บทที่ 348 หนีจากก้นบึ้งของทะเลสาบ

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 348

หนีจากก้นบึ้งของทะเลสาบ

มู่หรงที่อยู่ก้นบึ้งของทะเลสาบกลั้นหายใจและเมื่อเห็นเสี่ยวฉิงที่กระโดดลงมาด้วยเหมือนกัน เธอก็รีบเข้าไปดึงตัว เสี่ยวฉิงและหายไปภายใต้ทะเลสาบทันที

สีหน้าของฟางเสี่ยวโหรวแวบรอยยิ้มบิดเบี้ยวและบ้าคลั่ง แม่นมหลิวรีบลุกขึ้นและดึงแขนเสื้อของฟางเสี่ยวโหรว

ฟางเสี่ยวโหรวกลับมาได้สติทันที หลังจากที่ได้เห็นทหารชุดดำกระโดดลงไปในน้ำ เธอก็ตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ช่วยด้วย ใครก็ได้ ช่วยที”

แม่นมหลิวเองก็รีบตามไปด้วย ไม่ว่าเธอจะกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ อย่างน้อยเธอก็ต้องตัดสินใจในทันที

และแน่นอนว่าหวังฉิงที่กำลังแข่งอยู่ในสนามหันหลังกลับมาทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียงตะโกน

เมื่อไม่เห็นร่างของมู่เทียน ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที

ในตอนนี้ ฟางเสี่ยวโหรวกัดริมฝีปากตัวเองและตัดสินใจกระโดดลงไปทันที เธอจะให้เรื่องนี้โยงมาถึงเธอไม่ได้

แม่นมหลิวร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก สีหน้าของนางซีดขาวอย่างแท้จริง

“องค์หญิง เร็วเข้า พวกเจ้ามัวยืนทำอะไรกันอยู่ละ?” แม่นมหลิวรีบบอกให้พวกสาวใช้ที่อยู่ข้างๆกระโดดลงไปช่วยชีวิตองค์หญิงด้วย ส่วนเธอเองก็รีบถอดชุดและโยนทิ้งไปข้างๆ

หลังจากที่ฟางเสี่ยวโหรวตกลงไปในทะเลสาบ เธอก็ยังมีอารมณ์ที่จะมองไปรอบๆอีก หลังจากที่ไม่เห็นร่างของมู่เทียน สายตาเธอก็แทบจะเก็บซ่อนความยินดีไว้ไม่ได้ เธอไม่คิดเลยว่าคำพูดของมู่เทียนจะเป็นเรื่องจริง

แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าเธอก็จะผลักนางอยู่ดี เพราะบางทีต่อให้เป็นเรื่องโกหกแต่นางก็อาจจะจมลงไปในทะเลสาบได้อยู่ดี

มู่เทียนเป็นภัยคุกคามต่อหัวใจของเธออย่างใหญ่หลวง ตราบใดที่นางยังมีชีวิตอยู่แม้จะแค่วันเดียวก็ตาม เธอก็คงไม่มีทางมีชีวิตที่มีความสุขได้แน่ๆ

น้ำค่อยๆไหลเข้าปากเธอและความรู้สึกหายใจไม่ออกก็เริ่มที่จะกระจายไปทั่ว ฟางเสี่ยวโหรวเริ่มที่จะตื่นตระหนก เธอยังไม่อยากจะตาย

แม่นมหลิวเห็นฟางเสี่ยวโหรวในน้ำและสายตาของเธอแวบประกายความสุข

เธอรีบว่ายตรงไปในทิศทางของฟางเสี่ยวโหรวทันที และพยายามพยุงฟางเสี่ยวโหรวให้ขึ้นมาที่ผิวน้ำ

ด้วยความกระหายที่อยากจะรอดชีวิต ฟางเสี่ยวโหรวเหยียบแม่นมหลิวเพื่อให้พ้นจากผิวน้ำของทะเลสาบด้วยความตื่นตระหนก

