เพื่อนดื่ม

 

 

 

 

อันซิงหลังจากถูกอวี๋เสวี่ยเวยด่ากราดไปรอบหนึ่ง กลับถึงโรงแรมที่พักซึ่งทางกองถ่ายจัดไว้แล้วก็ยังโมโหไม่หาย 

 

 

เธออยู่บ้านตระกูลอันกินดีอยู่ดีมาจนโต เคยต้องยอมให้ใครที่ไหนกัน 

 

 

แต่ตอนนี้ถูกผู้อำนวยการสร้างหยามหน้าแล้วยังถูกอวี๋เสวี่ยเวยด่าซ้ำอีกรอบ เธอกลับได้แต่เก็บอัดอยู่ 

 

 

ในอกพูดไม่ออก 

 

 

พอคิดว่าตอนอวี๋เสวี่ยเวยด่าเธอนั้นยังมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลนอย่างไม่ปิดบัง อันซิงคว้าแจกันดอกไม้มาได้ก็เขวี้ยงออกไปแต่ก็ยังไม่ช่วยคลายความขุ่นแค้นอวี๋เสวี่ยเวยลงได้ 

 

 

แต่ว่ารอให้เธอกับอวี๋เสวี่ยเวยร่วมกันกำจัดหลินหว่านไปได้ก่อนเถอะ เธอจะไม่ปล่อยอวี๋เสวี่ยเวยไว้แน่ ถึงตอนนั้นคอยดูก็แล้วกันว่าจะทำยังไงกับหล่อน อันซิงคิดอย่างขุ่นแค้น 

 

 

วันต่อมา ผู้อำนวยการสร้างที่มีเรื่องกับอันซิงโทรหาเธอ “คุณหนูอันซิง คืนนี้คุณว่างไหม คืนนี้พวกเรามาคุยเรื่องบทกัน แล้วกินข้าวด้วยกันสักมื้อเป็นอย่างไร” 

 

 

เวลาอื่นเยอะแยะไม่คุยเรื่องบท ต้องเจาะจงคุยตอนค่ำด้วย คำพูดของผู้อำนวยการสร้างนี้กล่าวได้ว่าบอกเป็นนัยอย่างชัดเจนแล้ว 

 

 

แต่เพื่อบทละครเรื่องนี้ อันซิงไม่อาจปฏิเสธเสียด้วย เธอกำมือถือแน่นแล้วพูดว่า “ผู้อำนวยการจ้าวคะ แน่นอนค่ะ คืนนี้ฉันว่างอยู่แล้วค่ะ” 

 

 

“ฮ่าๆ งั้นก็ดี คืนนี้ผมจะรอคุณที่โรงแรมนะ ไม่เจอคุณผมไม่ยอมจริงๆ ด้วย” ผู้อำนวยการจ้าวฟังคำของอันซิงแล้วรู้สึกพอใจอย่างมาก 

 

 

อันซิงฟังน้ำเสียงแทะโลมของผู้อำนวยการจ้าวแล้วต้องสะกดกลั้นความรู้สึกไว้ กัดฟันพูดว่า “ได้ค่ะ ผู้อำนวยการจ้าว พบกันคืนนี้ค่ะ” 

 

 

วางสายแล้ว นึกถึงผู้อำนวยการเจ้าที่หน้ากลมหูกางนั่นกับสาระรูปหื่นแบบเมื่อวานนั่น อันซิงก็รู้สึก 

 

 

ผะอืดผะอมขึ้นมา 

 

 

แต่จะทำอย่างไรได้เพื่อละครเรื่องนี้ เธอได้แต่จำทนกับสถานการณ์ตอนนี้ไปก่อน 

 

 

ตอนค่ำ อันซิงฝืนใจพาตัวเองมาถึงสถานที่นัดกับผู้อำนวยการจ้าวในที่สุด 

 

 

“คุณหนูอัน มาถึงจนได้นะ พวกเรายังนึกว่าวันนี้คุณไม่มาแล้วซะอีก” ผู้อำนวยการเจ้าพอเห็นอันซิง ตาก็เป็นประกายรีบเสนอหน้าออกมาต้อนรับอันซิง 

 

 

อันซิงสวมชุดกระโปรงดำเปิดไหล่ ผมดำเกล้าเป็นมวยเผยบ่าไหล่ขาวสะอาดไร้รอยตำหนิ ทำเอาเขามองตาค้างไปเลย 

 

 

