TQF:บทที่ 610 อดีตตระกูลฟาง (2)

“เกรงว่ามีอิทธิพลต่างๆที่อยากได้ตึกจงหยวนของพวกเราไม่น้อยล่ะสิ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

หลางยี่ชิงชะงักนิดหน่อยก่อนจะรีบพยักหน้า “ใช่ขอรับเจ้านาย ผู้เฒ่าหยิงออกหน้าไปคบค้าสมาคมกับอิทธิพลต่างๆอยู่มากมาย แต่ก็ยังมีบางคนที่คอยสกัดเราในที่มืดอยู่ เกือบจะต้องวุ่นวายอยู่หลายครั้ง โชคดีที่มีคนของสมาคมทหารรับจ้างและโถงวิหารสวรรค์คอยช่วยอยู่ ตึกจงหยวนของเราถึงได้เปิดทำการได้”

“ครั้งนี้คนของสำนักมารตั้งใจมาดักเจ้าเลยรึเปล่า” หยูเฮงน้อยเอียงคอถาม

“ไม่ใช่ขอรับ” หลางชิงยี่ส่ายหัว “ที่ผู้เฒ่าหยิงให้ข้าน้อยมาขุนเขาแถบนี้ก็เพื่อตามหาว่ามีสมบัติล้ำค่าอะไรรึเปล่า และก็ให้สังเกตการณ์ว่ามีทหารรับจ้างคนอื่นมาล่าสมบัติแถบนี้รึเปล่า ข้าน้อยวนเวียนอยู่ในขุนเขานี้เป็นเวลาหลายวัน มาเจอคนของสำนักมารตอนกำลังจะกลับชิงยาง ข้าได้ยินที่พวกเขาพูดถึงกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของพวกเราพอดีเลยถูกพวกเขาจับได้ จึงได้ต่อสู้กัน”

“ข่าวอะไร” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถามอย่างจริงจัง

“จากที่คนของสำนักมารพูดไว้ ไม่ใช่แค่คนของราชวงศ์ที่อยากได้ตึกจงหยวนของเรา กลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชัง ตระกูลซ่างกวน ตระกูลกงซุน และอิทธิพลใหญ่อีกมากมายก็อยากได้ตึกจงหยวนของเราเหมือนกัน ตอนที่ข้าน้อยได้ยินเรื่องนี้ตกใจมากจึงเผลอเปิดเผยที่อยู่ไป คนของสำนักมารรู้ตัวจึงดักฆ่าข้าอยู่ที่นี่”

“แบบนี้นี่เอง”

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วเรียว “ท่าทางวันเวลาในชิงยางจะต้องครึกครื้นแน่ๆ ข้าอยากจะเห็นจริงๆว่าพวกเขาจะกลืนกินตึกจงหยวนของเราไปอย่างไร เฮอะ”

“คุณหนู กลัวทำไม ถ้าพวกเขากล้าลงมือพวกเราก็ตัดมือพวกเขาทิ้งซะเลย” หยูเฮงน้อยกล่าวอย่างองอาจ ไม่เห็นอิทธิพลต่างๆอยู่ในสายตา

แต่ฟางซูหยุนกลับมีสีหน้ากังวล “หลางยี่ชิง เจ้ารู้มั้ยว่าสถานการณ์ของแต่ละอิทธิพลในชิงยางเป็นอย่างไร”

“ฮูหยินฟาง ข้าน้อยรู้ไม่เยอะ นอกจากสาขาของสำนักชั้น 1 แล้ว ที่เหลือก็คือตระกูลใหญ่ทั้ง 10 ที่ครองเมืองอยู่ ตระกูลซ่างกวน ตระกูลกงซุน ตระกูลฟาง ตระกูลเซวียนเยวียน ตระกูลหลิน ตระกูลหลี่ ตระกูลจาง ตระกูลมู่หรง อิทธิพลเหล่านี้มียอดฝีมือมากมายและลูกศิษย์จำนวนมหาศาล ส่วนอิทธิพลเล็กๆข้าน้อยไม่ค่อยรู้”

ฟางซูหยุนได้ยินชื่อตระกูลฟางอยู่ใน 10 ตระกูลใหญ่ มีสีหน้าคาดหวังและดีใจ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจำตระกูลใหญ่เหล่านี้ไว้ และถามต่อ “แล้วราชวงศ์ล่ะ สถานการณ์ในราชวงศ์เจ้ารู้บ้างมั้ย”

ในใจของนางจะไม่ดูแคลนคนจากราชวงศ์เด็ดขาด แม้ว่าในโลกของผู้ฝึกฝนวิทยายุทธอำนาจฮ่องเต้จะไม่ได้สูงที่สุด แต่การจะใช้ชีวิตในเมืองของราชวงศ์ก็ต้องคำนึงถึงพวกเขาบ้าง ไม่ว่าอย่างไรในมือของพวกเขาก็มีอำนาจพิเศษหลายอย่าง แล้วยังมีวิธีการที่น่าเกรงขามสำหรับผู้ฝึกฝนวิทยายุทธ

