บทที่****149: ความคลั่งของสตรี!

ไม่นานหลังจากที่หานปิงเอ๋อจากไป เจ้าอ้วนโผล่ออกมาจากป่าด้านหลัง เขาเพียงแค่ซ่อนตัวและเฝ้ามองกระบวนการของเหล่าปีศาจเทวะ รวมถึงฉากการอาบน้ำของนางทั้งหมด

บ่อน้ำทั้งหมดถูกนางแช่แข็งโดยสมบูรณ์ เขาได้แต่บ่นพึมพำอย่างช่วยไม่ได้ “สวรรค์ ในเวลาที่เฝ้ามองหญิงสาวอื่นอาบน้ำ ข้ารู้สึกว่าร่างกายถูกเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิง แต่ขณะที่ข้ามองดูหานปิงเอ๋ออาบน้ำ นางสามารถทำให้บรรยากาศโดยรอบถูกแช่แข็งพร้อมทั้งแผ่จิตสังหารออกมามากเกินไป ขอบคุณสวรรค์ที่ข้าไม่ได้เข้าไปอยู่ในสมองของนาง ด้วยความแข็งแกร่งของนาง ทุกอย่างถูกจัดการโดยปีศาจเทวะจนหมดสิ้น นางจึงเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้คือการโจมตีของร่างกายไร้ตัวตนของเหล่าปีศาจเทวะ อีกทั้งนางยังไม่รู้ว่าภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าได้เปลี่ยนเจ้านายแล้ว เรื่องเหล่านี้คงไม่สามารถโยงมาถึงข้าได้ แน่นอนว่านางจะต้องเดินออกไปเพื่อค้นหายู่เฟิงแห่งสำนักพันปีศาจเพื่อแก้แค้น เหอะเหอะ! สิ่งที่น่าสนใจในตอนนี้คือความเกรี้ยวกราดของเทพธิดา! ใครกันจะสามารถหลบหนีดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์นี้ได้? พวกเขาทั้งหมดจะต้องหายสาบสูญไปอย่างแน่นอน! ฮ่าฮ่า ข้าชื่นชอบเรื่องราวเช่นนี้ที่สุด!”

ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เจ้าอ้วนหยิบเอาชั้นในของหานปิงเอ๋อออกมาจากเสื้อคลุมพร้อมสูดเข้าไปลึก ๆ หนึ่งครั้ง จากนั้นเขาบ่นกับตนเอง “ไม่ ข้าจะต้องปกป้องนาง มันจะเป็นการดีถ้าหากเราปกป้องความงามนั้นไว้! หญิงสาวที่งดงามเช่นนี้ ข้าไม่สามารถปล่อยให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์จากร่างกายของนางได้แน่!” เมื่อคิดเช่นนั้น เจ้าอ้วนสั่งให้ปีศาจเทวะที่อยู่ในร่างไร้ตัวตนติดตามหานปิงเอ๋อไปหนึ่งตน ตามกำหนดการล่าผลไม้วิญญาณ ในเวลานี้ศิษย์ทุกคนจะต้องเดินไปยังประตูเคลื่อนย้ายได้แล้ว ซึ่งมันห่างจากตรงนี้ประมานหนึ่งร้อยลี้ มันจะส่งทุกคนออกไปยังพื้นที่ด้านนอกซึ่งก็คือจบการล่าผลไม้วิญญาณ ถ้าหากไม่สามารถออกไปได้ทันเวลา พวกเขาทั้งหมดสามารถเดินออกไปได้ด้วยตนเอง แต่ก็ต้องใช้ระยะเวลาและความพยายามอย่างมาก ซึ่งหากได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหล่าอสูรกายภายในหุบเขาแห่งนี้ ทุกสิ่งจะยากลำบากขึ้นทันที ดังนั้นจึงไม่ควรมีผู้ใดคิดพลาดโอกาสนี้เด็ดขาด

สำหรับเหตุผลที่ต้องมีสองประตูคือป้องกันผู้ฝึกตนที่ชอบธรรมและปีศาจพบเจอกัน พวกเขามักจะต่อสู้กันเสมอ เพื่อป้องกันการสูญเสียศิษย์น้ำดีของสำนัก แม้ว่าจุดประสงค์หลักของการทำภารกิจนี้คือการค้นหาผลไม้วิญญาณ แต่เหล่าศิษย์สามารถต่อสู้กันได้เสมอ ดังนั้นวิธีนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ไม่มีใครรู้ว่าเหล่าอาวุโสนั้นคิดเห็นอย่างไร ประตูเคลื่อนย้ายภายในหุบเขานี้ถูกสร้างขึ้นอย่างดี พื้นสีฟ้าหลายร้อยฟุตถูกสร้างขึ้นจากอาคม หลังจากที่ใช้งานประตูเคลื่อนย้ายแล้ว จะพบกับห้องโถงขนาดยักษ์ที่ไร้กำแพง ด้านหน้าของมันมีศาลาและพื้นที่สำหรับพักผ่อนให้กับเหล่าศิษย์อีกด้วย

