TQF:บทที่ 611 อดีตตระกูลฟาง (3)

 

ฟางซูหยุนถอนหายใจเศร้าๆเมื่อมองชิงยาง ตอบหยูเฮงน้อยเสียงเบา “พวกมันไม่ได้ลอยอยู่หรอก ที่พวกเราเห็นก็แค่ภาพลวงตาเท่านั้น ที่จริงชิงยางเกิดจากวิชาสะกดหลายแขนงมารวมกัน สิ่งที่พวกเราเห็นจากด้านนอกล้วนไม่ใช่ความจริง ที่จริงชิงยางก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากเมืองอื่นมาก แค่ใหญ่กว่า โบราณกว่า หรูหรากว่าก็เท่านั้น”

 

“อะไรกัน เรื่องหลอกลวงหรอกเหรอ” หยูเฮงน้อยชะงักก่อนจะเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงกลหลอกเด็กเท่านั้น

 

“เฮอะ อีกหน่อยข้าจะสร้างเกาะลอยได้ออกมาจริงๆ ให้เรื่องหลอกกลายเป็นเรื่องจริง”

 

“พูดแล้วต้องทำได้นะ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวลืมตาขึ้น มองนางด้วยรอยยิ้ม มีความคาดหวังเกิดขี้นในใจ

 

“ไม่มีปัญหา คุณหนูวางใจได้” หยูเฮงน้อยรับคำ

 

“พวกเราเข้าเมืองกันเถอะ”

 

ฟางซูหยุนข่มอารมณ์ที่ซับซ้อนในใจและหันไปบอกกับคนข้างๆ

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเรียกรถลากสัตว์วิญญาณออกมา เห้อไป๋ยี่จากเผ่ากระเรียนเซียนเป็นผู้ขับเคลื่อนเข้าเมืองไป

 

ส่วนหลางยี่ชิงที่เป็นทหารรับจ้างแล้วเข้าเมืองไปคนเดียว เพราะเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังไม่ต้องการเปิดเผยว่าตัวเองเป็นหัวหน้ากลุ่มของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน

 

“ท่านย่า พวกเราจะกลับบ้านตระกูลฟางเลยหรือจะหาโรงเตี๊ยมอยู่ก่อนแล้วค่อยกลับไป” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถามเบาๆบนรถลากสัตว์วิญญาณ

 

ฟางซูหยุนมองหลานสาวตรงหน้าที่หน้าเหมือนตัวเองเปี๊ยบพลางถามกลับ “เจ้าคิดว่าไง”

 

“ท่านย่า ข้าคิดว่าเราหาโรงเตี๊ยมอยู่ก่อนจะดีกว่า” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวบอกความคิดตัวเองออกไปเรียบๆ

 

ฟางซูหยุนพยักหน้าเบาๆเป็นอันว่าเห็นด้วยกับนาง “ก็ดี พักที่โรงเตี๊ยมก่อนสักวันดีกว่า ไหนๆก็ผ่านไป 40 กว่าปีแล้ว ไม่รู้ว่าที่สถานการณ์ที่บ้านเปลี่ยนไปขนาดไหน”

 

เมื่อเข้าประตูเมืองไปและทหารยามตรวจดูแผ่นคริสตัลประจำตัวของพวกนาง พอได้เห็นแผ่นคริสตัลประจำตัวตระกูลฟางของฟางซูหยุนสีหน้าเฉยชาก็เปลี่ยนไปเป็นสีหน้าเอาใจ

 

แผ่นคริสตัลประจำตัวตระกูลฟางก็เหมือนกับใบรับรองที่ไปได้ทุกที่ในชิงยาง ทหารยามปล่อยให้สัตว์วิญญาณของพวกนางเข้าเมืองไปโดยไม่ต้องคิด ปกติคนอื่นอยากจะเข้าเมืองต้องจ่ายหินพลังวิญญาณระดับกลางอย่างน้อย 10 เม็ดถึงจะเข้าเมืองได้

 

“กลับมาแล้ว…” แม้ว่าฟางซูหยุนที่อยู่บนรถลากสัตว์วิญญาณจะไม่ได้เปิดม่านออกไปดู แต่นางก็มีสีหน้าคิดถึง

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเห็นสีหน้าท่านย่าที่ตื่นเต้นและคิดถึงก็ดีใจแทนนาง ในหลายสิบปีนี้ท่านย่าได้เปลี่ยนจากหญิงสาววัยเยาว์เป็นย่าคน แต่ใน 20-30 ปีที่ผ่านมานี้ ความรักและชีวิตของนางก็เป็นเหมือนการทรมานและกรรมอย่างหนึ่ง เหตุผลที่ทำให้นางยังมีชีวิตอยู่ได้นอกจากพ่อของตัวเองแล้วก็เหลือแต่ความรักที่ยังมีให้กับตระกูลฟางในชิงยางนี่แหละ

