“หลิงหยุน..ได้โปรดฆ่าข้าเถิด!”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่สามารถรักษาประคำโลหิตซึ่งเป็นสมบัติของตระกูลเฉินไว้ได้มันจึงรู้สึกละอายใจยิ่งนัก ดวงตาแดงเข้มที่จ้องมองหลิงหยุนนั้น เหลือเพียงแค่ความพ่ายแพ้สิ้นหวัง และความว่างเปล่า..
  “เฉินเจี้ยนกุ่ย..ข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้จริงๆ! ชีวิตของเจ้าต้องให้คนตระกูลเกาเป็นผู้ตัดสิน!”
  หลิงหยุนก้มมองเฉินเจี้ยนกุ่ยที่สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมกับโบกมือไปมาอย่างช้าๆ
  หากจะพูดให้ถูกก็คือว่า..เฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นไม่ได้มีค่าในสายตาของหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย จะอยู่หรือจะตาย.. หลิงหยุนไม่เคยคิดใส่ใจ!
  เพียงแต่เวลานี้คนตระกูลเกาอีกสิบชีวิตกำลังรอให้หลิงหยุนหาวิธีกำจัดเลือดแวมไพร์ในตัวของพวกเขาอยู่ หลิงหยุนได้เลือดของเฉินเจี้ยนกุ่ยมามากพอควรแล้ว และได้เก็บไว้ในขวดหยกซึ่งเวลานี้อยู่ในแหวนพื้นที่ของเขา..
  ยิ่งหลิงหยุนได้รับรู้ถึงอานุภาพของปราณเสวียนหวงมากขึ้นเท่าใดเขาก็ยิ่งมั่นใจว่าจะสามารถค้นพบวิธีกำจัดเลือดแวมไพร์ในตัวของคนตระกูลเกาทั้งสิบชีวิตได้อย่างแน่นอน..
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้..หลิงหยุนได้ประคำโลหิตมาไว้ในครอบครองแล้ว!
  และชื่อประคำโลหิตก็บ่งบอกอย่างชัดเจนแล้วว่า..เป็นสิ่งที่กลั่นมาจากโลหิต!
  หลิงหยุนแทบไม่จำเป็นต้องถามถึงอานุภาพของประคำโลหิตจากเฉินเจี้ยนกุ่ยด้วยซ้ำไปเขารู้ว่ามันมีพลังวิเศษที่สามารถใช้สร้างเลือดใหม่ในร่างกาย สร้างเม็ดเลือด สามารถทำให้หลอดเลือดแข็งตัว และอีกมากมายเกี่ยวกับกระบวนการสร้างโลหิตในร่างกาย..
  เวลานี้หลิงหยุนมีทั้งโลหิตของเฉินเจี้ยนกุ่ยมีปราณเสวียนหวง และยังมีประคำโลหิตอีกด้วย ทั้งสามสิ่งสำคัญนี้ทำให้หลิงหยุนมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถรักษาคนตระกูลเกาให้หายจากการเป็นแวมไพร์ได้..
  และหลังจากนั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยจะตายหรือไม่เขาก็ไม่อยากจะสนใจ!
  และที่หลิงหยุนไม่สามารถสังหารเฉินเจี้ยนกุ่ยได้ในตอนนี้เพราะคนตระกูลเกาทั้งสิบชีวิต ล้วนเคียดแค้นชิงชังเฉินเจี้ยนกุ่ยฝังจิตฝังใจ เรียกได้ว่าพวกเขาแทบอยากแล่เนื้อเถือหนังของเฉินเจี้ยนกุ่ยหากทำได้ ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงต้องการมอบเฉินเจี้ยนกุ่ยให้กับคนตระกูลเกาเป็นผู้ตัดสินโทษของมันเอง!
  “ก่อนที่ข้าจะนำเจ้ากลับไปปักกิ่งข้าจะไม่ให้เจ้าต้องทนทรมานอีก เพราะนั่นไม่ได้ทำให้ข้ารู้สึกสนุกอีกแล้ว..”
