สมาชิกทั้งหมดของทีมรักษาความปลอดภัยตอบรับเสียงดังสนั่นและหมุนตัวจากไปด้วยเร็วยิ่งกว่าตอนมาซะอีกความกลัวในใจยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตัวแข็งจนชาไปชั่วขณะ
มีใครกล้ามาบุกค่ายหนานตู้ในเวลานี้อีกเหรอ?
มันเป็นอย่างที่ฉางกวนยวีซินพูดจริงๆด้วย!
ในตอนที่เฮลิคอปเตอร์ลอยขึ้นมาาจากโกดังมันก็สายไปเสียแล้วทุกคนได้แต่มองภาพนั้นนิ่งค้างและละอายใจเพราะรู้ดีว่าที่ฉางกวนยวีซินพูดนั้นถูกต้อง พวกเขาไม่สามารถรับผิดชอบความเสียที่ตามมาได้!
ไม่มีใครกล้าต่อต้านฉางกวนยวีซินอีกในตอนนี้ไม่มีใครกล้ายกประเด็นขึ้นมาแย้งเธออีกในเวลานี้ นอกเหนือจากผลกระทบต่อภาพที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาแล้ว พวกเขายังหน้าชาเมื่อทุกอย่างมันเป็นไปตามสิ่งที่ฉางกวนยวีซินเคยพูดเอาไว้ทุกคำ
อะไรคือคนที่อำนาจคนที่มีอำนาจเหนือกว่าจะต้องคิดหามาตราการในการรับมือค่ายเพื่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างวันนี้ การตัดสินและการตอบสนองอย่างรวดเร็วจะต้องทำอย่างดีที่สุดไตร่ตรองด้วยข้อมูลในมือที่มากที่สุด แต่ที่น่าตกใจสำหรับทุกคนมากยิ่งกว่านั้นก็คือ…
ฉางกวนยวีซินมาเดินเส้นทางนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
”ไปกัน…ไปดูทรัพยากรที่เหลือของคลังสินค้ากัน!”เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งรีบตอบสนองอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตกใจ เขาลืมคัดกรองคำพูดของฉางกวนยวีซิน
เจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่พึ่งได้สติกลับมาก็ตื่นตระหนกอย่างมากรีบออกตัววิ่งหนีไปทันที
ในตอนนั้นเองฉางกวนยวีซินที่เดินออกได้ไม่กี่ก้าวก็หมุนตัวกลับกระทันหันแววตาคมกริบรากวับมีด จึก!
เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหลายหยุดชะงักทันทีใบหน้าของเจ้าหน้าที่ที่พูดเมื่อครู่เต็มไปด้วยความหวสดกลัวที่ไม่รู้มาจากไหน การก้าวผิดเพียงจังหวะเดียวทำให้พวกเขาสูญเสียข้อได้เปรียบที่มีต่อฉางกวนยวีซินไปจนหมดในคราวเดียว
ฉางกวนยวีซินเหลือบมองเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆๆที่ยังคงรออยู่ด้านหลังอย่างไม่มีอารมณ์แสดงออกในแววตาน้ำเสียงดังชัดและไม่มีความแยแส “ฉันพึ่งพูดไปว่าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกไปจากที่นี้ ไม่ได้ยินเหรอไง?”
เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายหนานตู้ช็อคอีกครั้งสายตาของทุกคนหันขวับไปมองที่ฉางกวนยวีซินทันที นอกเหนือจากความช็อคแล้ว พวกเขายังสัมผัาได้ถึงความน่ากลัวของเธออีกด้วย
สัญชาตญาณพวกเขาบอกว่าฉางกวนยวีซินอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในเย็นวันนี้การลอบวางเพลิงไม่ใช่โอกาสสำหรับพวกเขาที่จะดึงฉางกวนยวีซินลงมาจากตำแหน่งแต่เป็นโอกาสที่จะให้ตำแหน่งของฉางกวนยวีซินมั่นคงมากขึ้นต่างหาก และถ้าพวกเขาไม่หาทางแก้ไขภายในวันนี้คาดว่าค่ายหนานตู้จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แน่ๆ
”คะคุณไม่มีสิทธิ” เสียงสั่นๆผสมติดอ่างของอีกฝ่ายที่พยายามตอ่ต้าน
แต่ครั้งนี้—–
”พรึบ!”