อันซิงปัดมือของผู้อำนวยการเจ้าที่ยื่นมาดึงมือเธอไว้ออกเนียนๆ เธอมองดูหลายคนที่นั่งอยู่ ล้วนแต่เป็นพวกผู้บริหารในกองถ่าย อาทิ โปรดิวเซอร์ รองผู้กำกับฯลฯ พวกเขาต่างมองอันซิงด้วยสายตาโลมเลีย 

 

 

อันซิงสะกดความรู้สึกอยากจะอ้วกลงไป หันมายิ้มกับพวกเขา “ขอโทษด้วยค่ะที่ฉันมาสาย” 

 

 

“คุณหนูอัน คุณต้องถูกปรับสามแก้วนะ” หนึ่งในนั้น รองผู้อำนวยการสร้างคนหนึ่งมองอันซิงแล้วพูดขึ้นอย่างมีวัตถุประสงค์แอบแฝง 

 

 

เข้าพูดขณะเทเหล้าสามแก้ว ยื่นให้กับอันซิง 

 

 

ส่วนคนที่เหลือต่างก็มีสีหน้าเหมือนอยากจะรอดูกันถ้วนหน้า 

 

 

อันซิงเห็นแล้วแกล้งทำเสียงน้อยอกน้อยใจพูดว่า “โปรดิวเซอร์จางคะ คุณรังแกกันนี่นา ให้ฉันดื่มตั้งมากขนาดนี้…” 

 

 

ตอนนี้ผู้อำนวยการจ้าวที่อยู่ข้างอันซิงเห็นแล้วรีบยิ้มเอาใจพลางพูดว่า “งั้นสิ คุณหนูอันเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่งจะให้เธอดื่มเหล้ามากขนาดนั้นได้อย่างไรกัน เอาอย่างนี้สิ ให้ผมดื่มแทนคุณหนูอันแก้วหนึ่ง…” 

 

 

พูดพลางผู้อำนวยการเจ้าก็ยกแก้วหนึ่งในนั้นขึ้นดื่มจนหมด 

 

 

“ขอบคุณผู้อำนวยการจ้าวค่ะ…” อันซิงเห็นดังนั้นก็หันมายิ้มหวานพลางกล่าวขอบคุณเขา จากนั้นขมวดคิ้วดื่มเหล้าที่เหลือสองแก้วลงไป 

 

 

ทุกคนในโต๊ะเห็นดังนั้นต่างก็คิดวาดหวังกันไป อันซิงพอเข้าที่นั่ง แต่ละคนผลัดกันเข้ามาชวนเธอดื่ม “คุณหนูอันคอแข็งไม่ใช่ย่อยนะเนี่ย ไม่รู้ว่าจะยินดีร่วมดื่มกับผมสักแก้วไหมครับ” 

 

 

อันซิงปฏิเสธเท่าที่จะปฏิเสธได้ ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็ได้แต่กัดฟันดื่มลงไป 

 

 

แต่ยังมีคนเข้ามาชวนเธอดื่มไม่หยุด อันซิงคิดเย้ยหยันตัวเองอยู่ในใจ ตอนนี้เธอเป็นอย่างนี้จะต่างอะไรกับพวกผู้หญิงเชียร์แขกในบาร์เหล้าพวกนั้น 

 

 

ทั้งหมดนี้ต้องโทษอวี๋เสวี่ยเวยทีเดียว! อันซิงกรอกเหล้าลงคอไปพลางคิดอย่างแค้นใจไปพลาง เธอต้องเอาคืนให้ได้ 

 

 

สุดท้ายอันซิงยังไม่ถึงกับเมาพับ พวกผู้อำนวยการสร้างนั่นอาจยังเกรงกลัวความเป็นคุณหนูจากบ้านตระกูลอันของเธออยู่บ้างจึงไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับเธอ 

 

 

อันซิงโทรเรียกให้ผู้ช่วยมารับเธอกลับไป ผู้จัดการคนใหม่ของเธอเป็นคนของอวี๋เสวี่ยเวย เธอไม่ไว้ใจ 

 

 

“คุณหนูอัน ไม่ทราบว่าวันนี้คุณว่างหรือเปล่า คืนนี้ไปทานข้าวกันไหม” สามวันต่อมา อันซิงรับโทรศัพท์ เสียงผู้อำนวยการจ้าวดังมาจากมือถือ 

 

 

เดิมทีเรื่องที่อันซิงเป็นเพื่อนดื่มคงจะผ่านไปแล้ว แต่ที่ไหนได้สามวันมานี้ ผู้อำนวยการเจ้าโทรหาเธอทุกวัน ใช้ข้ออ้างว่าเคยออกรับดื่มแทนเธอ จึงอยากจะนัดเธอออกมาทานข้าวตามลำพังสักมื้อ 