  “แต่หากเจ้าต้องการจะตายเจ้าก็สามารถฆ่าตัวตายได้เลยหากทำได้ ข้าเองก็จะไม่ขัดขวางเจ้า!”
  หลังจากพูดจบแล้ว..หลิงหยุนก็ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เจสเตอร์นำร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยกลับไปที่ห้องเก็บของตามเดิม
  …….
  หลิงหยุนยังคงกำศิลกลั่นวิญญาณไว้ในมือซ้ายอยู่ตลอดเวลาสองสามวันนี้เขาคงจะยังไม่สามารถฝึกวิชาใดๆได้ นอกจากต้องคอยกำศิลากลั่นวิญญาณไว้ในมือเพื่อให้จิตใจสงบนิ่งให้มากที่สุดเท่านั้น
  หลิงหยุนกลับเข้าไปในบ้านและขึ้นไปยังห้องทำงานชั้นสองของตนเอง แล้วจัดการเปิดโน๊ตบุ๊คบนโต๊ะทำงานขึ้น..
  หลิงหยุนพบว่าหลังจากได้ความทรงจำกลับคืนมาเขาสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้คล่องขึ้นมาก และสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของเด็กหนุ่มอายุสิบแปดที่ไม่เคยมีก่อนหน้านี้ เขาพบว่าการใช้คอมพิวเตอร์ก็แตกต่างจากก่อนหน้านี้มาก
  เวลานี้..หลิงหยุนมีหลายเรื่องเพิ่มเข้ามาในความทรงจำ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในสมัยเด็กน้อย สมัยประถม และมัธยมต้น อีกทั้งยังระลึกถึงอารมณ์รัก เกลียด สุข เศร้า และเจ็บปวดที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้..
  หลิงหยุนเวลานี้..รู้จักเปิดดูหนังรัก เปิดฟังเพลงที่ตนเองชื่นชอบ อ่านนิยาย จำได้แม้กระทั่งรหัสของ QQ อีเมล์ และเกมส์ออนไลน์ที่เคยเล่น..
  ในช่วงระยะเวลาเพียงแค่สั้นๆนี้ทำให้หลิงหยุนซึมซับชีวิตของเด็กหนุ่มในวัยสิบแปดปีขึ้นมาได้มาก และเวลานี้ก็ยากที่แยกแยะได้ว่าใครเป็นใคร และก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้นด้วย..
  เพราะปัจจุบัน..ชีวิตก่อนหน้า และชีวิตนี้ ต่างก็หลอมรวมเป็นหลิงหยุนในวันนี้!
  และนี่คือเหตุผลว่าเพราะเหตุใดเมื่อคืนนี้หลิงหยุนจึงมองเกาเฉินเฉินด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเช่นนั้น!
  ระหว่างที่เปิดเข้าไปในเวปไซต์QQ หลิงหยุนก็เอาแต่จ้องมองรูปนกเพนกวิน พร้อมกับครุ่นคิดอยู่นานว่า ‘จะเข้า.. หรือไม่เข้าดี..!’
  แต่ในวินาทีที่เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าไปดูนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นนอกห้อง ตามมาด้วยเสียงร้องตะโกนเรียก..
  “พี่หยุน..”
  ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋นั้น เมื่อตื่นขึ้นมาก็รีบตรงมาหาหลิงหยุนทันที..
  หลิงหยุนหันไปมองนาฬิกาและพบว่าเป็นเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่งแล้ว สองหนุ่มนอนยาวนานถึงสิบชั่วโมงเช่นนี้ ดูท่าหลายวันมานี้ทั้งคู่คงจะข่มตาให้หลับไม่ได้..
  “พวกนายตื่นกันแล้วรึ”
  หลิงหยุนหันไปมองทั้งคู่แต่แล้วสายตาของเขาก็หันไปจับจ้องอยู่ที่ถังเมิ่งเพียงคนเดียว..