ทันใดนั้นกลุ่มกองกำลังรบก็ปรากฏตัวขึ้นโดยการนำของมู๋หรงยู่เฉิงสีหน้าของนักรบที่เต็มไปด้วยความดุดันและท่าทางแข็งกร้าวไม่ยอมใคร มู๋หรงยู๋เฉิงมองมาที่ฉางกวนยวีซินอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะกล้ามาที่เพื่อต่อกรกับคนพวกนี้เพียงลำพัง?
”ฉันบอกแล้วไงว่าให้รอฉันจัดการความวุ่นวายให้จบก่อนแล้วค่อยมาเก็บกวาดคนที่สร้างปัญหา!”แววตาของฉางกวนยวีซินยังคงแข็งกร้าวและไม่แยแสใคร น้ำเสียงที่ใช้ก็ทำให้ทุกคนขนลุกด้วยความเยือกเย็น “มู๋หรงยู่เฉิงคอยคุมคนพวกนี้เอาไว้อย่างเข้มงวด ถ้าใครมีปัญหาหรือออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ฉางกวนยวีซินก็ลากเสียง แววตาพลันเปลี่ยนเป็นดุร้ายราวกับเสือก่อนจะออกคำสั่งที่เต็มไปด้วยความเด็ดขาด “ฆ่าทิ้งซะ!”
ดุดัน!รุนแรง!
ราวกับร่างจำลองของชูฮัน!
”ครับ!”มู๋หรงยู่เฉิงตอบรับเสียงดังทันที ตัวเขาเองก็ตื่นเต้นจนแทบห้าไม่อยู่เหมือนกัน เขาไม่เคยเห็นฉางกวนยวีซินแบบนี้เลย
ทุกคนตกใจค้างจนพูดอะไรไม่ออกเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่กล้าขยับตัวไปไหน ชาวบ้านกลุ่มใหญ่ที่มายืนดูเหตุการณ์ก็ยิ่งกว่าาตกใจ
เพียงค่ำคืนเดียวในตอนนี้ค่ายหนานตู้ได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง!
ฉางกวนยวีซินที่ตกอยู่ภายใต้สายยตาของทุกคนหมุนตัวกลับหลังทันทีและเดินออกไป ปลายทางของเธอคลังสินค้า แต่ในมุมที่ทุกคนมองไม่เห็นก็คือเธอแอบยิ้มกว้างอย่างดีใจกับตัวเอง
ทั้งหมดนี้มันเกิดเพียงเพราะแผนการลอบวางเพลิงและการปล้นเฮลิคอปเตอร์ตามมาด้วยการปรากฏตัวที่เหมาะเจาะได้เวลาของมู๋หรงยู่เฉิง แผนการทุกอย่างและการวางเวลาทั้งหมดเป็นความคิดของชูฮัน ทำให้ในตอนนั้นทั้งฉางกวนยวีซิน ฉางกวนหลงถึงได้ตกใจค้างอยู่นานกว่าจะได้สติกกลับคืนมา
ทุกอย่างไม่ใช่แค่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของฉางกวนยวีซินในสายตาของทุกคนเท่านั้นแต่มันยังเป็นการวางรากฐานสำหรับเธอในการสร้างอำนาจในค่ายหนานตู้อีกด้วย และในเวลาเดียวกัน มันก็ยังเป็นการเรียกคนที่ต้องการจะก่อกบฏต่อเธอให้มารวมตัวกันได้ทั้งหมดภายใยครั้งเดียว จะมีอะไรมากกว่านี้ได้อีก?
