บทที่ 347 แผนการหนี

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 347

แผนการหนี

“มีการแข่งขันโคมไฟใช่ไหม?! อยู่ที่ไหนเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม

หวังฉิงดึงสายตากลับมาจากฟางเสี่ยวโหรว ก้มหัวลงและพูดออกมาอย่างอ่อนโยน “การแข่งขันโคมไฟอยู่ตรงด้านบนของทะเลสาบหลงเสน่ห์

“ทะเลสาบงั้นเหรอ? แต่ข้ากลัวน้ำนะ” มู่หรงเสวี่ยดูเหมือนจะอึดอัดใจอยู่นิดหน่อย

“งั้นเราก็ไม่ต้องไป เราก็สนุกกันอยู่ตรงนี้ก็ได้” หวังฉิงพูดออกมา

“แต่ข้าก็อยากที่จะดูนิ” หลังจากที่เงียบไป มู่หรงก็มองไปที่ฟางเสี่ยวโหรวที่กำลังเดินเข้ามาใกล้และพูดออกมาต่อ “รู้ไหม ถ้าข้าตกลงไปในทะเลสาบ ข้าก็จะหายตัวไปตลอดกาลเลยนะ”

แน่นอนว่าหลังจากที่ได้ยินประโยคนี้ ร่างกายของ ฟางเสี่ยวโหรวก็อยู่นิ่งไปชั่วขณะ สายตาของเธอแวบประกายเล็กน้อยและรู้ได้ในทันทีว่าเธอกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่

มู่หรงเสวี่ยแสยะยิ้มในหัวใจ

สีหน้าของหวังฉิงเปลี่ยนไปทันที “อย่าพูดจาไร้สาระสิ มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ?”

“ข้าไม่ได้พูดไร้สาระนะ ข้าพูดจริงๆ พวกเราต่างก็มีจุดอ่อนนะ เราจะตกลงไปในทะเลสาบไม่ได้” มู่หรงแกล้งทำเป็นผ่อนคลาย

“งั้นก็ไม่ต้องไป และเจ้าก็จะไม่ได้ไปที่นั่นอีก” สายตาของหวังฉิงแวบประกาย ถึงแม้เขาจะไม่เชื่อเรื่องอะไรแบบนี้ แต่มันก็คงจะดีกว่าถ้ากันไม่ให้เธอเข้าไปใกล้ทะเลสาบเผื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

มู่หรงขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยพอใจ “ข้าอยากจะไปนิ อยู่ในแต่วังน่าเบื่อจะตาย แล้วปกติเจ้าก็ไม่ค่อยออกมากับข้าด้วยจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่ข้าจะได้ออกมาแบบนี้ แล้วเจ้าจะไม่ให้ข้าได้สนุกหน่อยเลยเหรอ อีกอย่างเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยนิใช่ไหม?”

ถ้าได้ไป แผนการของเธอก็จะเริ่มที่ทะเลสาบนี่แหละ

หวังฉิงลังเลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายเขาก็ต้องพยักหน้าตกลง เขาคิดว่าตัวเองคงจะไม่มีวันปฏิเสธสายตาที่คาดหวังแบบนี้ของเธอได้แน่ๆ ใช่แล้ว อย่างดีที่สุดคือเขาต้องคอยจับตาดูเธอไว้ให้ดี

อีกอย่างที่นี่ก็มีทหารชุดดำอีกมากคอยเฝ้าอยู่ด้วย ดังนั้นไม่น่าที่จะมีเรื่องผิดพลาดอะไร

“เยี่ยมเลย ไปกันเถอะ” มู่หรงแทบจะรอไม่ไหวที่จะได้ไปที่ทะเลสาบ

“ช้าๆหน่อย ไม่ต้องรีบหรอก” เธอท่าทางราวกับเด็กเลย

ฟางเสี่ยวโหรวกำหมดแน่นและมองไปที่คนทั้งสองแล้วจึงหันกลับมามองที่แม่นมหลิวที่อยู่ข้างหลังเธอ แค่เพียงแวบเดียวที่มองก็เพียงพอสำหรับเจ้านายและสาวใช้ที่อยู่ด้วยกันมานานหลายปีแล้ว

หวังฉิงมีเรือลำใหญ่และก่อนที่พวกเธอจะมาถึง ก็มีคนจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

“เป็นเรือที่สวยมากเลย” ในโลกสมัยใหม่มู่หรงเสวี่ยก็เคยล่องเรือยอชต์มาบ้าง แต่ก็ยังอดที่จะตื่นตาตื่นใจไปกับสีสันของเรือลำนี้ไม่ได้ กระจกที่ตกแต่งอยู่ที่เรือสะท้อนแสงอ่อนๆซึ่งยิ่งทำให้ดูสวยอย่างมาก

“ถ้าเจ้าชอบนะ” รอยยิ้มในสายตาของหวังฉิงยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นไปอีก สายตาที่เขามองมาที่มู่หรงดูลึกซึ้งจนแทบจะจมลงไปในดวงตาสีเข้มของเธอแล้ว