  ถังเมิ่งเห็นหลิงหยุนจ้องมองตนเองเช่นนั้นจึงรีบสำรวจดูตามร่างกาย และเมื่อพบว่าตนเองก็แต่งตัวเรียบร้อยดี จึงได้แต่ร้องถามออกไปว่า
  “พี่หยุน..นี่พี่จ้องฉันทำไมกัน”
  หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ถังเมิ่ง.. ระหว่างที่ฉันหลับไปถึงเก้าวัน จู่ๆ ฉันกลับนึกถึงบัญชีความแค้นระหว่างเราสองคนได้..”
  ถังเมิ่งถึงกับตกใจและรีบระล่ำระลักถามไปว่า “ห๊ะ! บัญชีความแค้นอะไรกัน?!”
  จากนั้น..ดูเหมือนถังเมิ่งก็จะนึกขึ้นได้เช่นกัน เขาอ้าปากยิ้มกว้างอย่างประจบประแจง และพูดขึ้นว่า
  “พี่หยุน..อย่าล้อเล่นน่า! พวกเราพี่น้องเพิ่งจะผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน บัญชีความแค้นบ้าบออะไร ฉันจำอะไรไม่ได้เลย!”
  หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นยืน“ใช่.. พวกเราสองพี่น้องผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน! แต่นายก็ต้องรู้ว่าคนอย่างหลิงหยุน.. เมื่อมีบัญชีแค้นก็ต้องสะสาง..”
  ถังเมิ่งตกใจกลัวจนต้องวิ่งไปหาตี้เสี่ยวอู๋ที่ยืนมองด้วยความงุนงงท่าทางของถังเมิ่งไม่ต่างจากหนูที่กลัวแมว เขารีบพูดขึ้นว่า
  “พี่หยุน..เรื่องเล็กน้อยในอดีต ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเถอะนะ! แล้วตอนนี้ร่างกายของพี่เป็นยังไงบ้าง”
  หลิงหยุนถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า“นี่ถังเมิ่ง.. ตอนนี้ฉันสูญเสียวรยุทธไปหมดแล้ว เราสองคนมาสู้กันตัวต่อตัวดีกว่า ฉันจำได้หมดแล้วว่านายเคยรังแกฉันยังไงบ้าง”
  เมื่อก่อนนั้นถังมิ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่อันธพาลของโรงเรียนมัธยมจิงฉูส่วนหลิงหยุนนั้นเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในโรงเรียน จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่ตลอดระยะเวลาสามปีมานั้น ถังเมิ่งจะไม่รังแกเขาเลย..
  ถังเมิ่งได้ยินหลิงหยุนท้าดวลตัวต่อตัวเช่นนี้ก็ได้แต่ยิ้มขมขื่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
  “พี่หยุน..ที่ผ่านมาฉันหลงเชื่อว่าพี่เป็นคนใจกว้าง ไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ..”
  ตี้เสี่ยวอู๋ยืนมองทั้งคู่ด้วยความขบขันเมื่อหลิงหยุนพูดขึ้นว่า “นี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเล็ก หรือว่าเรื่องใหญ่ นายบอกฉันมาว่าจะชดใช้ให้ฉันยังไง”
  ถังเมิ่งได้แต่ร้องออกมาอย่างหมดหนทาง“โถ่พี่หยุน.. ฉันผิด.. ฉันยอมรับผิด! แต่ฉันติดตามพี่มาตั้งนาน มันชดเชยอะไรไม่ได้เลยเหรอ”
  หลิงหยุนยังคงพูดต่อ“นี่.. นายพาคนไปไถเงินฉันตั้งหลายครั้ง!”
  ตี้เสี่ยอู๋ถึงกับงุนงงและไม่รู้ว่าหลิงหยุนกับถังเมิ่งกำลังพูดเรื่องอะไร
  “เสี่ยวอู๋..นายเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-7 หรือยัง”
  หลิงหยุนหยอกเย้าถังเมิ่งพอหอมปากหอมคอแล้วจึงหันไปถามตี้เสี่ยวอู๋ถึงเรื่องการฝึกวิชาของเขา
  ตี้เสี่ยวอู๋รีบตอบกลับทันที“พี่หยุน.. ในคืนการต่อสู้ของพี่นั้น ฉันได้รับประโยชน์ไปมากมาย และดูเหมือนจะสามารถเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-7 ได้ทุกเมื่อ!”
