ปรี๊ดแตก

 

 

 

 

ตอนนั้นอันซิงไม่ได้เปิดฉากลุยกับผู้อำนวยการสร้าง เธอยังคำนึงถึงแผนการใหญ่อยู่แต่ในใจก็เดือดพล่านด้วยความโกรธที่ไม่รู้ว่าจะปะทุขึ้นมาเมื่อไหร่ อันซิงยิ่งคิดก็ทั้งน้อยใจทั้งโมโห แล้วก็ยิ่งเกลียดอวี๋เสวี่ยเวยกับทั้งโกรธแค้นหลินหว่านมากขึ้น ได้แต่อัดแน่นอยู่ในอกไม่มีที่ระบายออก 

 

 

อันซิงกลับห้องไปด้วยความโมโห เธอนั่งอยู่ริมเตียงมองดูผู้จัดการที่กำลังจัดเก็บข้าวของ ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ เธอพ่นลมหายใจอย่างแรงเหมือนกับว่าทำอย่างนี้แล้วจะระบายความโมโหในใจตัวเองได้ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เธอลุกขึ้นแล้วเตะกระถางต้นไม้กลิ้งกระเด็นไป 

 

 

ผู้จัดการสะดุ้งเฮือก เงยขึ้นมองอันซิงแล้วพูดเสียงเรื่อยๆ “คุณอันซิง ทำไมคุณไม่ไปทานข้าวกับพวกผู้อำนวยการสร้างล่ะคะ ได้ยินว่าวันนี้มีคนมาเยอะเลยไม่ใช่เหรอ คุณเป็นถึงนางเอกนะ ตอนนี้มาอยู่นี่คงไม่เหมาะมั้งคะ” 

 

 

อันซิงพอได้ยินคำว่าผู้อำนวยการสร้างเท่านั้นความโมโหทั้งหมดก็พุ่งปรี๊ด ดวงตาลุกเป็นไฟอย่างเดือดดาล ขณะที่ในใจกลับอับอายที่ต้องข่มกลั้นมันเอาไว้ พลางคิดว่าตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยต้องพบเจอกับเรื่องแบบนี้เลย ตอนนี้กลับถูกคนอื่นรังแกซะได้ 

 

 

ผู้ช่วยเดินเข้ามาจัดกระถางต้นไม้กลับคืนแล้วพูดปลอบอย่างอ่อนโยนว่า “อันซิงคะ คุณก็อย่าโมโหไปเลย ร่าเริงหน่อยสิคะ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรแต่โกรธจนเสียสุขภาพก็ไม่ดีนะคะ คุณไม่อยากทานข้าวกับพวกเขาก็ไม่เป็นไรหรอก อีกเดี๋ยวฉันจะออกไปซื้อของชอบของคุณมาให้ทานนะคะ คุณก็อย่าโกรธเลยนะ พักผ่อนก่อนเถอะค่ะ” 

 

 

ผู้ช่วยอยากจะปลอบอันซิง ถึงแม้จะไม่ใช่สิ่งที่เธอควรทำ แต่เห็นอันซิงโมโหขนาดนี้ จึงอยากปลอบใจเธอบ้าง แต่คิดไม่ถึงว่ากลับนำความยุ่งยากมาให้ตัวเอง 

 

 

อันซิงหันมาตวาดใส่ผู้ช่วย “แกมันช่างรู้ดีนัก ฉันโมโหแล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก คิดจะหัวเราะเยาะฉันงั้นสิ ดัดจริตแกล้งทำเป็นคนดี แกน่ะมือไม้เร็วหน่อยไม่ได้หรือไง แค่เก็บของแค่นี้เอง ต้องทำซะนานเชียว ไม่เอาไหนเลย ฉันจ้างให้แกมาช่วยฉันไม่ใช่ให้แกมาเที่ยว จะไปไหนก็รีบไสหัวไปซะที” 

 

 

ผู้ช่วยฟังคำพูดอันซิงแล้วก็อึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง เธอไม่เข้าใจว่าตัวเองทำผิดอะไร จึงทำให้อันซิงโมโหได้ขนาดนี้ แต่เมื่อเห็นท่าทางเดือดพล่านของอันซิง ผู้ช่วยก็ไม่กล้าเอ่ยปากอีกได้แต่อดทนเงียบไว้ แม้ว่าจะน้อยใจสุดๆ แต่เธอไม่เคยคิดจะอู้งานมาก่อนเลย ตอนนี้กลับถูกด่าว่าโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ในใจอดนึกไม่ได้ว่ารู้อย่างนี้ไม่ปลอบเธอเสียก็ดี ถูกด่าจิกเสียไม่มีดี ผู้ช่วยก้มหน้าลงอย่างน้อยใจ 