 

คิดมาถึงตรงนี้ก็เสียใจแทนท่านย่าจริงๆ หญิงสาวเย่อหยิ่งในวันนั้นกลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมาเจอคนทะลุมิติอย่างตัวเองและบวกกับการได้ครอบครองมิติละก็ คงไม่ง่ายนักที่ท่านย่าจะกลับมาที่นี่

 

อย่าว่าแต่จะข้ามจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนมาถึงผืนดินฉางไห่นี้เลย แค่คำสาปในตัวนางก็คงคลายไม่ได้ง่ายๆ

 

“ไป๋ยี่ ไปโรงเตี๊ยมมั่วเซวียน” เพียงแว้บเดียวฟางซูหยุนก็กลับมาเป็นปกติ บอกกับกระเรียนเซียนที่ขับเคลื่อนรถอยู่ด้านนอก

 

“ขอรับ ฮูหยินฟาง”

 

ผ่านไปราว 15 นาที ในที่สุดก็มาถึงโรงเตี๊ยมมั่วเซวียน ทันทีที่สาวสวยทั้ง 3 ลงจากรถมาก็ทำให้คนไม่น้อยส่งสายตาตกตะลึงมา

 

แม้ว่าสาวงามในชิงยางจะมีมากนับไม่ถ้วน แต่สาวสวย 3 คนที่งดงามราวเทพยดานี่หาได้น้อยจริงๆ จะไม่ให้คนอื่นตกตะลึงได้อย่างไร

 

คนทั้ง 3 ที่ไม่ได้ใส่หมวกปิดหน้าไม่ได้สนใจสายตาจากคนอื่น พวกนางชินซะแล้ว เสี่ยวเอ้อที่ร้านรีบมาต้อนรับเข้าร้านอย่างเอาใจ

 

แขกที่อยู่ในโถงก็หยุดคุยกันเพราะการมาถึงของพวกนาง สายตาทุกคู่จดจ่ออยู่ที่สาวสวยทั้ง 3 ที่อายุต่างกัน

 

ผู้จัดการของโรงเตี๊ยมมั่วเซวียนเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเขาเห็นใบหน้างดงาม 2 ใบที่เหมือนกันอย่างกับแกะก็อึ้งไป

 

มองคนที่กำลังเดินมาอย่างเอ๋อๆ

 

ตอนนี้ในหัวของผู้จัดการมีใบหน้างดงามที่หายไปหลายสิบปีโผล่ขึ้นมา นั่นคือคุณหนูที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก เพียงแต่หายตัวไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ไม่มีใครรู้ว่านางไปอยู่ที่ไหน

 

ตระกูลฟางใช้ไปแล้วทุกวิธีก็หานางไม่พบ ไฟอายุของนางในโถงบรรพบุรุษก็ยังมอดไหม้อยู่ ดังนั้นทุกคนจึงรู้ว่านางยังไม่ตาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าไปไหน

 

ตอนนี้นางมาปรากฏตัวแล้ว ปรากฏตัวแล้วจริงๆ และไม่ใช่แค่มาปรากฏตัว ข้างตัวนางยังมีแม่นางคนหนึ่งที่หน้าเหมือนกับนางเป๊ะๆ

 

“เจ้า เจ้า เจ้า…”

 

เมื่อเห็นคนที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผู้จัดการตื้นตันจนพูดไม่ออก น้ำตาคลออยู่ในเบ้าตาทั้ง 2 พร้อมจะร่วงหล่นออกมาทุกเมื่อ

 

ไม่ใช่แค่เสี่ยวเอ้อในร้านที่รู้สึกถึงความผิดปกติของผู้จัดการ แขกจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกเหมือนกัน ผู้จัดการที่ยิ้มแย้มต้อนรับแขกอยู่ตลอดเหมือนจะเจอคนคุ้นเคย

 

ทุกคนต่างเห็นภาพนี้เหมือนกัน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเหมือนจะเดาบางอย่างออก นางจูงมือหยูเฮงน้อยไว้ไม่พูดไม่จา

 

ฟางซูหยุนมองผู้เฒ่าที่คุ้นเคยและพยายามอย่างมากในการข่มความตื้นตันไว้ก่อน นางอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็พูดอะไรไม่ออก เหมือนมีคนมาบีบคอนางไว้

 

และในขณะนั้น เห้อไป๋ยี่ที่นำรถลากสัตว์วิญญาณไปเก็บก็เข้ามาเห็นเหล่าเจ้านายที่ยืนอยู่หน้าตู้ จึงรีบเดินเข้ามาถาม “ผู้จัดการ เจ้านายข้าต้องการตึกนอน ที่นี่มีตึกนอนรึเปล่า”

————————–