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“เอาล่ะ.. นายพักผ่อนต่ออีกสักสองสามวัน ไว้สภาพร่างกายของนายสมบูรณ์เต็มที่ ฉันจะค่อยๆให้คำแนะนำในการเข้าสู่ขั้นต่อไป..”
  “แล้วนี่ทุกคนในบ้านตื่นกันหมดหรือยัง”
  ตี้เสี่ยวอู๋และถังเมิ่งพยักหน้าพร้อมกัน..ถังเมิ่งกระโดดถอยห่างจากหลิงหยุน และตอบไปว่า
  “พี่หยุน..ทุกคนกำลังรอพี่อยู่ที่ห้องรับแขก!”
  หลิงหยุนจัดการปิดโน๊ตบุ๊คและลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “พวกเราลงไปพร้อมกัน!”
  จากนั้นจึงหันหน้าไปสั่งถังเมิ่งว่า“ถังเมิ่ง.. นายโทรบอกลุงถังให้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไปได้แล้ว ไม่จำเป็นอีกแล้ว!”
  ถังเมิ่งพยักหน้าเห็นด้วยทันที“ฉันก็ว่างั้นล่ะพี่หยุน.. ตอนนี้ไม่มีที่ใหนปลอดภัยเท่ากับจิงฉูอีกแล้ว!”
  “หมายความว่ายังไง”
  หลิงหยุนได้ฟังคำพูดของถังเมิ่งก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างในคำพูดของเขาจึงร้องถามขึ้นด้วยความสงสัย
  ถังเมิ่งฉีกยิ้มพร้อมกับบอกหลิงหยุนไปว่า“พี่หยุน.. ลุงหลี่กลับมาจากปักกิ่งแล้ว! แล้วก็ได้บอกอะไรบางอย่างกับพ่อด้วย!’
  “เกิดอะไรขึ้นกันแน่!”.ไอลีนโนเวล.
  ถังเมิ่งร้องบอกหลิงหยุนด้วยความตื่นเต้น“ก็บุคคลอันดับหนึ่งของประเทศจีนน่ะสิ.. สั่งว่าจากนี้ไปหากชาวยุทธคนใดกล้ามาที่จิงฉูอีก ให้สมาชิกกลุ่มนภา และกลุ่มมังกรทำลายวรยุทธของผู้นั้นได้ทันที!”
  หลิงหยุนถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ“นี่.. นับว่าเป็นข่าวที่ดีมากเลยทีเดียว!”
  “ใช่แล้ว..เป็นข่าวดีมาก!”
  หลิงหยุนต้องต่อสู้แทบตายกว่าจะผ่านความเป็นความตายมาได้แต่เพียงแค่บุคคลอันดับหนึ่งของประเทศสั่งเพียงแค่คำเดียว เมืองจิงฉูก็กลับสู่ความสงบปลอดภัยเช่นเดิม!
  หลิงหยุนหันไปมองถังเมิ่งพร้อมกับถามถขึ้นว่า“ถังเมิ่ง.. ในความเห็นของนาย นายคิดว่าคำสั่งนี้เพื่อความสงบของจิงฉู หรือว่าเพื่อความปลอดภัยของพวกเรากันแน่”
  คำสั่งเช่นไรนั้น..ไม่สำคัญเท่ากับเหตุผลในการออกคำสั่ง
  “พี่หยุน..แล้วถ้าฉันบอกว่าเพื่อความปลอดภัยของพวกเราล่ะ พี่จะเชื่อมั๊ย”
  หลิงหยุนส่ายหน้าปฎิเสธอย่างไม่ลังเล…
  ถังเมิ่งหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า“พี่หยุน.. ถ้าพวกเขาเป็นเพราะห่วงความปลอดภัยของพวกเรา จะปล่อยให้พี่ต้องบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นก่อนเลยเหรอ ความจริงแล้วเรื่องที่เหล่าชาวยุทธมาที่จิงฉูนั้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศนี้ต่างก็รู้นานแล้ว แต่พวกเขาต่างก็นิ่งเฉย..”
  หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับแอบคิดอยู่ในใจว่าหากเป็นดังที่ถังเมิ่งพูดจริงๆ เขาคงต้องใคร่ครวญเรื่องนี้ให้ดี!
  นั่นเพราะระหว่างจิงฉูกับปักกิ่งนั้นไม่ได้ห่างไกลกันมากหากผู้บริหารระดับสูงของประเทศนี้ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่การที่พวกเขาเลือกที่จะเพิกเฉยเช่นนี้ หมายความเช่นใดกัน
  หลิงหยุนได้แต่คิดว่า..ฟ้าเบื้องบนช่างเดาใจได้ยากยิ่งนัก!
  หลิงหยุนได้แต่นึกขมขื่นอยู่ในใจและไม่ต้องการคิดถึงเรื่องนี้อีก แต่แล้วจู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้.. นั่นก็คือตระกูลเฉินกับตระกูลซันในปักกิ่ง แน่นอนว่าเวลานี้ทั้งสองตระกูลคงต้องสูญเสียอำนาจลงไปมาก..
  เช่นนี้แล้ว..เจ็ดตระกูลใหญ่ในปักกิ่ง – ตระกูลหลิงก็สั่นคลอน ตระกูลเกาก็ถูกทำลาย ส่วนตระกูลซันกับตระกูลเฉินก็สูญเสียอำนาจลงไปมาก..
  แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า..เวลานี้ความสมดุลย์ของเจ็ดตระกูลใหญ่ได้ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว เท่ากับว่าเวลานี้คงยากนักที่เจ็ดตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่งจะเลี่ยงพ้นจากการต้องเผชิญกับการสับเปลี่ยน!
  ในเมื่อมีตระกูลใดตระกูลหนึ่งตกต่ำลงก็ต้องมีตระกูลที่ขึ้นมาแทน หรืออาจจะมีตระกูลใหม่ๆ เกิดขึ้นมาแทนที่ เห็นได้ชัดว่าต้องมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ และดูเหมือนจะเป็นการร่วมมือกันเพื่อที่จะสร้างสถานการณ์สั่นสะเทือนนี้ขึ้นมา..
  “พี่หยนุ!พี่หยุน! นี่พี่กำลังคิดอะไรอยู่”
  ถังเมิ่งเห็นหลิงหยุนที่จู่ๆก็นิ่งเงียบไป และมีอาการคล้ายคนใจลอย เขาจึงได้แต่ร้องเรียก และโบกมือไปมาตรงหน้าหลิงหยุน!
  หลิงหยุนกมือขึ้นปัดฝ่ามือของถังเมิ่งออกและพูดออกมาพร้อมกับเดินตรงไปที่ห้องรับแขกทันที
  “ไม่มีอะไรตามฉันมาได้แล้ว..”
  ภายในห้องรับแขก..ฉินตงเฉี่วย หนิงหลิงยู่ ไป๋เซียนเอ๋อ เกาเฉินเฉิน เสี่ยวเม่ยหนิง เหมี่ยวเสี่ยวเหมา หลินเมิ่งหาน และเหยาลู่ ต่างก็นั่งคอยหลิงหยุนอยู่แล้ว..
  “เจ้าเด็กดื้อ..อาการของเจ้าเป็นเช่นใดบ้าง”
  หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ“ดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่ร่างกายของข้ายังอ่อนแออยู่ ยังไม่พร้อมฝึกฝนวิชา!”
  หลิงหยุนไม่ต้องการบอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องร่างกายของตนเองให้ทุกคนรู้เพราะไม่ต้องการให้ทุกคนต้องเป็นกังวลอีก..