เมื่อทหารชุดดำเห็นฟางเสี่ยวโหรวก็รีบดึงเธอขึ้นมาบนเรือทันที

“แคกๆ!” ฟางเสี่ยวโหรวสำลักอย่างหนักเพราะเธอกินน้ำเข้าไปเยอะ

และแม่นมหลิวผู้ภักดีเพราะเธอถูกเหยียบโดยไม่ได้ตั้งใจจนจมลงไปที่ก้นทะเลสาบ เธอไม่มีโอกาสได้ร้องขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำ มีเพียงสายตาที่สิ้นหวังและไม่อยากจะเชื่อ

หลังจากที่ฟางเสี่ยวโหรวได้สติ เธอก็นึกถึงเรื่องแม่นมหลิวขึ้นมาได้ เธอรับลุกขึ้นทันที อ้าปากราวกับจะพูดอะไรแต่ก็ไม่มีเสียงและรีบปิดปากลงทันที

เรื่องนี้ต้องมีคนตายสักคน ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้ว งั้นปล่อยให้แม่นมหลิวตายไปน่าจะดีกว่า

เพื่อที่จะได้ไม่มีใครรู้ว่าเธอทำอะไรลงไปด้วย

สาวใช้ที่อยู่ข้างๆรีบเข้ามาช่วยฟางเสี่ยวโหรวเช็ดเนื้อเช็ดตัวทันทีพร้อมทั้งเอาผ้าคลุมมาช่วยบังให้เธอด้วยเพื่อกันสายตาจากทุกทิศทาง

ในตอนนี้สีหน้าของฟางเสี่ยวโหรวดูหมองๆทำให้สาวใช้ที่อยู่ข้างๆยิ่งระวังตัวมากขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ก็ไม่มีใครเตือนองค์หญิงว่าแม่นมหลิวเองก็ตกลงไปในน้ำด้วยเช่นกัน

นี่เป็นทักษะการเอาตัวรอดที่พวกนางเรียนรู้มานานแล้ว พวกนางจะมีอายุยืนมากกว่าถ้าถามให้น้อย มองเห็นให้น้อยและรู้ให้น้อย

หวังฉิงยังค้นหามู่เทียนอยู่ในน้ำตั้งแต่ที่เขาได้ยินว่าเธอตกลงไปในน้ำ

ฟางเสี่ยวโหรวกะเวลาและคาดว่าแม่นมหลิวไม่น่าที่จะรอดได้ ทันใดนั้นสีหน้าเธอก็ดูซีดเผือดพร้อมทั้งถามออกมาเสียงสั่น “แม่นมหลิวอยู่ไหน? แม่นมหลิวหายไปไหน?”

“ท่านหญิง แม่นมหลิวกระโดดลงไปในแม่น้ำค่ะ” สาวใช้ทีอยู่ข้างๆตอบกลับมาพร้อมลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้นตัวสั่นเทิ้ม

ทำไมต้องถามเธอด้วยนะ เธอยังไม่อยากจะตายนะ! สาวใช้ก้มหัวลง สีหน้าขาวซีด ดวงตาแดงระเรื่อ

“แล้วทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ละ? เร็วเข้า พวกเจ้ารีบลงไปแม่นมหลิวขึ้นมาที” ความกระหายในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวลอย่างที่สุดที่เกิดขึ้นระหว่างสาวใช้กับนายหญิง

ทหารสองสามคนเมื่อได้ยินก็รีบกระโดดลงไปในน้ำทันที

หวังฉิงไม่สนใจว่าคนอื่นจะทำอะไร เขามองลงไปในน้ำด้วยสายตากังวล ไม่ยอมพลาดแม้สักจุด มันจะเป็นไปได้ยังไง? ไม่มีทาง เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอก เขาอยากที่จะเชื่อว่ามู่เทียนกำลังเล่นซ่อนหากับเขาอยู่มากกว่า

ความเจ็บปวดในหัวใจเขายิ่งแย่มากขึ้นไปอีก ไม่ ไม่มีทาง เขาไม่ยอมรับความเป็นไปได้เรื่องการหายตัวไปของเธอหรอก

