บทที่****150: อันตรายที่คาดไม่ถึง

“สั่งสอนบทเรียนให้กับนาง ทุ่มเททั้งหมด อย่าให้นางรอด!” ผู้ฝึกตนปีศาจคำรามออกมา แต่ไม่ว่าพวกเขาจะตะโกนออกมาดังเท่าไหร่ ก็ยังไม่มีใครกล้าที่จะเปิดการโจมตี นั่นเป็นเพราะว่าดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์น่าเกรงขามมากเกินไปสำหรับเหล่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียน แม้ว่าพวกเขาจะมีสมบัติวิเศษก็ไม่สามารถหยุดการสังหารของมันได้ สิ่งเดียวที่สามารถปกป้องพวกเขาได้ในตอนนี้คือการร่วมมือกัน

ทุกคนทราบดีหลังจากที่พวกเขาอยู่รอดมาร่วมเดือน พวกเขาคือชนชั้นสูงของสำนักตนเอง ผู้ที่ตายตกไปนั้นไม่ต่างอะไรจากขยะ ดังนั้นในหมู่คนที่เหลือราวสามสิบคน มีเพียงยี่สิบคนเท่านั้นที่ครอบครองสมบัติวิเศษ

ถ้าหากใช้สมบัติวิเศษนี้พร้อมกันทั้งยี่สิบชิ้น มีความเป็นไปได้ว่ามันจะไม่พ่ายแพ้ต่อดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ เรื่องนี้เป็นเพราะว่าความแข็งแกร่งของหานปิงเอ๋อยังน้อยเกินไปและนางไม่สามารถปลดปล่อยพลังของดาบได้อย่างเต็มที่ ถ้าหากวันหนึ่งนางเข้าสู่ระดับหยวนหยินหรือจินตัน แม้ว่าสมบัติวิเศษเหล่านี้ทั้งหมดจะล้อมนางไว้ก็ไม่อาจทำอันตรายนางได้แม้แต่ปลายเล็บ แต่น่าเสียดายที่ในตอนนี้นางอยู่ในระดับเซียนเทียนเท่านั้น หลังจากที่นางเรียกใช้งานดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ไปสักพัก ปราณจิตวิญญาณของนางจะหมดลง ถ้าหากพวกเขาทั้งหมดร่วมมือกัน แน่นอนว่าชัยชนะก็เห็นอยู่รำไร แต่ในเมื่อพวกเขาไม่มีใครกล้าเข้าไปเป็นเหยื่อให้นาง ตอนนี้พวกเขาต่างฝ่ายต่างดูเชิง หาได้ร่วมมือกันแต่อย่างใด

แม้ว่าผู้ฝึกตนปีศาจทั้งหลายจะเกรงกลัว แต่สำหรับหานปิงเอ๋อนั้นตรงกันข้าม นางสั่งให้ดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์พุ่งไปด้านหน้าเพื่อทวงหนี้แค้น ในหัวของนางตอนนี้คือการต่อสู้กับผู้ฝึกตนทั้งสามสิบคนด้วยตัวคนเดียว! ตอนนี้แววตาของนางไม่ได้แสดงถึงความโกรธแต่อย่างใด สิ่งเดียวที่นางแสดงออกมาในตอนนี้คือความบ้าคลั่งโดยไม่สนใจความตาย นางมีเพียงความคิดที่จะสังหารพวกมันทั้งหมดเท่านั้น!

ผู้ฝึกตนปีศาจไม่เคยคาดคิดว่าหานปิงเอ๋อจะกระทำการบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งหมดแตกกระจายไปคนละทิศจากพลังของดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ ผู้ฝึกตนปีศาจสามคนตายโดยที่ยังไม่ทันได้ตอบสนองสิ่งใด ศพของเขากลายเป็นน้ำแข็ง คนอื่นที่มองเห็นเช่นนั้นไม่กล้าแม้แต่จะต่อสู้ พวกเขาเริ่มหาทางหลบหนี หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป แน่นอนว่าหานปิงเอ๋อจะต้องสังหารพวกเขาทั้งหมดอย่างแน่นอน

แต่อย่างไรแล้วพวกเขาคือเหล่าชนชั้นสูงที่สำนักไว้วางใจส่งมาที่นี่ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่คนโง่ หลายคนกลับฉลาดนัก ขณะที่พวกเขาเห็นสถานการณ์ดำเนินไป ทั้งหมดเข้าใจได้ทันทีว่าไม่อาจปล่อยให้มันเลวร้ายไปมากกว่านี้ได้ เหล่าชนชั้นสูงที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ต่างส่งสัญญาณลับหากันขณะลอบตกลง

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีชายหนุ่มผู้หนึ่งตะโกนขึ้นมา “สำนักพันปีศาจฟังคำสั่งจากข้า จงต่อสู้ด้วยทุกสิ่งที่พวกเจ้ามี! ผู้ใดที่กล้าหาญจะหลบหนี จะถูกประหารชีวิตทันทีด้วยกฎของสำนัก!”