 

 

ตอนแรกอันซิงหาเหตุสารพัดบอกปัดปฏิเสธไป แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะโทรหาเธอทุกวันไม่ยอมเลิกสักที 

 

 

“คุณหนูอันคงไม่ได้จะอ่านบทอยู่บ้านหรือว่าจะไปถ่ายโฆษณาล่ะมั้งครับ” เสียงผู้อำนวยการจ้าวดังมาจากในสาย 

 

 

“ที่ไหนกันคะ ผู้อำนวยการจ้าว คืนนี้ฉันว่างพอดีค่ะ” อันซิงกลั้นใจตอบรับกลับไป 

 

 

“ยอดเลย คุณหนูอัน งั้นเย็นนี้เราเจอกันนะครับ” ผู้อำนวยการจ้าวได้ฟังก็พูดอย่างพอใจ 

 

 

ตอนเย็นอันซิงแต่งตัวเสร็จก็สวมหน้ากากอนามัยและหมวกเตรียมออกไปตามนัด 

 

 

อันซิงออกจากโรงแรมก็มีรถคันหนึ่งวิ่งมาจอดตรงหน้าเธอ พอเธอเห็นคนที่ลงจากรถก็พูดอย่างประหลาดใจ “ผู้อำนวยการจ้าว ทำไมคุณมานี่ได้ล่ะคะ” 

 

 

ผู้อำนวยการเจ้ายิ้มจนตาหยีพูดว่า “คุณหนูอัน ผมมารับคุณนะครับ” พูดพลางดึงตัวอันซิงประคองให้ขึ้นรถตัวเอง 

 

 

ผู้อำนวยการจ้าวพาอันซิงมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอถึงที่เขาก็ปลดสายคาดจากที่นั่งรถ ลงมาทางประตูข้างคนขับแล้วเปิดประตูรถ คิดจะควงแขนอันซิงเข้าไปด้วยกัน 

 

 

อันซิงจัดหน้ากากอนามัยกับหมวกให้เรียบร้อย ขณะจะลงจากรถ ก็ได้ยินผู้อำนวยการจ้าวพูดว่า “คุณหนูอัน คุณไม่ต้องใส่ของพวกนี้หรอกครับ ผมว่าที่นี่ไม่มีใครจำคุณได้หรอก” 

 

 

ฟังคำผู้อำนวยการจ้าวแล้ว อันซิงก็ชะงักกึก สุดท้ายเธอปลดหน้ากากอนามัยกับหมวกออก คล้องแขนผู้อำนวยการจ้าวเข้าไปในร้าน 

 

 

พอเข้าไปในร้าน ผู้อำนวยการจ้าวกำลังจะพาอันซิงไปที่ห้องซึ่งเขาสั่งจองไว้แต่กลับชนเข้ากับคนคนหนึ่ง 

 

 

“ขอโทษค่ะ ขอโทษ” ผู้หญิงที่ชนนั้นกล่าวขอโทษกับเขาหลายคำ ผู้อำนวยการเจ้าเห็นแล้วก็พูดว่า “ไม่เป็นไร” 

 

 

ผู้หญิงคนนั้นขอโทษแล้วก็จากไป ผู้อำนวยการเจ้าดึงอันซิงให้เดินต่อไปข้างหน้า แต่กลับพบว่าเธอยืนนิ่งไม่ขยับ 

 

 

เขาหันไปก็เห็นอันซิงหน้าซีดขาว จึงถามว่า “คุณหนูอัน คุณเป็นอะไรน่ะ” 

 

 

“ม…ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เป็นไร เราไปกันเถอะ” อันซิงดึงสติกลับมา รีบพูดขึ้น 

 

 

ผู้หญิงที่เพิ่งเดินชนพวกเขา แม้ว่าผู้อำนวยการจ้าวจำเธอไม่ได้ แต่อันซิงมองแวบเดียวก็จำเธอได้ นั่นคือหลินหว่าน 

 

 

พอนึกว่าหลินหว่านรู้ว่าตัวเองกับผู้อำนวยการสร้างมาทานข้าวด้วยกัน อันซิงก็รู้สึกกระสับกระส่ายสงบใจไม่ลง ทั้งรู้สึกอับอายกลายเป็นความโมโห 

 

 

สุดท้ายเธอกับผู้อำนวยการจ้าวกินข้าวเย็นกันอย่างลวกๆ แล้วรีบออกไปจากที่นี่