ฉางกวนยวีซินที่เทิดทูนชูอันอยู่แล้วเดิมทียิ่งเมื่อคิดย้อนนึกกลับไปเธอก็ยิ่งภูมิใจในตัวชูฮันมากขึ้นไปอีก แต่มันก็ได้สร้างความสงสัยในใจของเธอขึ้นมาในเวลาเดียวกัน…ชูฮันเพียงแค่คนๆเดียวทำไมถึงสามารถจัดการทุกอย่างรวดเร็วได้ภายในเวลาสั้นๆได้ มันเป็นไปได้จริงเหรอที่ชูฮันจะลงมือจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง?
หรือว่ามีคนของชูฮันอยู่ในค่ายหนานตู้…
—————-
ขณะนี้บนเฮลิคอปเตอร์ที่บินออกมาไกลแล้ว เกาช้าวฮุ่ยที่นั่งอยู่ตรงข้างคนขับยังคงตะลึงไม่หาย เขาจ้องชูฮันที่กำลังขับเฮลิคอปเตอร์อยู่แไม่วางตา ในตอนที่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาตอนแรก เกาช้าวฮุ่ยตกใจอย่างมากกับข้าวของมากมายที่เห็น มันอัดแน่นห้องผู้โดยสารเต็มไปหมด
อยากจะบ้าตาย! ชูฮันอยู่กับเขาตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ?
แล้วชูฮันไปเอาเวลาไปขโมยข้าวของมากมายพวกนี้?
บ้าไปแล้ว!
”เราตกลงร่วมมือกัน!”ความอยากรู้ของเกาช้าวฮุ่ยนั้นรุนแรงมาก “นายควรจะบอกฉันว่านายทำอะไรลงไป? นี้มัน นี้มันคือสถานการณ์อะไร?”
ในกรณีนี้คำอธิบายของชูฮันก็คือหน่วยข่าวกรองลับของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่แฝงตัวอยู่ในค่ายหนานตู้
การทำงานที่แสนจะรวดเร็วและไร้ข้อบกพร่องของทหารเขาทำให้ชูฮันค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อยหลังจากเอ่ยแผนการให้ฉางกวนหลงและฉางกวนยวีซินรับรู้ เขาก็เรียกหน่วยข่าวกรองลับมาเพื่อส่งต่อข้อมูลทันที สมาชิกของหน่วยข่าวกรองลับที่ปะปนอยู่ในหลายตำแหน่งภายในค่ายหนานตู้ปฏิบัติกาารอย่างพร้อมเพียง และพอถึงตอนที่ชูฮันเดินออกมาจากบ้านพักของฉางกวนยวีซินเขาก็ได้รับคำถามจากหน่วยข่าวกรองลับ
หน่วยข่าวกรองลับถามว่าเขาต้องการให้ลงมือตอนนี้เลยมั้ย?
ดังนั้นตอนที่ชูฮันมาถึงจุดนัดพร้อมกับเกาช้าวฮุ่ยไม่เพียงแค่หน่วยข่าวกรองลับจะเตรียมเฮลิคอปเตอร์เอาไว้ให้เท่านั้น แต่ยังขนย้ายข้าวของที่จำเป็นรอเอาไว้ให้เรียบร้อยอีก?
ใครกันแน่ที่เป็นผู้นำของค่ายหนานตู้?
ชูฮันไม่อยากจะคิดลึกเลยแต่ค่ายนี้มันเป็นของฉางกวนหลงหรือของเขากันแน่?
แต่ไม่ใช่เพราะขั้นตอนทั้งหลายที่ตระเตรียมเพื่อการยึดอำนาจคืนของฉางกวนยวีซินเขาก็คงไม่มีทางรู้เลยว่าหน่วยข่าวกรองลับแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่าได้แทรกซึมจนสามารถควบคุมทั้งค่ายหนานตู้ไปได้แล้ว!