  “ถ้าเช่นนั้นก็ดี..เอาล่ะ! เจ้าพักสักครู่ก่อน”
  ฉินตงเฉี่วยลุกขึ้นไปจูงมือหลิงหยุนมานั่งที่โซฟาจากนั้นจึงยกมือขึ้นชี้ไปที่กองสิ่งของบนโต๊ะพร้อมกับถามขึ้นว่า
  “เจ้าจะจัดการกับสิ่งของบนโต๊ะนี้เช่นไร”
  สร้อยประคำที่ใช้สะกดปีศาจภัยแล้ง..กลองสบัดมารของนักบวชเลี่ยยื่อ และโอสถหลงหู่อีกสิบแปดเม็ด
  นอกจากนั้นก็ยังมีโอสถสีขาวและแดงซึ่งใส่ไว้ในขวดแยกกันอีกสองขวด..
  นอกเหนือจากสร้อยประคำแล้วของชิ้นอื่นๆ นับว่าเป็นรางวัลให้กับชัยชนะที่ได้รับจากการต่อสู้ของหลิงหยุนในคืนนั้น..
  “ยาเม็ดหลงหู่มีมากมายเพียงนี้เชียวรึ”
  หลิงหยุนได้เห็นอานุภาพของยาเม็ดหลงหู่มาแล้วเขาจึงรู้สึกตื่นเต้นเมื่อพบว่ามีถึงสิบแปดเม็ด..
  ฉินตงเฉี่วยยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ใช่แล้ว! นักบวชเลี่ยยื่อนับว่าใจกว้างมากทีเดียว!”
  “แล้วโอสถสีแดงกับสีขาวนั่นเล่า”
  เสี่ยวเม่ยหนิงรีบตอบทันที“พี่หลิงหยุน.. สีขาวเป็นโอสถหยางพบในร่างของนักบวชเลี่ยยื่อ ส่วนสีแดงนั้นเป็นยาเม็ดโลหิต พบในร่างของคนชั่วพรรคมารนั่น!”
  “โอสถหยางงั้นรึ”
  หลิงหยุนเอื้อมมือออกไปหยิบขวดโอสถหยางออกมาเปิดออกจากนั้นจึงเทโอสถหยางออกมาสองเม็ดพร้อมกับสำรวจดูอย่างละเอียด..
  “นับว่าวิชากลั่นโอสถของเขาหลงหู่นั้นเยี่ยมมากทีเดียวโอสถหยางนี้.. นักบวชเฒ่านั่นน่าจะกลั่นจากหยางของปีศาจภัยแล้ง แม้ว่าจะไม่จัดอยู่ในโอสถชั้นเลิศ แต่ก็เหนือกว่าโอสถธรรมดาจนถึงขั้นกลาง..”
  ระหว่างที่อธิบายนั้นหลิงหยุนก็จัดการโยนโอสถหยางสองเม็ดในมือเข้าปากตัวเองและทันทีที่กลืนลงท้องไปโอสถหยางก็เปลี่ยนเป็นพลังหยางบริสุทธิ์..
  ทุกคนต่างก็ตกใจกับสิ่งที่หลิงหยุนทำโดยเฉพาะอย่างยิ่งฉินตงเฉี่วยกับหนิงหลิงยู่ที่ไม่สามารถห้ามหลิงหยุนได้ทัน..
  “นี่เจ้ากินของแบบนั้นเข้าไปได้อย่างไรกัน”ฉินตงเฉี่วยร้องออกมาอย่างตกใจ
  หลิงหยุนได้แต่หัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า“น้าหญิง.. ท่านลืมแล้วรึว่าข้าเป็นหมอ!”
  หลิงหยุนเป็นถึงหมออมตะปรุงโอสถมาแล้วมากมายเขาไม่มีทางดูพลาดอย่างแน่นอน..
  “เฮ้อ..โอสถสองเม็ดที่ข้ากลืนเข้าไป ไม่ต่างจากหยดน้ำในมหาสมุทรจริงๆ!”
