ตอนที่ 398 อีลั่วเสวี่ยตกใจ / ตอนที่ 399 อาการทรุดลง

หมอยาหวานใจท่านประธาน

ตอนที่ 398 อีลั่วเสวี่ยตกใจ 

 

 

พยาบาลเข้ามาอย่างรวดเร็ว พอเห็นว่าคนที่เกิดเรื่องไม่ใช่นายท่านผู้เฒ่าก็บอกว่าให้รอเดี๋ยว แล้วรีบวิ่งไปเรียกคน 

 

 

ถึงตอนนี้หมอเวรหลายคนรีบมาทันที ยกเฉวียนหมิงมานอนบนเตียงนายท่านผู้เฒ่าชั่วคราว จากนั้นก็จัดหมอตรวจร่างกายเขา 

 

 

“พวกคุณช่วยตรวจดูหลานชายฉัน เร็วหน่อย” นายท่านผู้เฒ่าตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าขาวซีด เดินเท้าเปล่าบนพื้นก็ยังไม่รู้ตัว เป็นเหล่าเกาที่เอารองเท้ามาให้เขา 

 

 

พอนายท่านผู้เฒ่าเห็นเหล่าเกาก็คิดถึงเรื่องหนึ่ง รีบสั่งทันที “เหล่าเกา เร็ว รับโทรหาหมอหมิง บอกว่าเจ้าหนูเป็นลมหมดสติอยู่ที่โรงพยาบาล ให้เขารีบมาดู เร็วเข้า เร็วเข้า” 

 

 

“ครับ นายท่าน” เหล่าเกาที่กำลังร้อนรนจำเป็นต้องสงบใจลง ถ้าเขายังว้าวุ่นใจก็จะคิดอะไรไม่ออก จะสับสนไม่ได้ 

 

 

เหล่าเกาเดินออกมานอกห้องทันที โทรหาหมอหมิง “หมอหมิงครับ จู่ๆ นายน้อยก็เป็นลมหมดสติ ตอนนี้เราอยู่ที่โรงพยาบาลประจำเมือง ชั้น 19 ห้องผู้ป่วยพิเศษ รบกวนคุณหมอมาช่วยตราจดู อืม…อืม” 

 

 

หมอหมิงวางสายแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินออกไป ขณะนี้คนส่วนใหญ่นอนกันแล้วรวมทั้งเขาด้วย 

 

 

“ดึกอย่างนี้ยังจะออกไปหรือ?” ขณะที่หมิงเย่ว์กำลังจะออกไป นายท่านผู้เฒ่าเฟิงเดินออกมาดื่มน้ำในห้องรับแขก จึงเอ่ยถาม 

 

 

หมิงเย่ว์พยักหน้า “เฉวียนหมิงป่วยกะทันหัน ผมจะไปดูหน่อย พ่อก็เข้านอนเร็วหน่อย กลางคืนอย่าดื่มน้ำมาก ดื่มน้ำกลางวันจะดีต่อสุขภาพกว่าครับ” จากนั้นก็ก้มลงเปลี่ยนรองเท้า หยิบกุญแจแล้วเดินออกไป 

 

 

นายท่านผู้เฒ่าเฟิงกะพริบตา มองดูแก้วน้ำในมือ สุดท้ายจึงวางลง เขาพึมพำว่า “ฉันย่อมรู้ว่ากลางคืนไม่ควรกินอาหารหรือดื่มน้ำ ให้อวัยวะภายในได้พักเต็มที่ แต่เมื่อกลางวันมัวดูละครจนลืม” 

 

 

ที่ร้านเคบาร์ อีลั่วเสวี่ยกับเฟิงฉี่นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งในร้าน อารมณ์ดีเมื่อเห็นลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

อีลั่วเสวี่ยมองดูเวลา แล้วพูดกับเฟิงฉี่ “ดึกแล้ว ฉันจะกลับแล้ว คุณจะนั่งต่อหรือจะกลับพร้อมฉัน?” 

 

 

“แน่นอนว่ากลับกับคุณ คุณมาสัปดาห์ละครั้ง แต่ผมมาสองสามครั้ง แล้วก็ดื่มเหล้าไม่น้อยแล้ว ไปกันเถอะ” เพราะต้องขับรถดังนั้นเมื่อมาถึงอีลั่วเสวี่ยจึงดื่มเพียงเล็กน้อย 

 

 

ต่อให้ดื่มมากก็ยังสามารถใช้ยาแก้เมาสลายฤทธิ์เหล้าได้ ในเวลานี้การขับรถหลังดื่มเหล้าเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ทั้งยังอาจจะเจอด่านตรวจด้วย 

 

 

ขณะที่ทั้งคู่กำลังลุกขึ้นมือถือของอีลั่วเสวี่ยก็ดังขึ้น เธอหยิบมือถือมาดู เห็นเหล่าเกาโทรมา “ดึกอย่างนี้โทรหาฉันเรื่องอะไรหรือ?” 