“สำนักปีศาจโลหิตฟังคำสั่งข้า! จงต่อสู้ด้วยทุกสิ่งที่พวกเจ้ามี! ผู้ใดที่กล้าหาญจะหลบหนี จะถูกประหารชีวิตทันทีด้วยกฎของสำนัก!”

“สำนักไผ่ขื่นขมฟังคำสั่งข้า! จงต่อสู้ด้วยทุกสิ่งที่พวกเจ้ามี! ผู้ใดที่กล้าหาญจะหลบหนี จะถูกประหารชีวิตทันทีด้วยกฎของสำนัก!”

“……” จากนั้นสำนักอื่นต่างก็ตะโกนออกมาตามกัน

กฎของสำนักปีศาจนั้นรุนแรงมาก มันเพียงพอที่จะใช้ข่มขู่ การตายด้วยกฎพวกนี้นับได้ว่ามีสิบชีวิตก็ไม่เพียงพอให้ทรมาน เมื่อเหล่าศิษย์ได้ยินคำสั่ง พวกเขาหวาดกลัวทันทีและหยุดความคิดที่จะหลบหนี แม้ว่าจะตายตกไปด้วยมือของหานปิงเอ๋อ พวกเขาจะตายอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากต้องตายตกไปเพราะกฎแห่งสำนักปีศาจ แน่นอนว่ามันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก!

 

ผู้ฝึกตนปีศาจทั้งหมดหันหลังกลับมาและเริ่มการโจมตี หานปิงเอ๋อและดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ไม่ได้น่าเกรงขามเช่นเดิม หลังจากที่นางสังหารอีกสองคน นางรู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้นางจึงใช้พลังส่วนใหญ่เพื่อการป้องกัน ซึ่งไม่อาจหาช่องทางที่จะตอบโต้ได้เลย และด้วยความที่เหล่าผู้ฝึกตนปีศาจมีจำนวนมากกว่า อีกทั้งยังเต็มไปด้วยสมบัติวิเศษ ต่างคนต่างใช้ทุกสิ่งอย่างที่มีโจมตีใส่ เปลวไฟปีศาจ พิษที่อยู่ในอาวุธ พิษในแมลง และควันพิษ เมื่อสิ่งเหล่านี้รุมเร้า นางก็ยากป้องกันทั้งหมด

เมื่อเห็นว่าหานปิงเอ๋อเริ่มที่จะตั้งรับ ผู้ฝึกตนปีศาจทั้งหลายเริ่มมีความหวังขึ้นภายในจิตใจ ทำให้การโจมตีของพวกเขาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เดิมทีผู้ฝึกตนปีศาจเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เลวร้าย พวกเขาทั้งหมดจะหลบหนีเป็นอันดับแรก แต่ถ้าหากการต่อสู้เป็นไปได้ดี พวกเขาจะโจมตีอย่างหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์หลังจากสู้รบมากที่สุด แต่ผู้ฝึกตนปีศาจเหล่านี้ดีใจเร็วเกินไป หานปิงเอ๋อที่อยู่ในสภาวะบ้าคลั่งไม่ได้จัดการโดยง่าย ในขณะที่นางหยุดการโจมตีลง แววตาของนางเริ่มเลือนรางหายไป กล่าวได้ว่าสติของนางขาดไปแล้วโดยสิ้นเชิง จากนั้นสัญลักษณ์พลันปรากฏในมือของนาง นางเริ่มอ่านบทร่าย ชั่วอึดใจนางบ้วนเลือดออกมาบนมือของตนเอง

ขณะที่เลือดของนางเข้าสู่ดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ ดาบกลายเป็นสีแดงทันที แน่นอนว่าดาบที่อ่อนไหวเช่นนี้ย่อมรับรู้ถึงอารมณ์ของเจ้านายมันได้เป็นอย่างดีพร้อมเริ่มกรีดร้อง ในขณะนั้นอากาศที่หนาวเย็นแผ่กระจายออกมาจากตัวของดาบราวกับว่าพลังของมันทั้งหมดถูกเปิดออก