สองวันก่อนที่การล่าจะสิ้นสุดลง ศิษย์ส่วนใหญ่เดินทางมาถึงประตูเคลื่อนย้ายแล้ว สำหรับประตูเคลื่อนย้ายของสำนักปีศาจ มีผู้ฝึกตนราวสามสิบคนเดินทางมาถึงและเริ่มพักผ่อน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับบุคคลอื่น แต่พวกเขาก็อยู่ในท่าทีที่ระมัดระวังและไม่ล้ำเส้นใคร อีกทั้งยังมีการเตรียมยันต์และดาบบินเพื่อเตรียมพร้อมตั้งรับสถานการณ์ไม่คาดฝันไว้เสมอ เห็นได้ชัดว่าทุกคนนั้นกลัวการถูกทรยศหรือฉกฉวยสมบัติในตอนนี้

“พวกเจ้าได้ยินเรื่องหานปิงเอ๋อแห่งหอเฉวียนจี้บ้างหรือไม่ นางดูราวกับคนบ้าไปแล้ว เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานางสังหารทุกคนที่นางพบเห็น ไม่ใช่แค่เหล่าผู้ฝึกตนบนเส้นทางปีศาจเท่านั้นที่ตกเป็นเหยื่อ แต่ทว่าผู้ฝึกตนฝ่ายนางโดนกระทำด้วยเช่นกัน ทุกคนตายตกไปเพราะดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา

“เหตุใดข้าจึงไม่ได้ยินเรื่องราวเช่นนี้เลย? นางดูร้ายกาจยิ่งกว่าพวกเราที่เดินบนเส้นทางของปีศาจเสียอีก ระหว่างทางที่ข้ามาสถานที่แห่งนี้ ข้าพบศพของเพื่อนร่วมสำนักสองคน สวรรค์ พวกเขาถูกหั่นออกเป็นแปดชิ้น จากบาดแผลเห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกหั่นเป็นชิ้นก่อนที่จะตายเสียอีก นางมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำเช่นนี้ด้วย” ผู้ฝึกตนที่สวมชุดยาวสีดำกล่าวเสริม

“ไม่ใช่แค่นั้น ข้าเห็นหานปิงเอ๋อราวกับแม่มด นางสามารถสังหารผู้คนได้อย่างรวดเร็วแต่นางกลับไม่ทำเช่นนั้น นางเลือกใช้วิธีทรมานพวกเขาอย่างช้า ๆ จากนั้นนางจึงจะหั่นแขนและขาของพวกเขาทิ้งทีละท่อน” ผู้ฝึกตนอีกคนกล่าวเสริมขึ้นมา

“กล่าวเกินจริงมากไปแล้ว! เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นได้? แม้ว่านางจะไม่ค่อยถูกชะตากับพวกเรา แต่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำถึงขนาดนี้กัน?” อีกคนกล่าวเสริม “ในขณะนั้นข้าได้ยินหานปิงเอ๋อถามหาเบาะแสของยู่เฟิง จากการแสดงออกที่น่ากลัวของนาง ดูเหมือนว่านางจะต้องสูญเสียสิ่งใดให้กับยู่เฟิงมาก่อน ดังนั้นนางจึงต้องการที่จะชำระแค้น!” ผู้ฝึกตนในชุดเหลืองกล่าวออกมา

“หืม งั้นหรือ? ฮ่าฮ่า เรื่องนี้ท่าทางจะสนุก! พวกเรารู้ดีว่านายน้อยยู่เฟิงของเราเป็นเช่นใด เขามาจากสำนักพันปีศาจ อีกทั้งเขายังเป็นจอมเผด็จการอีกด้วย ถ้าหากว่าหานปิงเอ๋อเผชิญหน้ากับเขาด้วยความเกรี้ยวกราดเช่นนั้น ไม่คิดว่าน่าสนุกไม่ใช่น้อยหรือไร?” อีกคนกล่าวเสริมอย่างออกรส

“อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะนายน้อยยู่เฟิงข่มเหงนาง?” อีกคนกล่าวออกมาอย่างตกใจ

