ตอนที่ 396 อยากไปกินข้าวหลวงหรือ / ตอนที่ 397 เฉวียนหมิงล้มลงที่โรงพยาบาล

หมอยาหวานใจท่านประธาน

ตอนที่ 396 อยากไปกินข้าวหลวงหรือ 

 

 

เฟิงฉี่ยกมุมปากขึ้นอย่างดูแคลน “แก่ไม่ต้องแกล้งทำ ฉันแค่กระชากเบาๆ เท่านั้น ไม่ต้องร่วมแสดงละครกับฉันหรอก” 

 

 

ชายคนนั้นเจ็บปวดจนเหงื่อแตก นึกร้องด่าแม่ในใจ ร่วมแสดงบ้านะสิ เมื่อกี้เขามีตาแต่หามีแววไม่ ตอนนี้ที่ทุกข์ที่สุดคือเขา เจ็บปวดยิ่งกว่าหงเหมา 

 

 

“คงจะเป็นนักแสดงที่ดี” อีลั่วเสวี่ยหัวเราะเยาะ แล้วเดินมา ถึงตอนนี้คนผู้นี้จึงเห็นอีลั่วเสวี่ย เขาจ้องมองดวงตาที่สดใสของเธอ แล้วลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ แววตาเธอดูคุ้นมาก ดูเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน 

 

 

เฟิงฉี่เห็นในเวลาอย่างนี้เขายังมีใจมองดูคนสวย จึงออกแรงดึงข้อมือเขาลง ชายคนนี้เจ็บจนร้องโอดโอยอีกครั้ง แต่คราวนี้เฟิงฉี่ปล่อยมือเขาแล้ว  

 

 

“ที่แท้ที่หูปิงบอกว่ามีคนมาก่อกวนก็คือพวกแกนี่เอง ยังมุ่งมั่นนักนะ แพ้ไปแล้วสามครั้ง เชอะ” 

 

 

เขากุมมือตัวเองไว้ ใบหน้าบิดเบี้ยว “อย่าพูดมาก ข้าไม่กลัวพวกแกหรอก พี่น้องลุยเลย!” 

 

 

ดวงตาอีลั่วเสวี่ยหมองลง เตรียมจะลงมือ แต่เจ้าลูกบอลเงินบอกให้เธอหยุดก่อน เธอจึงดึงเฟิงฉี่ไว้ด้วย 

 

 

“ลุย? พวกแกจะทำอะไร?” เสียงที่แข็งกร้าวดังขึ้น ทุกคนหันไปมองตามเสียง จึงพบว่าไม่รู้รถตำรวจสายตรวจมาถึงตั้งเมื่อไร ตอนนี้รถจอดแล้ว ตำรวจเดินตรงมา 

 

 

ไม่มาก ตำรวจสี่นาย รถมอเตอร์ไซค์สองคัน รถยนต์หนึ่งคัน ทั้งสี่คนถือกระบอง ท่าทางน่กลัว 

 

 

ถึงตอนนี้หงเหมากับพวกเครียดทันที รีบตีหน้ายิ้ม “แฮ่ๆ คุณตำรวจ เราล้อเล่นกัน ทุกคนต่างทำมาหากินอยู่แถวนี้ ช่วยกันสร้างบรรยากาศ ทำให้คึกคักขึ้น” 

 

 

“ใครเล่นกับพวกแก อย่าพูดอวดตัวเองเลย” หูปิงแยกแยะความเกี่ยวข้องระหว่างกันให้ชัดทันที หงเหมากับพวกหน้าเสีย 

 

 

บังเอิญจริงๆ ตำรวจที่มาเป็นคนที่อีลั่วเสวี่ยและเฟิงฉี่รู้จัก ห่าวเหรินนั่นเอง 

 

 

เขาไม่ได้ทักทายอีลั่วเสวี่ยกับเฟิงฉี่ทันที แต่มองดูหงเหมากับพวก “เมื่อกี้มีพลเมืองดีโทรแจ้งว่ามีคนกลุ่มหนึ่งถืออาวุธมาก่อเรื่องที่นี่ แล้วก็เป็นความจริง พวกแกล่ะสิ” 

 

 

มุมปากหงเหมากระตุก ให้ตายสิ ที่นี่มีพลเมืองดีตั้งแต่เมื่อไหร่ 

 

 

“พรรคพวก ไม่ใช่หรอก เราล้อเล่นจริงๆ แต่คิดไม่ถึงว่าฝ่ายนั้นจะลงมือก่อน ดูสิ ข้อมือผมหลุดแล้ว” คนที่ยืนอยู่ข้างหงเหมายื่นมือตัวเองออกไป แล้วชี้ไปที่เฟิงฉี่ว่าเป็นตัวการ 

 

 

ห่าวเหรินหรี่ตา “ไม่ต้องมาตีสนิท ใครเป็นพรรคพวกแก แกจะติดสินบนตำรวจหรือ โทษหนักนะ!” 