นี่มันก็ดึกมากแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เห็นร่องรอยชุดสีขาวของเธอเลย

ตอนที่แม่นมหลิวถูกช่วยขึ้นมา ดวงตาของเธอเบิกกว้าง สายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ยังผสมไปด้วยร่องรอยของความไม่พอใจ สายตาของร่างไร้วิญญาณจ้องไปในทิศทางของฟางเสี่ยวโหรว

“ว้าย” ฟางเสี่ยวโหรวที่ดูเหมือนจะปวดหัวใจกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว

สาวใช้ที่อยู่ข้างเธอเองก็ตกใจไม่ต่างกันแต่เธอก็พยายามเก็บกดความกลัวไว้เพราะต้องคอยรับใช้อยู่ข้างๆ เสี่ยวโหรว

“เจ้า…เข้าไปดูสิว่านางเป็นไงบ้าง? เร็วเข้าสิ…” ฟางเสี่ยวโหรวผลักสาวใช้ที่อยู่ข้างๆพร้อมทั้งพูดออกมาเสียงสั่นแต่ร่างกายของเธอเองกลับเดินถอยหลังไปหลายก้าว

สายตาของแม่นมหลิวยังติดตรึงอยู่ในหัวใจเธอและสีหน้าของเธอก็ซีดขึ้นไปอีกด้วยความกลัวที่พุ่งขึ้นมา

สาวใช้ที่ถูกผลักออกไปรู้สึกอยากจะตายมากกว่า เธอเองก็กลัวไม่ต่างกัน โชคร้ายที่ในฐานะสาวใช้ ทำให้เธอไม่มีสิทธิที่จะกลัว

สาวใช้ค่อยๆวางนิ้วที่สั่นเทิ้มไปที่จมูกของแม่นมหลิว ไม่มีร่องรอยของลมอุ่นๆออกมาเลย เธอรีบดึงนิ้วกลับมา “ท่านหญิง แม่นมหลิวตายแล้วเจ้าค่ะ”

ฟางเสี่ยวโหรวที่ตรงกันข้ามกลับสงบนิ่ง ช่างเป็นการตายที่น่าเศร้าจริงๆ

เธอแกล้งทำเป็นสงบและสั่งให้ทหารชุดดำฝังศพแม่นมหลิวพร้อมทั้งตั้งป้ายหลุมศพให้นางด้วยซึ่งปกติแล้วสาวใช้จะไม่มีคุณสมบัติที่จะมีป้ายหลุมศพ

หลังจากที่ทหารยกศพแม่นมหลิวออกไปแล้ว สติของฟางเสี่ยวโหรวก็ค่อยๆกลับมาอย่างช้าๆ

อย่างไรก็ตามองค์ราชายังตามหาผู้หญิงในทะเลสาบอยู่ ซึ่งเวลาผ่านไปนานมากแล้วแต่ทหารชุดดำก็ยังหากันไม่เจอ

ฟางเสี่ยวโหรวรู้สึกโล่งอก เพราะต่อให้หาเจอ มันก็เป็นไปไม่ได้เลยก็จะยังมีชีวิต เธอไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว

นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่มู่เทียนจะได้เพลิดเพลินกับความอ่อนโยนขององค์ชาย

ถ้าไม่ใช่เพราะเวลาไม่เหมาะ ฟางเสี่ยวโหรวก็อยากจะหัวเราะออกมาเสียงดังเพื่อระบายความพอใจของตัวเองไปแล้ว

ชั่วโมงผ่านไป

หวังฉิงกับเหล่าทหารชุดดำก็ขึ้นมาจากน้ำ แต่ใบหน้าที่หล่อเหลากลับดูน่ากลัวขั้นมา สายตาที่มองมาที่ฟางเสี่ยวโหรวดูดุดัน โหดเหี้ยม ทำให้ฟางเสี่ยวโหรวอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