“ข้าไม่คิดว่าเพียงแค่การข่มเหงจะสามารถทำให้หานปิงเอ๋อบ้าคลั่งได้ ถูกไหม?” อีกคนถาม

“ฮ่า อย่าบอกนะว่านางถูกข่มขืนโดยนายน้อยยู่เฟิง?” เด็กหนุ่มชุดเหลืองกล่าวออกมา

“เหอะเหอะ ข้าเกรงว่านี่จะเป็นคำอธิบายเดียวที่ถูกต้อง ทุกคนรู้ดีว่านายน้อยยู่เฟิงนั้นครอบครองภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า สิ่งนี้แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ อีกทั้งรวมกับความแข็งแกร่งของเหล่าปีศาจเทวะไร้ตัวตน มันไม่ใช่เรื่องที่เกินกำลังเลยถ้าหากเขาจะสามารถจับกุมหานปิงเอ๋อในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่!” อีกคนกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะอย่างร่าเริง

“แต่ทำไมนายน้อยยู่เฟิงจึงไม่สังหารนางหลังจากเสร็จกิจ?” อีกคนถามอย่างสงสัย “หรือพอได้สนุกสนานร่วมด้วยจึงใจอ่อนขึ้นมา?” อีกคนกล่าวเสริม

“ฮ่าฮ่าฮ่า” สำหรับผู้ฝึกตนปีศาจที่ยืนอยู่ละแวกนั้นหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

แต่ในขณะที่พวกเขากำลังครื้นเครงอยู่นั้น ความหนาวเย็นไร้รูปร่างได้พัดผ่านร่างกายของพวกเขา อากาศเย็นเยือกนี้น่าหวั่นเกรงเกินไป ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนไม่อาจอดทนต่อสภาพอากาศเช่นนี้ได้

จากนั้นทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นรู้สึกถึงจิตสังหารอันรุนแรง ความกลัวสั่งให้พวกเขาทั้งหมดยืนขึ้นทันทีเพราะการมาเยือนของศัตรู สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังต้นทางทันที ตรงหน้าของพวกเขามีสตรีชุดขาวยืนอยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร คลื่นความหนาวเย็นแผ่กระจายออกมาจากร่างกายและดาบของนาง

ไม่ต้องสงสัยสตรีผู้นี้คือหานปิงเอ๋อที่พยายามตามหายู่เฟิงเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว ไม่กี่วันที่ผ่านมานางได้สังหารเหล่าผู้ฝึกตนไปมากมาย แต่นางก็ยังไม่สามารถค้นหายู่เฟิงพบ นางจึงตัดสินใจที่จะออกมาด้านนอกและสังหารผู้ฝึกตนปีศาจที่รวมกลุ่มกันอยู่หลังประตูเคลื่อนย้ายแทน

ในขณะที่ผู้ฝึกตนปีศาจมองเห็นหานปิงเอ๋อ ทุกคนอยู่ในสภาวะตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ จากนั้นพวกเขากระจายตัวไปรอบหานปิงเอ๋อและล้อมนางเอาไว้โดยทันที

ผู้ฝึกตนปีศาจที่อยู่ห่างจากนางไม่กี่ร้อยฟุตตะโกนถามนางว่า “หานปิงเอ๋อเจ้ามาทำอะไรที่นี่!” หานปิงเอ๋อไม่ใส่ใจกับบุคคลเหล่านี้ นางเริ่มการถามไถ่ทันที “ยู่เฟิงอยู่ที่ใด!”

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีผู้ฝึกตนปีศาจคนไหนกล้าที่จะเผชิญหน้ากับหานปิงเอ๋อ แต่ทว่าพวกเขาได้เปรียบด้านจำนวนจึงทำให้มีความกล้าหาญมากยิ่งขึ้น

ผู้ฝึกตนรายหนึ่งถามขึ้นมาอย่างไม่อาจอดกลั้น “เจ้าจะค้นหานายน้อยยู่เฟิงเพื่ออะไร? อย่าบอกข้านะว่าเจ้าต้องการหาใครสักคนเพื่อมาผ่อนคลายกับความตึงเครียดที่ผ่านมา?”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ผู้ฝึกตนปีศาจโดยรอบหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

เดิมทีชายผู้นี้ต้องการจะหยอกล้อนางเท่านั้น แต่หลังจากที่หานปิงเอ๋อได้ยินจบคำ ผลลัพธ์ของมันแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เพราะหลังจากที่เจ้าอ้วนได้ล้ำเส้นของหานปิงเอ๋อ เขาเลือกที่จะไม่หยิบกระเป๋ามิติของนางไว้ แม้แต่ผลไม้วิญญาณทั้งสี่ผลยังอยู่กับนางเช่นเดิม ซึ่งนี่ถือเป็นความภาคภูมิใจของเจ้าอ้วนอย่างมาก แต่ใครเล่าจะรู้ว่านี่คือความผิดพลาดของเขา!