“ข้าไม่อยากได้หรอก ข้าแค่ชอบมันเฉยๆ ฮ่าฮ่า รีบไปกันเร็ว”

“เดี๋ยวก่อน ข้าช่วยเอง”หวังฉิงยื่นมือให้มู่หรงอย่างระวัง พร้อมทั้งจับไปที่เอวของเธอเพื่อจะอุ้มเธอขึ้นมาที่เรือ

“อ่า” มู่หรงที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงร้องอุทานออกมา และ ฟางเสี่ยวโหรวที่ตามเธอมาก็อดที่จะรู้สึกได้ถึงสายตาแปลกๆของคนอื่นไปด้วย

เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ใช่สนมเพียงหนึ่งเดียวขององค์ชายแล้ว แต่เป็นสนมที่ถูกลืมต่างหาก เธอทนให้คนอื่นมารู้สึกสงสารไม่ได้

มู่เทียน เจ้าจะต้องจมลงไปตายที่ก้นทะเลสาบ

“ท่านหญิงเจ้าคะ” แม่นมหลิวเรียกสติของเสี่ยวโหรวที่ตอนนี้ยืนกัดฟันแน่นอยู่ ฟางเสี่ยวโหรวสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วจึงกลับมามีสีหน้าอ่อนโยนอีกครั้ง

“มาเถอะเจ้าค่ะท่านหญิง ข้าจะช่วยพยุงท่านเอง” แม่นมหลิวที่ยืนอยู่ข้างๆเรือพูดออกมากับเสี่ยวโหรว

สายตาของฟางเสี่ยวโหรวมองตรงไปที่คนทั้งสองที่กำลังยืนอยู่ในเรือ น่าเศร้าที่หวังฉิงกำลังก้มหัวลงไปหามู่หรงเสวี่ยเพื่ออธิบายเรื่องกฎของการแข่งขันโคมไฟอยู่ เขาลืมไปเลยว่ายังมีผู้หญิงอีกคนที่รอเขาอยู่

สายตาของฟางเสี่ยวโหรวแวบประกายอ้างว้าง ที่หางตาของเธอริบหรี่อยู่เงียบๆคนเดียวจนทำให้แม่นมหลิวรู้สึกหดหู่อย่างมาก

ฟางเสี่ยวโหรววางมือตัวเองลงในมือของแม่นมหลิวและก้าวลงไปในเรืออย่างระวัง

แต่จะทำอะไรได้ ชายคนนี้คือคนที่เธอรักและต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เธอก็พร้อมที่จะใช้ชีวิตและตายไปพร้อมๆกับเขา

“องค์ชาย” ฟางเสี่ยวโหรวเดินเข้ามาและร้องเรียกอย่างอ่อนโยน

“อือ” หวังฉิงตอบรับเสียงเรียบ

ถึงแม้เขาไม่อยากที่จะต่อต้านเธอมากเท่าไรนักแต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ชอบอยู่ดี อีกอย่างการที่ให้ผู้ชายคนนั้นมาทำเรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่โหดเหี้ยมอย่างมาก นี่สามารถทำลายชื่อเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งได้เลย

เขานึกภาพผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าว่าเป็นคนที่โหดร้ายแบบนั้นไม่ออกเลย

สิ่งที่หวังฉิงไม่เข้าใจเลยคือหัวใจของผู้หญิง ถ้าเขาปฏิบัติกับทุกคนเหมือนที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ ฟางเสี่ยวโหรวก็คงไม่ทำเรื่องแบบนั้นลงไปหรอก เขาช่างใจดีกับมู่เทียนเหลือเกิน

เรื่องนี้ทำให้ฟางเสี่ยวโหรวรู้สึกอิจฉาและตื่นตระหนก

“ตรงนี้ลมแรงมากเลย เข้าไปนั่งข้างในกันเถอะ” หวังฉิงพูดอย่างอ่อนโยน

เรือลำสวยค่อยๆล่องไปตามทะเลสาบ การแข่งขันโคมไฟอยู่กลางทะเลสาบที่คึกคัก ในตอนนี้มีเรือมากมายที่ต่างก็ล่องมาที่นี่ด้วย ดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก

“ไม่เอาหรอก ข้างนอกดูสนุกนะ ข้างในน่าเบื่อจะตาย” เธอจะเข้าไปข้างในได้ยังไงล่ะ? นี่เป็นหัวใจของแผนเธอเลยนะ

อันที่จริงบนเรือก็มีรั้วกั้นด้วยซึ่งสูงประมาณต้นขา ถึงแม้จะไม่สูงเท่าไรแต่ถ้าไม่ได้ตั้งใจก็คงจะไม่ตกไปได้ง่ายๆ

“เจ้าน่าจะเข้าไปข้างในก่อนนะแล้วค่อยออกมาอีกทีก็ได้” มู่เทียนที่กำลังยืนอยู่ที่รั้วกั้นข้างๆเรือพร้อมด้วยสายตาที่มองมาอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไร

หวังฉิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกจึงยื่นมือออกไปจับมือมู่หรงเสวี่ยไว้ทันที มู่หรงไม่เข้าใจน้ำเสียงและท่าทางของเขาจึงถามออกไป “มีอะไรเหรอ?”