 

 

มุมปากชายคนนั้นกระตุก “ขอโทษครับ ผมพูดผิดเอง แต่เขาเป็นคนทำร้ายผม ยังถีบน้องชายผม เล่นงานจนมือผมเป็นอย่างนี้ คุณตำรวจควรจะจัดการเขาครับ” 

 

 

“เรื่องเมื่อกี้พวกเราเห็นหมดแล้ว เขาป้องกันตัวอย่างถูกต้อง ฝ่ายแกต่างหากที่ผิด แกยังอ้างว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกรังแก อย่างนั่งรถฟรีกลับไปกินข้าวหลวงใช่ไหม?” คนพวกนี้ปกติก่อเรื่องไว้ไม่น้อย จนใจที่ไม่เห็นกับตา วันนี้เจอเข้าพอดีต้องเล่นงานบ้างแล้ว 

 

 

เขากับเพื่อนลาดตระเวนแถบนี้เป็นประจำ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นพวกเขาก็ต้องรับผิดชอบ 

 

 

หงเหมารู้สึกแค้นใจ รู้แก่ใจดีว่าเรื่องวันนี้คงทำไม่สำเร็จแล้ว ขืนอยู่ต่อเกรงว่าพวเขาอาจจะไม่ได้ไปแล้ว 

 

 

“ไม่อยากครับ คุณตำรวจ พวกเราไม่รบกวนแล้ว พรรคพวก กลับไปกินเหล้ากัน” เขากุมข้อมือตัวเอง ทนเจ็บปวด รีบผละไป 

 

 

หลังจากพวกนั้นไปแล้วห่าวเหรินจึงหันมาทักทายกับอีลั่วเสวี่ยและเฟิงฉี่ “บังเอิญจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับพวกคุณที่นี่” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 397 เฉวียนหมิงล้มลงที่โรงพยาบาล 

 

 

อีลั่วเสวี่ยกับเฟิงฉี่ผงกหัว “บังเอิญจริงๆ แต่เรื่องวันนี้ต้องขอขอบคุณด้วยค่ะ” อีกฝ่ายช่วยเหลือตนเอง จะอย่างไรก็ต้องขอบคุณบ้าง 

 

 

“ที่นี่เป็นร้านของพวกคุณพี่น้องหรือครับ?” ห่าวเหรินเงยหน้ามองร้านเคบาร์ พอเห็นชื่อร้านมุมปากก็อดกระตุกไม่ได้ แนวของชื่อร้านไม่เข้ากับพวกเขาสองคนเลย ทำไมถึงตั้งชื่ออย่างนี้นะ 

 

 

“ใช่ครับ คุณห่าว จะเขาไปดื่มสักแก้วไหม?” เฟิงฉี่ยิ้มแล้วพูดเชิญ 

 

 

ห่าวเหรินโบกมือทันที “ไม่ไม่ ไว้วันหลังเถอะครับ ตอนนี้เข้าเวรอยู่ จะหย่อนยานไม่ได้ พวกเรายังมีงาน คงต้องไปแล้ว ถ้าพวกนั้นยังกล้ามาก่อกวน โทรแจ้งตำรวจได้เลย เบอร์ของสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ก็คือ…” 

 

 

“ขอบคุณค่ะ เราจดไว้แล้ว แล้วพบกันใหม่ค่ะ” อีลั่วเสวี่ยเห็นห่าวเหรินจะไปแล้วจึงรีบพูดขอบใจ 

 

 

ก่อนหน้านี้ยังกังวลว่าจะรับมือกับคนพวกนี้อย่างไร เดี๋ยวนี้มีห่าวเหริน ดูเหมือนจะไม่เลว พวกเขาไม่ต้องออกมือเอง อย่างน้อยคนพวกนั้นก็ไม่กล้ามาก่อกวยอย่างเปิดเผย 

 

 

รอจนตำรวจพากันไปแล้ว หูปิงกับพวกจึงเดินมาหาทันที แล้วต้อนรับอีลั่วเสวี่ยกับเฟิงฉี่เข้าไปในร้าน “เถ้าแก่ ตำรวจพวกนั้นเป็นเพื่อนเถ้าแก่หรือครับ?” โอ้โห หัวหน้าพวกเขารู้จักคนมากจริงๆ 