ก่อนอื่นที่ต้องรู้คือยู่เฟิงเป็นผู้ฝึกตนบนเส้นทางอันชั่วร้ายอีกทั้งยังโหดเหี้ยม ถ้าหากว่าเขาข่มขืนหานปิงเอ๋อ มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างมากที่เขาปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไป อีกทั้งเขายังไม่สัมผัสกับสมบัติที่นางมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลไม้วิญญาณทั้งสี่ผล การกระทำเช่นนี้มันคือการกระทำของผู้ฝึกตนปีศาจงั้นหรือ? แม้ว่าผู้ฝึกตนที่เต็มไปด้วยความชอบธรรมอย่างเช่นหานปิงเอ๋อ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นแน่นอนว่านางจะต้องหยิบฉวยเอาผลไม้วิญญาณอย่างแน่นอน

หานปิงเอ๋อไม่ใช่คนบ้าแต่อย่างใด เหตุการณ์ก่อนหน้าที่เกิดขึ้นนั้นมาจากความโกรธของนาง นางเริ่มคิดได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเมื่อไม่กี่วันหลังจากนั้น ยู่เฟิงไม่สามารถกระทำการซื่อสัตย์เช่นนั้นได้อย่างแน่นอน

แม้ว่านางจะหายู่เฟิงพบในตอนนี้ นางจะไม่โจมตีเขาโดยทันที แต่ทว่านางต้องพูดคุยกับเขาก่อน แต่เมื่อนางได้ยินศิษย์ร่วมสำนักของอีกฝ่ายกล่าวออกมาเช่นนี้ ทุกอย่างราวกับว่ายู่เฟิงยอมรับแล้วว่าเขากระทำเช่นนั้นลงไปจริง หานปิงเอ๋อตั้งใจเรียบร้อยแล้วว่ายู่เฟิงคือบุคคลที่สมควรตาย เพราะการกระทำที่ต่ำช้าของเขาอีกทั้งยังป่าวประกาศให้บุคคลโดยรอบรับรู้อีกด้วย

ไม่ต้องบอกว่าสตรีผู้หนึ่งจะสามารถโกรธได้มากถึงเพียงใด ถ้าหากมีผู้ใดกล่าววาจาให้นางรู้สึกอับอาย ภูเขาไฟแห่งความโกรธเริ่มปะทุขึ้นภายในใจของนางอย่างต่อเนื่อง

แต่ในขณะนั้น เหล่าศิษย์คนอื่นเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มล้อเลียน “แม่นางหานปิงเอ๋อ นายน้อยยู่เฟิงไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้าท่านต้องการที่จะปรนเปรอความปรารถนาของท่าน ข้าก็ยิ่งดีอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือ! ไม่ต้องกังวล ทักษะของข้านั้นก็ไม่ด้อยนัก ข้าสัญญาว่าท่านจะตายตกไปอย่างมีความสุข!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเราก็สามารถทำได้เช่นกัน!” เหล่าศิษย์สำนักปีศาจคำรามออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ท้ายที่สุดนางกลับโดนผู้ฝึกตนเหล่านี้เหยียดหยาม หานปิงเอ๋อไม่อาจอดทนต่อไปได้อีก ดวงตาของนางแผ่จิตสังหารออกมาอย่างแรงกล้า นางเพียงขยับดาบเบา ๆ หลังจากที่ดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์เปลี่ยนเป็นสีเงินโปร่งแสงและหายวับไป ผู้ที่หยอกล้อนางกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งทันที พร้อมทั้งเกิดลมกระโชกแรงพัดมาทำให้รูปปั้นนั้นแตกออกกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว เขาหายไปเพียงพริบตาขณะเหลือทิ้งไว้เพียงรองเท้าเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าหานปิงเอ๋อสังหารพวกพ้อง ทุกคนตกใจทันที

“เหล่าพี่น้อง! มารวมตัวกันเพื่อฆ่านังแพศยาคนนี้!”

“นางคิดว่าสามารถที่จะต่อสู้กับพวกเราทั้งสามสิบคนได้เพียงเพราะมีสมบัติวิญญาณงั้นหรือ? ช่างโอหังเกินไปแล้ว!”