 

 

“มองอะไร ยังไม่รีบเก็บของอีก ต้องให้ฉันเก็บเองหรือไง ไร้น้ำยาจริงๆ เลย มิน่าชาตินี้จึงได้แต่เป็นผู้ช่วยฉันเท่านั้นล่ะ จริงๆ เลย ยิ่งดูก็ยิ่งรำคาญ” อันซิงตวัดสายตาไปทางผู้จัดการกับผู้ช่วย 

 

 

อันซิงยิ่งนึกเกลียดอวี๋เสวี่ยเวยขึ้นอีก ได้แต่นึกก่นด่าเธออยู่ในใจ แต่ก็เป็นเพราะด่าอวี๋เสวี่ยเวยต่อหน้าไม่ได้นั่นเอง 

 

 

ความโกรธของอันซิงไม่มีที่ระบายออก จึงได้แต่โวยวายตะบึงตะบอนอยู่ในห้อง ผู้ช่วยกับผู้จัดการที่อยู่ด้านข้างไม่กล้าพูดหืออืออะไร ได้แต่รับฟังอยู่เงียบๆ  

 

 

“มันเรื่องอะไรกัน ตัวเองบอกว่าหาบทนางเอกนี่ให้ฉัน ฉันก็เชื่อหล่อนขนาดนี้แล้ว ตอนนี้เพิ่งพบกันก็เจอเรื่องแบบนี้เข้า ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยต้องมาเจอกับเรื่องบ้าบอแบบนี้เลย หนอย มาพูดจาหยามหน้ากันแบบนี้ได้อย่างไร ถ้าเป็นอย่างนั้นละก็ต่อไปยังจะติดต่อสานสัมพันธ์อะไรกันอีกล่ะ” อันซิงคำรามฮึ่มฮั่มอยู่ในห้อง 

 

 

ผู้จัดการของอันซิงตั้งหูน้อมรับฟังมาทั้งหมด โดยไม่รู้ว่าอันซิงกำลังตีวัวกระทบคราดด่ากราดกระทบชิ่ง นึกว่าอันซิงพูดกับเธอ แต่ที่จริงแล้วด่าอวี๋เสวี่ยเวยต่างหาก 

 

 

“ปัดโธ่เอ๊ย ทำไมฉันต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วย เธอแน่นักไม่ใช่เหรอ ถึงกับหาบทนางเอกให้ฉันได้ ทำไมดูแลความปลอดภัยให้ฉันไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ คราวหน้าฉันก็ไม่ขอให้เธอมาช่วยยังจะดีกว่าอีก แล้วยังไง เธอจะแน่สักแค่ไหนกันเชียว” 

 

 

อันซิงรู้ว่าผู้จัดการคนนี้เป็นคนของอวี๋เสวี่ยเวยที่ส่งมาอยู่กับเธอ จึงใช้คำพูดที่จะพ่นใส่อวี๋เสวี่ยเวยมาพ่นใส่ผู้จัดการคนนี้แทน พูดจบก็รู้สึกสงบใจลงได้บ้างและไม่รู้สึกเดือดแบบเมื่อครู่อีก เธอถึงกับรู้สึกว่าตัวเองพูดแรงเกินไป แต่พอนึกถึงเจ้าผู้อำนวยการสร้างนั่นก็กลับโมโหอัดหัวอกขึ้นมาอีก 

 

 

ผู้จัดการของอันซิงเป็นคนของอวี๋เสวี่ยเวย แน่นอนว่าผู้จัดการคนนี้มีเรื่องอะไรก็ต้องรีบบอกอวี๋เสวี่ยเวย เรื่องนี้ก็ไม่เว้น 

 

 

ผู้จัดการของอันซิงถ่ายทอดคำพูดของอันซิงให้อวี๋เสวี่ยเวยแบบไม่ตกหล่นสักคำ 

 

 