เกิดเป็นพายุหิมะพัดโหมกระหน่ำไปทั่วบริเวณ ในทุกหนแห่งมันได้พัดผ่านไปไม่ว่าจะเป็นสมบัติวิเศษ อาคม แมลง หมอก ทุกอย่างล้วนถูกแช่แข็ง สำหรับเหล่าศิษย์บางคน พวกเขากลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งที่รูปร่างราวกับคริสตัล

เพียงแค่การโจมตีครั้งเดียว ผู้ฝึกตนสิบคนและสมบัติวิเศษสิบชิ้นถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว บางชิ้นแตกสลาย บางชิ้นถูกแช่แข็งไว้ แม้ว่าพวกมันจะไม่ถูกทำลาย แต่ก็ยังไม่อาจฟื้นคืนได้ในเร็ววัน อีกทั้งยังต้องได้รับการซ่อมแซมก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้อีกครั้ง

แต่หานปิงเอ๋อหาได้สังหารผู้ฝึกตนปีศาจทั้งหมด ท้ายที่สุดมีเจ็ดคนที่สามารถหลบหนีไปได้ พวกเขาคือเหล่าชนชั้นสูงที่มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ออกมาต่อสู้เองและคอยยืนสั่งการอยู่ด้านหลัง เพื่อเป็นการรอรับผลประโยชน์สูงสุดจากการสู้รบตรงหน้าและไม่ต้องการเปลืองมือ

เพราะเหตุนั้น เมื่อหานปิงเอ๋อปลดปล่อยการโจมตี พวกเขาจะไม่อาจหลบหนีโดยง่าย การโจมตีอันแข็งแกร่งนี้เกิดขึ้นกลางอากาศ เพื่อป้องกันตนเอง พวกเขาจำเป็นต้องใช้สมบัติวิเศษป้องกันคลื่นพลังที่เกิดขึ้นจากนั้นจึงค่อยหลบหนีโดยเร็วที่สุด

อย่างไรแล้วแม้จะมีคนโชคดีถึงเจ็ด แต่สำหรับหานปิงเอ๋อหาได้ใช่ความโชคดี การโจมตีที่เพิ่งปลดปล่อยเมื่อครู่นี้เป็นการใช้งานธรรมชาติของดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ ความแข็งแกร่งเพียงนี้ลำพังนางไม่อาจเรียกใช้ อย่างน้อยนางต้องอยู่ระดับปฐมภูมิเสียก่อน แต่ในเมื่อสถานการณ์อันตราย นางไม่มีทางเลือกนอกจากต้องฝืนใช้งาน

แม้ว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้จะดีขึ้น แต่หานปิงเอ๋อสูญเสียทั้งพลังและการควบคุม นอกจากนี้ดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ไม่อาจอยู่นอกร่างกายของนางได้อีกต่อไป ตอนนี้มันทำได้เพียงอย่างเดียวคือต้องกลับเข้าไปในร่างกายของนาง

อันที่จริงอาการของหานปิงเอ๋อค่อนข้างร้ายแรง นางเสียเลือดมาก อีกทั้งอวัยวะภายในบาดเจ็บสาหัส เพราะอาคมที่นางใช้เมื่อครู่ต้องใช้ปราณจิตวิญญาณมหาศาล ทำให้ความสามารถการควบคุมพลังของนางลดต่ำลงอย่างถึงที่สุด นางกระอักเอาโลหิตออกมาอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นเด่นชัดว่าอวัยวะภายในกำลังพยายามฟื้นฟูโดยเร็ว

แม้ภายนอกดูสบายดี แต่ภายในกลับมีเลือดออก สถานการณ์ค่อนข้างอันตราย และนางยังถูกศัตรูล้อมเอาไว้ ตอนนี้นางไม่มีโอกาสแม้ต่จะหยิบยาอายุวัฒนะออกมาเพื่อทำการรักษา นางทำได้เพียงแค่อดกลั้นต่ออาการบาดเจ็บ

ผู้ฝึกตนทั้งเจ็ดที่สามารถหลบหนีไปได้ล้วนไม่โง่เขลา กลับกัน พวกเขาฉลาดมาก พวกเขาไม่ได้เกรงกลัวการโจมตีที่รุนแรงของหานปิงเอ๋อ แต่พวกเขาสามารถรับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติจากใบหน้าที่ซีดขาวและร่างกายที่สั่นเทาของนาง

แต่พวกเขาทั้งเจ็ดคนยังคงระมัดระวังตนเองอย่างถึงที่สุด พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้หญิงสาวผู้นี้ก่อนที่จะยืนยันได้ว่าหานปิงเอ๋อได้สูญเสียการควบคุมตนเองไปแล้ว พวกเขาล้อมรอบนางจากระยะไกลพร้อมทดสอบนางด้วยเสียงอันเย็นเยียบ “หานปิงเอ๋อ เจ้าทำได้ถึงเพียงนี้ นับว่าน่าประหลาดใจมากแล้ว เทียบกับพวกเรา เจ้าไม่ต่างอะไรกับตะเกียงที่ขาดน้ำมัน มา พวกพี่ชายจะแสดงฝีมือให้ได้เห็น!”