  โอสถหยางทั้งสองเม็ดที่หลิงหยุนกลืนเข้าไปนั้นหลังจากที่พลังหยางแผ่ซ่านออกมา แต่เพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวก็มลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย โอสถทั้งสองเม็ดที่กลืนเข้าไปในท้องจึงไม่ต่างจากจระเข้ตัวใหญ่ที่กลืนยุงตัวเล็กๆเข้าไป เช่นนี้แล้วจะมีผลได้อย่างไรเล่า
  แต่ถึงกระนั้น..ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไร และดีกว่าข้าวต้มสมุนไพรเป็นสิบชาม เขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมาได้มาก..
  “ส่วนยาเม็ดโลหิต..ยังไม่มีประโยชน์อะไรในเวลานี้ แต่เก็บไว้ก่อน.. วันข้างหน้าอาจเป็นประโยชน์!”
  ฉินตงเฉี่วยพยักหน้ารับรู้พร้อมกับพูดต่อว่า“ข้าพบยันต์ในตัวนักบวชเลี่ยยื่อด้วย แต่เวลานั้นเจ้ายังคงหลับใหล ข้าจึงได้มอบให้โม่วู๋เตาไป!”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า“ข้าเป็นหนี้ชีวิตเขา ไม่ว่าเขาต้องการอะไร ก็ให้เขาไป!”
  “น้าหญิง..สร้อยประคำกับกลองสะบัดมารนี้ ท่านช่วยเก็บไว้ให้ข้าก่อน! ส่วนโอสถหลงหู่กับยาเม็ดโลหิตให้เซียนเอ๋อเป็นผู้เก็บรักษา..”
  หลิงหยุนไม่ให้ไป๋เซียนเอ๋อเก็บรักษาสร้อยประคำเพราะเกรงว่าพลังพุทธะอาจจะเป็นอันตรายกับนางได้..
  หลิงหยุนได้แต่แอบคิดว่าการใช้งานแหวนพื้นที่ไม่ได้นับเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเขามาก จากนั้นจึงหันไปถามฉินตงเฉี่วยว่า
  “น้าหญิง..ยังมีสมบัติล้ำค่าใดอีกหรือไม่”
  ฉินตงเฉี่วยตอบว่า“ก็มีพวกอาวุธลับที่กองอยู่ในห้องออกกำลังกาย..”
  หลิงหยุนพยักหน้ารับรู้พร้อมกับตอบไปว่า“ถ้าเช่นนั้นก็เก็บไว้ที่ห้องนั่นไปก่อน วันข้างหน้าข้าคงได้ใช้ประโยชน์!”
  “เอ่อ..แล้วอย่างอื่นล่ะ เอ่อ.. อย่างเช่นเงิน?”
  ทุกคนในห้องถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน..
  ฉินตงเฉี่วยยกมือขึ้นเขกหัวหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เจ้าคนเห็นแก่เงิน! ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนใช่ว่าจะร่ำรวย.. ต่อให้มีเงินมากมายพวกเขาก็นำไปซื้อโอสถสำหรับฝึกวิชาจนหมด.. จะเหลือเงินให้เจ้าปล้นได้อย่างไรกันเล่า”
  หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าเขาเองก็เช่นเดียวกัน หากเขามีเงินก็ยินยอมจ่ายเพื่อให้สามารถเข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้นไปได้ เช่นเดียวกับในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ ทุกคนล้วนแล้วแต่ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงสิ่งเหล่านี้..
  ยุทธภพในโลกนี้ก็ไม่ต่างกันเลย!
  หลิงหยุนยิ้มให้กับทุกคนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ทุกคนยังไม่ทันได้ทานอาหารเช้า พวกเราออกไปหาอาหารดีๆหรูๆกินกันดีกว่า ว่าแต่ไปที่ใหนกันดี”
  ทุกคนในห้องต่างก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน“โรงแรมไคเฉวียน!”
  “ตกลง..พวกเราทั้งหมดไปดื่มฉลองชัยชนะกันที่นั่น!”