อวี๋เสวี่ยเวยฟังแล้วก็โมโหอยู่บ้าง แต่เพื่อแผนการใหญ่ เพื่อเอาชนะหลินหว่าน จึงโทรหาอันซิงอย่างเสียไม่ได้ 

 

 

“อันซิง ฉันรู้เรื่องแล้วนะ เรื่องเธอกับผู้อำนวยการสร้างนั่น ฉันว่าที่จริงเธอก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ ฉันหวังว่าเธอจะอดทนไว้อย่าก่อเรื่องล่ะ เธอก็รู้ว่าในวงการบันเทิงเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย เธอไม่ตอบรับเขาฉันก็เข้าใจ แต่อันซิงเธอลองคิดดูนะ โอกาสครั้งนี้พลาดไม่ได้ หรือเธอจะให้หลินหว่านดังขึ้นมาในช่วงที่เธอกำลังตกอับล่ะ คิดดูสิเธอยอมเสียสละแค่เล็กน้อยก็จะได้รับโอกาสชั้นดีมากๆ ที่จะเหยียบหลินหว่านให้จมไปเลย หรือว่าเธอไม่อยากล่ะ” อวี๋เสวี่ยเวยพูดพรวดเดียวจบแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก นึกหวังว่าอันซิงจะยอมรับฟังคำพูดเธอบ้าง 

 

 

อวี๋เสวี่ยเวยเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เธอไม่ได้คิดเผื่ออันซิงหรอก เธอหวังให้อันซิงเชื่อคำพูดเธอไม่รังเกียจผู้อำนวยการสร้างอีก ถ้าหากเธอยอมโอนอ่อนกับผู้อำนวยการสร้างย่อมจะเป็นการดีต่ออวี๋เสวี่ยเวยที่สุด เป้าหมายของเธอแค่ต้องการเอาชนะหลินหว่าน ส่วนอันซิงเป็นแค่เครื่องมือของเธอเท่านั้น เธอเกลียดนิสัยแบบนี้ของอันซิงมาก แต่เธอก็ชื่นชมอันซิงอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือพวกเธอมีศัตรูคนเดียวกัน แถมอันซิงยังเกลียดหลินหว่านยิ่งกว่าเธอเสียอีก 

 

 

อันซิงฟังคำพูดของอวี๋เสวี่ยเวยแล้วเกิดลังเลขึ้นมาบ้าง เธอคิดว่าจะอย่างไรก็ไม่ยอมให้หลินหว่านได้เชิดหน้าชูตาในวงการบันเทิงเด็ดขาด แต่ตัวเธอก็ไม่เคยต้องเจอกับเรื่องน่าอายแบบนั้นมาก่อน อันซิงยังทำใจไม่ได้อยู่นาน 

 

 

อวี๋เสวี่ยเวยที่ปลายสายอีกด้านรออยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงอันซิงตอบกลับเสียทีจึงพูดต่ออย่างหงุดหงิดรำคาญว่า “เธอก็อดทนให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อนไม่ได้หรือไง เอาชนะหลินหว่านให้ได้ก่อน นี่เป็นเป้าหมายสำคัญสุดของพวกเรา จะให้มันมาเหยียบอยู่เหนือหัวเธอไม่ได้ เธอจึงต้องทนไปก่อนหรือเธอจะให้หลินหว่านแซงหน้าเธอไปได้ล่ะ” 

 

 

อวี๋เสวี่ยเวยพูดจบก็วางสาย เธอเข้าใจอันซิงดีต้องยกเอาหลินหว่านขึ้นมาพูด พอแรงริษยาท่วมใจ ร้อยทั้งร้อยอันซิงจะยอมทำเรื่องที่เธอไม่เต็มใจทำ เพียงเพื่อเอาชนะหลินหว่านให้ได้ 

 

 

อันซิงยังลังเลใจอยู่ เนื่องจากเมื่อก่อนเธอเคยเหวี่ยงตามใจจนเคยตัว ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมีวันที่ต้องยอมอ่อนข้อเอาใจคนอื่นเพราะเรื่องงาน เธอรู้สึกขัดใจเอามากๆ แต่คำพูดของอวี๋เสวี่ยเวยยังสะท้อนก้องอยู่ในหัวเธอไม่หยุด โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “หรือเธอจะให้หลินหว่านแซงหน้าเธอไปได้ล่ะ”