หานปิงเอ๋อไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาเพียงแต่จ้องมองพวกเขาด้วยแววตาที่เย็นชา

คนทั้งเจ็ดไม่ทราบว่าท่าทีของหานปิงเอ๋อหมายถึงสิ่งใด พวกเขากำลังมองภาพรวม ทันใดนั้น หนึ่งในกลุ่มคนพลันกล่าวออกมา “แม่นาง ข้ารู้ว่าปราณจิตวิญญาณของเจ้าหมดแล้ว แม้กระทั่งดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ของเจ้ายังไม่อาจทำสิ่งใดได้นอกจากเข้าไปอยู่ในร่างกายของเจ้า ฮ่าฮ่า ข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่? เรื่องนี้เจ้าไม่อาจปิดบัง!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาดีดนิ้วพร้อมปรากฏหินจิตวิญญาณขนาดเล็กขึ้นมาพร้อมกับส่งมันไปให้หานปิงเอ๋อ

แม้ว่าจะมองเห็นว่าหินกำลังพุ่งมาทางนี้ แต่หานปิงเอ๋อไม่สามารถแม้แต่จะหลบมันได้ นางทำได้เพียงยอมรับให้มันกระแทกเข้าใส่ ถึงแม้ว่าความเจ็บปวดนี้จะทำให้นางต้องกัดริมฝีปากไว้แน่น แต่นางก็ยังคงอยู่ในอารมณ์ที่สงบนิ่ง

เมื่อเห็นเช่นนั้น ทุกคนรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที แต่พวกเขายังคงกลัวว่าหานปิงเอ๋อเพียงแค่หลอกให้ตายใจ พวกเขาทั้งหมดจึงเริ่มโยนหินไปที่นางอีกครั้ง เหตุผลแรกคือต้องการทดสอบนาง เหตุผลสองคือความสนุกสนานของพวกเขาเอง!

เมื่อโดนหินขว้างเข้าใส่ไม่กี่ก้อน หานปิงเอ๋อไม่สามารถยืนต่อได้ไหว นางล้มลงไปกองอยู่บนพื้นทันที ผมของนางยุ่งเหยิงอยู่ในสภาพที่น่าเวทนา “ฮ่าฮ่า ในที่สุด สาวงามผู้นี้ก็ยอมสงบลงเสียที!”

“ประเสริฐยิ่งนัก วันนี้พวกพี่ชายจะได้มีอะไรให้เล่นสนุก!”

“กับศิษย์อันแข็งแกร่งของหอเฉวียนจี้ พวกเราจะขอเล่นให้หนำใจในทุกคืนวัน!”

“พี่น้อง ใครเล่าจะเป็นคนแรก?” เหล่าผู้ฝึกตนทั้งเจ็ดเริ่มพูดคุยกันอย่างชั่วร้าย

ขณะที่หานปิงเอ๋อได้ยิน ใบหน้าของนางเปลี่ยนสี สายตาเริ่มแข็งกร้าว นางเงยหน้าขึ้นขณะดึงมีดสั้นออกจากอกเสื้อคลุมพร้อมยกมันขึ้นเหนือศีรษะและตะโกนออกดังลั่น “หากไร้ซึ่งทางให้ข้าเดินอีกต่อไป ข้ายอมตายด้วยตัวเอง!” เมื่อนางกล่าวออก นางไม่ลังเลที่จะแทงมีดสั้นลงกับหน้าอกของตน

“ไม่!” เมื่อผู้ฝึกตนทั้งเจ็ดได้ยินเช่นนั้น พวกเขาตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาทั้งหมดต้องการที่จะหยุดนางแต่ก็ไม่สามารถทำได้

ขณะนั้นเอง คล้ายปรากฏอสูรกายตนหนึ่งตรงหน้าหานปิงเอ๋อ ร่างนั้นได้หยุดมีดสั้นไว้