ความคิดร้ายๆแวบเข้ามาในหัวของเธอ ดูเหมือนเธอจะคิดอะไรง่ายเกินไปจนลืมไปว่ามู่เทียนมีความสำคัญกับองค์ชายแค่ไหนและเธอก็ประเมินอารมณ์เขาต่ำเกินไปด้วย

“กันทุกคนออกไปจากทะเลสาบให้หมด ค้นหาให้ทั่วทุกซอกทุกมุม หาให้เจอไม่ว่าจะเป็นหรือ…” เขาพูดคำที่เหลือไม่ออก

มู่เทียนคนที่เพิ่งจะยิ้มให้เขาคืนนี้จะตายได้ยังไง? เขาไม่เชื่อหรอก

ไม่ว่าจะมีเสียงบ่นมากแค่ไหน ไม่สำคัญว่างานเทศกาลโคมไฟจะเป็นยังไง แต่เมื่อเป็นคำสั่งของหวังฉิง พวกทหารก็รีบกันคนออกจากทะเลสาบทันที พร้อมทั้งขยายกำลังขอบเขตการค้นหาในทะเลสาบออกไปอีก แม้แต่ตามซอกหินที่ก้นทะเลสาบก็ไม่เว้น

“ไปปิดกั้นประตูด้วย” หวังฉิงคิดถึงเรื่องนี้และออกคำสั่งเพิ่มไปอีก

มู่เทียนเป็นคนฉลาดมาก ราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ เขาไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะตาย

ฟางเสี่ยวโหรวยังยืนอยู่พร้อมทั้งทหารขององค์ราชาที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ข้างๆอย่างเชื่อฟังแต่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆด้วยซ้ำ

ทันใดนั้นหวังฉิงก็หันมามองฟางเสี่ยวโหรวด้วยสายตามุ่งร้ายอย่างเก็บซ่อนไว้ไม่อยู่

เขาจะไม่ปล่อยใครหน้าไหนก็ตามที่กล้าทำร้ายเธอไปเด็ดขาด

ฟางเสี่ยวโหรวแทบจะอดไม่ได้อยากจะลงไปคุกเข่าร้องขอความเมตตา แต่สติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดทำให้เธอต้องกัดปากตัวเองไว้ เธอจะคุกเข่าลงตอนนี้ไม่ได้ ถ้าเธอคุกเข่าตอนนี้ เธอจะไม่มีโอกาสให้หันหลังกลับแล้ว

ถ้าเป็นแบบนั้นเธอจะต้องกัดฟันและลืมทุกอย่างเกี่ยวกับแม่นมหลิว อีกอย่างแม่นมหลิวต่างหากที่เป็นคนเริ่มเรื่อง จริงไหม?!

เธอก็แค่บังเอิญเหยียบไปที่แม่นมหลิวแต่จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ไม่มีใครสังเกตเห็นหรอก

ฟางเสี่ยวโหรวพยายามปลอบใจตัวเองซ้ำไปซ้ำมาเพื่อที่จะเผชิญกับสายตาสงสัยขององค์ราชาได้โดยที่ไม่สั่น

หวังฉิงไม่ได้มีเจตนาที่จะเล่นงานฟางเสี่ยวโหรว

เขากำลังคิดเรื่องที่จะจัดการยังไงถ้าทั้งหมดนี้เป็นแผนการหนีของมู่เทียนมากกว่า

วินาทีต่อมา เขาก็หยิบกระดาษกับปากกาออกมาวาดรูปหน้าของมู่เทียนทั้งผู้หญิงและผู้ชาย, เสี่ยวไป๋, เฟิงจื่อหลิงและเสี่ยวฉิง

“เอารูปพวกนี้ไปและเอาให้ทหารที่หน้าประตูเมือง ถ้าพวกเจ้าเจอคนพวกนี้ รีบมารายงานข้าทันที พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ทำอันตรายคนพวกนี้เด็ดขาด”

“รับทราบ” ทหารชุดดำตอบรับอย่างเคารพพร้อมทั้งรับภาพวาดในมือหวังฉิงไปและรีบหายไปท่ามกลางความมืดทันที

ในตอนแรกหวังฉิงก็เริ่มที่จะเชื่อเรื่องตำนานของ มู่หรงเสวี่ยอยู่หรอก แต่หลังจากที่ได้รู้ว่าเสี่ยวฉิงเองก็หายไปด้วย ความเชื่อนั้นของเขาก็กลายเป็นศูนย์ในทันที

นี่แค่เพราะเธออยากจะหนีไปจากเขาแค่นั้นเหรอ?! ข้ามศพเขาไปก่อนเถอะ!