 

 

อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น “คงไม่นับหรอก แค่เคยเจอกันครั้งเดียว” 

 

 

“เคยเจอกันครั้งเดียว ผมไม่เชื่อหรอก” หูปิงไม่อยากเชื่อ ถ้าเจอกันเพียงครั้งเดียวทำไมถึงจำหัวหน้าของตนและท่านเจ็ดได้ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นยังเอนเอียงมาทางพวกเขา จะหลอกใคร 

 

 

เฟิงฉี่ได้ยินเช่นนั้นจึงตบไหล่หูปิง “บอกนายตามตรงก็ได้ ก่อนหน้านี้เราช่วยตำรวจคนนี้จับผู้ร้านที่กำลังหนี ถือว่ามีบุญคุณต่อเขาก็ได้ เรื่องนี้ฉันบอกให้นายรู้ไว้ ไม่ต้องพูดออกไป” 

 

 

หูปิงพยักหน้าหงึกๆ มิน่าถึงเป็นแบบนี้ แต่อย่างนี้ก็ดี วันหลังมากน้อยก็ต้องเห็นแก่เรื่องนี้ แล้วช่วยพวกเขาบ้าง อย่าให้ถูกหงเหมาก่อกวนก็พอ 

 

 

ส่วนเรื่องในทางลับพวกเขาย่อมหาทางแก้ไขเอง 

 

 

“สวัสดีครับเถ้าแก่” หลังจากที่อีลั่วเสวี่ยและเฟิงฉี่เข้ามาในร้าน พนักงานข้างในทักทายอย่างนอบน้อมทันที ยังมีลูกค้าส่วนหนึ่งชูแก้วและยิ้มให้พวกเขาอย่างมีมารยาท 

 

 

อีลั่วเสวี่ยและเฟิงฉี่ไม่เหมือนเจ้าของบาร์บางแห่งอื่นที่เย็นชาหยิ่งยโส พวกเขามักมีส่วนลดให้ลูกค้าเป็นประจำ พูดคุยมีอารมณ์ขัน ดังนั้นคนที่มาที่นี่สักครั้งก็มักจะมาอีก 

 

 

ทำให้หงเหมากับพวกเห็นว่าการค้าที่นี่ดีกว่าเลยนึกอิจฉา 

 

 

 

 

 

อีกด้านหนึ่งที่โรงพยาบาล นายท่านผู้เฒ่าเฉวียนนอนบนเตียงดูทีวี เปิดเสียงเบามาก ท่าทางเบิกบานใจ เหล่าเกายืนปอกผลไม้ให้เขาอยู่ข้างๆ เฉวียนหมิงกำลังจัดการงานของบริษัทในห้องพักด้านข้าง 

 

 

แม้ว่าครั้งก่อนที่เขาเจอหนานหลิวเฟิงจะไม่ได้แสดงอาการโกรธเกรี้ยวอะไร แต่เพราะอีกฝ่ายชิงโครงการไปไม่น้อย งานทางเขาจึงเพิ่มขึ้นมาก จำเป็นต้องตั้งใจจัดการ 

 

 

เวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลามาถึงสี่ทุ่มกว่าแล้ว เฉวียนหมิงบิดขี้เกียจ แล้วขยับข้อมือที่เมื่อยล้า ปิดสมุดบันทึกแล้วยืนขึ้น 

 

 

แต่เขาเพิ่งเดินออกจากที่ ขาก็ก้าวไม่ออกแล้ว รู้สึกว่าภาพตรงหน้าสั่นไหว รู้สึกมึนงง มือปัดไปถูกโต๊ะ 

 

 

บังเอิญตำแหน่งที่เหล่าเกายืนอยู่มองเห็น เขาเห็นเฉวียนหมิงโงนเงนจะล้มลง จึงวางของในมือลงทันทีแล้วรีบวิ่งไป 

 

 

พอเฉวียนหมิงเห็นเหล่าเกาก็อ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับรู้สึกหน้ามืด ร่างอ่อนยวบลงไป 

 

 

“นายน้อย เป็นอะไรไปแล้ว” 

 

 

นายท่านผู้เฒ่าสังเกตเห็นความผิดปกติจึงดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียงทันที ไม่ใส่ใจรองเท้า รีบวิ่งมาหาเฉวียนหมิง “เสี่ยวหมิง เสี่ยวหมิง หลานเป็นอะไรไป หมอ…หมอ!” 

 

 

เขาตะโกนแล้วรีบวิ่งมากดกริ่งเรียกที่หัวเตียง จากนั้นก็กลับมาอยู่ข้างตัวเฉวียนหมิ