 

 

อีลั่วเสวี่ยเดินมาด้านข้างแล้วรับสาย “ลุงเกา…อะไรนะ?” เธอเพิ่งทักไปคำเดียว แต่คำพูดต่อมาของเหล่าเกาทำให้สีหน้าเธอเปลี่ยนไปทันที 

 

 

“เกิดเรื่องอะไรครับ?” เป็นครั้งแรกที่เฟิงฉี่เห็นอีลั่วเสวี่ยมีสีหน้าเครียดเช่นนี้ จึงอดถามไม่ได้ แล้วพลอยรู้สึกกังวลไปด้วย 

 

 

อีลั่วเสวี่ยไม่ตอบที่เฟิงฉี่ถาม เธอวางสายแล้วเดินออกไปข้างนอกทันทีโดยไม่ทันได้บอกกล่าวกับหูปิงและพวก 

 

 

“เถ้าแก่เป็นอะไรไป? เรื่องอะไรถึงได้ร้อนใจอย่างนี้?” ทุกคนมองดูหูปิง ต่างนึกสงสัย 

 

 

หูปิงสั่นหัว สายตาฉายแววกังวล “ไม่รู้ แต่คงเป็นเรื่องสำคัญมาก เอาละ ทุกคนไปทำงานตามหน้าที่ให้ดี” 

 

 

เฟิงฉี่เห็นอีลั่วเสวี่ยเดินเร็วมากจึงดึงแขนเธอไว้ “เจ๊ เป็นอะไรไปหรือ พูดหน่อยสิ คุณเป็นอย่างนี้ผมพลอยเครียดไปด้วย” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 399 อาการทรุดลง 

 

 

อีลั่วเสวี่ยหยุดเดิน แล้วหายใจเข้าลึกๆ “เฉวียนหมิงป่วยหนัก จู่ๆ ก็วูบที่โรงพยาบาล ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” 

 

 

เฟิงฉี่แปลกใจ “อะไรนะ คงไม่หรอก นี่เพิ่งผ่านมาแค่ครึ่งปี ตามหลักแล้วไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เดี๋ยวก่อน ผมจะลองโทรถามพ่อ” พูดจบก็ล้วงมือถือออกมา 

 

 

แต่อีลั่วเสวี่ยไม่อาจรอได้ เธอเข้าไปนั่งในรถแล้ว เฟิงฉี่เห็นเช่นนั้นก็รีบตามเขาไปในรถ 

 

 

“สวัสดีครับ พ่อ ได้ข่าวว่าพี่เขยผมป่วย จริงหรือครับ” 

 

 

หมิงเย่ว์กำลังขับรถ มุมปากกระตุกขึ้น “เรื่องอย่างนี้จะมีปลอมด้วยหรือ พ่อกำลังเดินทางไปโรงพยาบาล เอ๊ะ แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” 

 

 

เขายังไม่ได้คำตอบ เฟิงฉี่ก็วางสายไปแล้ว 

 

 

“จริงครับ อยู่ที่โรงพยาบาลของเมือง พ่อผมอยู่ระหว่างทางไปที่นั่น เราไปดูกันเถอะ” เขาเพิ่งพูดจบ อีลั่วเสวี่ยก็เหยียบคันเร่ง รถแล่นทะยานออกไป 

 

 

ถึงตอนนี้อีลั่วเสวี่ยให้เจ้าลูกบอลเงินวิเคราะห์เส้นทางที่ใกล้ที่สุดไปยังโรงพยาบาล พยายามเลี่ยงไฟแดง 

 

 

เฟิงฉี่เบิ่งตาโต รีบคว้าห่วงจับในรถทันที พร้อมกับถอนหายใจหนักๆ โอ้โห เขาไม่ทันคาดเข็มขัดนิรภัย รถแล่นเร็วมาก แทบจะเหาะเลย 

 

 

อีกด้านหนึ่งหมิงเย่ว์อยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลนัก เขาเร่งความเร็วแล้วมาถึงหน้าประตูโรงพยาบาลพร้อมกับอีลั่วเสวี่ย 

