

 

อยู่ๆ สมองของหวงฝู่อวี้ก็นึกคำที่เขาเคยพูดออก “ถ้าต่อไปเจ้ากล้าทำผิดอีก ข้าจะแขวนเจ้าไว้บนต้นไม้!”

 

 

รีบพูดขึ้นว่า “พี่ทำอย่างนี้ไม่ได้”

 

 

“ทำไมข้าจะทำไม่ได้ ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าซื่อจื่อ ก็สำนึกว่าเจ้าทำผิดแล้ว ข้ามีสิทธิลงโทษเจ้า” หวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้าใกล้เขา พูดอย่างเย็นชา

 

 

หวงฝู่อวี้อ้าปากจะพูด แต่พูดอะไรไม่ออก

 

 

เฮ่ออีนำเชือกมา มองหวงฝู่อวี้อย่างลำบากใจ

 

 

“มัดไว้!” หวงฝู่อี้เซวียนตะคอก

 

 

เฮ่ออีไม่กล้าตุกติก มัดหวงฝู่อวี้

 

 

“หาต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้น แขวนคุณชายรองไว้”

 

 

เฮ่ออีไม่กล้าขัดคำสั่ง นำร่างที่ถูกมัดของหวงฝู่อี้ออกไป หาต้นไม้ต้นใหญ่หน้าเรือนในจวน แขวนหวงฝู่อวี้ไว้ จนถึงตอนนี้ หวงฝู่อวี้ปิดปากแน่น ไม่แม้แต่จะร้องขอความเมตตา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมา เห็นท่าทางของที่เฮ่ออีแขวนหวงฝู่อวี้ ถามเขาอย่างขึงขัง “เฮ่ออี ในค่ายองครักษ์เขาสอนให้แขวนคนอย่างนี้รึ”

 

 

เม็ดเหงื่อปรากฏบนหน้าผากของเฮ่ออี เขารีบปล่อยหวงฝู่อวี้ลงมา และแขวนขึ้นไปใหม่

 

 

หน้าของหวงฝู่อวี้แดงก่ำไปด้วยเลือด แต่กลับไม่ร้องสักคำ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเดินไปหน้าเขา ก้มศีรษะแสยะยิ้มให้เขา ยังไม่ทันที่หวงฝู่อวี้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตัวของเขาก็ถูกเตะเข้าอย่างจัง