“ทูนเจ้านาย ช่วงนี้เรื่องในราชวงศ์ก็วุ่นวายอยู่ขอรับ ได้ข่าวว่าฮ่องเต้จะยกตำแหน่งให้กับ 1 ในลูกชาย แต่ลูกชายฮ่องเต้มีตั้ง 10 กว่าคน คนที่มีความสามารถพอจะชิงตำแหน่งอย่างน้อยๆก็มีมากถึง 7-8 คน ดังนั้นเหล่าองค์ชายจึงทำทุกอย่างเพื่อให้โดดเด่นออกมาจากการชิงตำแหน่งในครั้งนี้ เพื่อให้ได้เป็นฮ่องเต้”

“อ๋ออ…”

ข่าวนี้ทำให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเข้าใจในหลายๆอย่าง นางพูดยิ้มๆ “ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนของราชวงศ์ถึงใจร้อนกันขนาดนี้ ตึกจงหยวนของพวกเราเพิ่งจะเปิดก็เริ่มลงมือกันแล้ว”

“คุณหนู ท่านหมายความว่าคนของราชวงศ์เป็นคนชักนำเหรอ” หยูเฮงน้อยเข้าใจความหมายของนางทันที

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้ม “เกรงว่าการที่ผู้เฒ่าหยิงปักหลักในชิงยางเร็วขนาดนี้และยังเปิดร้านตึกจงหยวนได้อย่างว่องไวก็คงหนีไม่พ้นฝีมือของคนเหล่านี้”

“เสี่ยวเสี่ยว ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆละก็เท่ากับว่าพวกเราต้องเจอกับความยุ่งยากอย่างหนักหน่วงเลยน่ะสิ การมีส่วนเกี่ยวข้องกับการชิงอำนาจของราชวงศ์ ถ้าไม่ก้าวหน้ากว่าเดิมก็โดนถล่มจนไม่สามารถลุกขึ้นใหม่ได้อีก”

ฟางซูหยุนสีหน้าจริงจัง “เสี่ยวเสี่ยว เจ้าต้องคิดให้ดีนะ ไม่เข้าร่วมด้วยจะดีที่สุด ราชวงศ์ที่นี่ไม่เหมือนกับที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนหรอกนะ อย่างน้อยๆเจ้ายังควบคุมราชวงศ์ที่แผ่นดินศักดิ์สิทธ์จงหยวนได้ เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรไม่มีใครกล้าแย้งและไม่มีใครกล้าขัด แต่อยู่ที่นี่ไม่ใช่แค่พวกเราควบคุมแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนได้ ยังมีการจับตามองจากอิทธพลใหญ่ต่างๆด้วย ความยุ่งยากนี้จะไปเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้เด็ดขาด”

“ท่านย่าวางใจเถอะ เรื่องพวกนี้ข้าจะคอยดูไปเรื่อยๆ อีกอย่างพวกองศ์ชายจากราชวงศ์ก็จับตามองตึกจงหยวนของพวกเราแล้ว ท่านคิดว่าพวกเราหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้เหรอ”

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มตาเป็นประกาย “ที่จริงปัญหาพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรหรอก เหมือนจะไม่ดีแต่จริงๆแล้วอาจจะดีก็ได้ เหมือนจะเป็นเรื่องดีแต่สุดท้ายแล้วก็อาจจะเป็นเรื่องร้าย แต่ไม่ว่ายังไงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ้างชีวิตจะได้มีสีสัน”

“ฮ่าๆๆ คุณหนูพูดได้ดีมาก อย่าว่าแต่ตอนนี้พวกเขาวุ่นวายอยู่เลย ต่อให้ไม่วุ่นวายข้าก็จะทำให้วุ่นวายขึ้นมา แบบนี้สิถึงจะสนุก ฮ่าๆๆ”

เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของหยูเฮงน้อยสะท้อนอยู่ใต้หล้า พวกนางใกล้ชิงยางขึ้นเรื่อยๆ

อารมณ์ของฟางซูหยุนก็เปลี่ยนแปลงตาม สีหน้าก็ยิ่งแปรปรวน ไม่นานนักพวกนางก็เห็นเมืองมโหฬารที่มองไม่เห็นขอบแดน

มีเกาะลอยอยู่เหนือท้องฟ้าของเมือง แต่ละเกาะมีขนาดประมาณ 100 กิโล มีเกาะทั้งหมดหลายแสนเกาะที่ลอยอยู่อย่างล้นหลาม และยังหมุนรอบตัวเองไปอย่างช้าๆ และเกาะที่ลอยอยู่มีสูงบ้างต่ำบ้างต่างกันไป

“สวรรค์ เมืองพวกนี้เหมือนลอยอยู่เลย” หยูเฮงน้อยตกใจจนตาถลน

ไม่ใช่ว่าพวกนางไม่เคยเห็นอำเภอชั้น 1 ในช่วงเวลากว่าครึ่งปีที่ผ่านมานี้พวกนางก็ผ่านอำเภอมาไม่น้อย และในนั้นก็มีอำเภอชั้น 1 อยู่ด้วย ถึงจะใหญ่โตมโหฬารและหรูหราแค่ไหน ถ้าเทียบกับชิงยางแล้วก็ราวฟ้ากับเหว เทียบไม่ได้เลย

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวชะงักไปก่อนจะรีบปิดตา ค่อยๆใช้พลังจิตสืบดูเมืองใหญ่นี้