ฟางเสี่ยวโหรวมององค์ชายที่ออกคำสั่งอยู่ตลอด แต่นั่นมันหมายความว่าไงกัน?! ทำไมองค์ชายถึงต้องเอารูปวาดของ มู่เทียนให้ทหารที่เฝ้าประตู มู่เทียนยังไม่ตายงั้นเหรอ?!

มันจะเป็นไปได้ยังไง?! นี่เธอถึงขนาดยอมเสียสละชีวิตของแม่นมหลิวไปเลยนะ ฟางเสี่ยวโหรวกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อสดๆ หลังจากนั้นสักพักเธอก็มองเลือดสีแดงสดกระจายออกมาด้วยความสนใจ

เพียงแค่ว่าไม่ได้นึกถึงเรื่องความเจ็บปวดเลยสักนิด ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว ความเกลียดที่รุนแรง ความกังวล และความกลัวรวมเข้าด้วยกันจนทำให้ฟางเสี่ยวโหรวถึงกับเป็นลมไปในทันที

หวังฉิงมองไปที่ฟางเสี่ยวโหรวที่สาวใช้กำลังพยุงอยู่ด้วยสายตาเย็นชา นี่เป็นครั้งแรกที่แม้แต่ร่องรอยของความสงสารแม้สักนิดก็ยังไม่มีหลงเหลือในสายตาของเขา

“พาองค์หญิงกลับไปที่วัง” หวังฉิงพูดอย่างเย็นชา

เขาอดที่จะคิดไม่ได้ว่าถ้าไม่มีฟางเสี่ยวโหรว เธอก็คงจะยอมรับเขามากกว่านี้

ในตอนนี้มู่หรงและเสี่ยวฉิงเปลี่ยนเป็นชุดที่สะอาดเรียบร้อยแล้ว ในตอนแรกเสี่ยวฉิงตื่นตระหนกกับสถานที่แปลกๆนี้อย่างมากแต่ไม่นานเธอก็เริ่มที่จะยอมรับได้

มู่หรงเสวี่ยแนะนำเฟิงจือหลิงและคนอื่นๆให้เสี่ยวฉิงได้รู้จัก และตั้งแต่นั้นเธอก็จะพาเสี่ยวฉิงไปฝึกตนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้วย

หลายพันปีต่อมา เสี่ยวฉิงก็ยังคงอยู่ข้างกายมู่หรงเสวี่ยโดยไม่ยอมแต่งงานไปไหนและกลายเป็นหนึ่งในเพื่อนและผู้ช่วยที่มู่หรงเสวี่ยไว้ใจที่สุดไปแล้ว

มู่หรงรู้สึกประทับใจที่ได้เห็นฟางเสี่ยวโหรวเตะแม่นมหลิวลงไปอยู่ก้นทะเลสาบอย่างมากแต่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา โหดร้ายจริงๆเลย!

เรื่องชั่วร้ายทั้งหมดที่ผู้หญิงคนนี้ทำก็เพื่อผู้ชายคนเดียว แม้แต่ฆ่าคนของตัวเองก็ยอมที่จะทำ มู่หรงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเลยจริงๆ แต่เธอเองก็เชื่อว่าหวังฉิงเห็นธาตุแท้ทั้งหมดของนางแล้ว องค์ชายแบบผู้ชายคนนี้ ถ้าเกิดว่าไม่มีหลินหยางบางทีเขาก็อาจจะชนะและได้เป็นจ้าวผู้ครองบัลลังก์สูงสุดได้