 

 

ขณะที่กำลังจะลงจากรถ เฟิงฉี่ชี้ที่ใบหน้าพวกเขา ทั้งคู่อยู่ในสภาพแปลงโฉม ตอนนี้ลงจากรถหมิงเย่ว์คงจำพวกเขาไม่ได้ แล้วจะอธิบายอย่างไร 

 

 

“กินซะ แล้วรอหนึ่งนาที” อีลั่วเสวี่ยกินยาทิพย์แล้ว เธอรู้สึกว่าแต่ละวินาทีช่างช้าเหลือเกิน เมื่อใบหน้ากลับมาเหมือนเดิมแล้ว ทั้งคู่ก็ออกจากรถพร้อมกัน 

 

 

“พ่อ” เฟิงฉี่ร้องเรียกหมิงเย่ว์ที่กำลังเดินเข้าไป เขาถือกระเป๋ายาในมือ พอเห็นอีลั่วเสวี่ยก็พยักหน้าให้ แต่ไม่ได้ถามว่าทำไมทั้งคู่จึงมาที่นี่พร้อมกัน 

 

 

“ไปด้วยกันเถอะ” 

 

 

เพราะเฉวียนหมิงป่วยกะทันหัน จึงเปลี่ยนห้องคนป่วยของนายท่านผู้เฒ่าเป็นของเขา หมอหลายคนมาตรวจแล้ว แต่หาสาเหตุไม่ได้ การเต้นของหัวใจ ค่าน้ำตาลในเลือดรวมทั้งผลตรวจอื่นๆ ล้วนปกติ แต่เขายังไม่ฟื้น 

 

 

“ใครเป็นญาติครับ? คนป่วยมีโรคประจำตัวอะไรไหม?” เมื่อหมอหาข้อสรุปไม่ได้จึงต้องถามญาติ และเพราะตรวจวินิจฉัยไม่ออก จึงยังไม่กล้าใช้ยา คนที่มาที่นี่ล้วนเป็นคนมีเงินและอิทธิพล ถ้าทำอะไรพลาดไปก็จะเกิดปัญหาร้ายแรงระหว่างหมอกับคนไข้ 

 

 

นายท่านผู้เฒ่ารีบเดินมา “ผม ผม หมอครับ หลานผมเป็นยังไงบ้าง? มีปัญหาอะไร? ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลไหม?” 

 

 

หมอสั่นหัว “จากผลการตรวจเบื้องต้น เขาน่าจะเหนื่อยล้าเกินไป ร่างกายอ่อนแอ คาดว่าน่าจะใกล้ฟื้นแล้ว ส่วนทำไมจึงเป็นเช่นนี้ บางทีตัวเขาอาจมีโรคอื่น เรื่องนี้ทางเราคงต้องตรวจดูอีกขั้นหนึ่งครับ” 

 

 

ถึงตอนนี้ฟางจื่อชิวเดินเข้ามา ตรงมาที่ข้างเตียงเฉวียนหมิงทันที ยืนอยู่ข้างนายท่านผู้เฒ่า “ปู่เฉวียน เฉวียนหมิงเป็นอะไรไปคะ หมอคะ เขาเป็นเพื่อนฉัน เขาเป็นอย่างไรบ้าง” 

 

 

“ที่แท้เขาเป็นเพื่อนหมอฟาง อย่างนี้ครับ ตามที่ประเมินเบื้องต้น เขาน่าจะเหนื่อยล้าเกินไป คงต้องตรวจละเอียดอีกขั้นหนึ่ง ถ้าญาติเห็นด้วยเราจะลงมือจัดการเลย” 

 

 

ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนหรือจ่ายเงินก่อน นี่เป็นสิทธิพิเศษของคนรวย หมอเหล่านี้เข้าใจดี 

 

 

นายท่านผู้เฒ่ากลอกตา ในเมื่อแค่เป็นลม ต่อจากนี้ให้หมอหมิงตรวจดูก็พอ เขาเป็นหมอประจำตัวของหลานชายเขาตลอดมา 

 

 

“งั้นก็คงไม่ต้องแล้ว” 

 

 

ฟางจื่อชิวไม่ค่อยเห็นด้วย “ปู่เฉวียนคะ โรงพยาบาลเมืองเอฟมีเครื่องมือที่ทันสมัยมาก ให้เฉวียนหมิงรับการตรวจเถอะค่ะ”