“เปล่าหรอก” หวังฉิงส่ายหัวเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ในหัวใจ เขาจะไม่แสดงออกมาเพื่อเผยให้เห็นถึงด้านที่อ่อนแอของเขาหรอก

ฟางเสี่ยวโหรวจ้องไปที่เหตุการณ์ตรงหน้าทั้งหมดอย่างหยาบคายแล้วจึงเผยรอยยิ้มแสยะออกมา

“พวกเจ้าไปยกโต๊ะน้ำชาออกมาข้างนอกนี่ที” ฟางเสี่ยวโหรวสั่ง

ไม่นานโต๊ะน้ำชาก็ถูกย้ายออกมาข้างนอกและวางลงที่ดาดฟ้าของเรือ

“เร็วเข้า มานั่งคุยกันตรงนี้เถอะ” หวังฉิงพูดเสียงเรียบ

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า

ฟางเสี่ยวโหรวชงชาอย่างตั้งใจและมุ่งมั่นอย่างที่สุด เธอจำได้ว่าองค์ชายชอบดื่มชาอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงไปเรียน การชงชามาเพื่อที่จะเอาทักษะที่เรียนมาชงชาให้เขาได้ชิมสักวันแล้วถ้าได้รับคำชมจากองค์ชาย เธอก็คงจะมีความสุขอย่างมาก

“ชานี่รสชาติดีมากเลย เจ้าอยากจะลองหน่อยไหม?” หลังจากที่ดื่มเข้าไปแล้ว หวังฉิงก็หยิบถ้วยชาและส่งให้ มู่หรงเสวี่ย

แม่นมหลิวมองไปที่ฟางเสี่ยวโหรวอย่างเป็นห่วง ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนเห็นผู้ชายที่รักไปทำดีกับผู้หญิงคนอื่นได้หรอก

เสี่ยวฉิงที่ยืนอยู่ข้างหลังมู่หรงเสวี่ยเองก็เป็นกังวลและไม่มีจังหวะให้เธอได้เข้ามาแทรกเลย

หวังฉิงอยู่กับมู่หรงตลอดตั้งแต่มาถึงแล้ว ทำให้สาวใช้คนนี้ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองเลย

ทำไมท่านหญิงยังสบายใจได้อยู่อีกนะ?!

ถ้าไม่ใช่เพราะมีองค์ชายและคนอื่นๆอยู่ด้วยนะ เสี่ยวฉิงก็อยากที่จะเดินเข้าไปถามท่านหญิงเลยว่านางอยากจะทำอะไรกันแน่ ท่านหญิงไม่ได้บอกแผนการกับเธอตรงๆ นางเพียงแค่บอกว่าจะหนีไปวันนี้

มู่หรงเสวี่ยเองก็คิดเรื่องของเสี่ยวฉิงไว้แล้วเหมือนกัน ถ้าเธอบอกนางไป เธอก็คงจะเผยท่าทีออกมาเพราะความกังวลแน่ๆ

เรือลำเล็กๆต่างก็จำได้ว่านี่เป็นเรือขององค์ชาย ดังนั้นพวกเขาจึงหลีกทางให้เรือของหวังฉิงตรงเข้าไปถึงจุดกึ่งกลางของการแข่งขัน “หวังฉิง ข้าชอบโคมไฟอันที่สูงที่สุดนั้นจัง เจ้าช่วยเอามาให้ข้าทีได้ไหม?” มู่หรงเสวี่ยพูด พร้อมทั้งชี้ไปที่โคมไฟที่อยู่ด้านบนเวทีการแข่งขัน โคมไฟอันที่สูงที่สุด ใช่แล้วว่าต้องชนะรางวัลที่หนึ่งถึงจะได้มา ซึ่งโคมไฟนี่เป็นของช่างฝีมือชื่อดัง

ขนาดมองจากไกลๆก็ยังเห็นได้เลยว่าเป็นงานที่ใช้ฝีมืออย่างประณีตมาก

“ข้าจะให้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ” งั้นอย่าคิดเรื่องที่จะหนีไปเลย หวังฉิงพูดอย่างอ่อนโยน

มู่หรงดูเหมือนจะรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยจนต้องหลบสายตาเขา ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วยนะ?!

ในโลกนี้มีผู้หญิงที่ดีกว่าเธอตั้งมากมาย ตัวอย่างเช่นฟางเสี่ยวโหรวที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามเธอนี่ไง นางเป็นภรรยาดีๆที่หาได้ยากจริงๆจากมุมมองของมู่หรงเสวี่ย อย่างน้อยนางก็รักเขา

หวังฉิงจิบน้ำชา เขาไม่รีบร้อนเลย เขามีเวลาทั้งชีวิตเพื่อที่จะทำให้เธอตกหลุมรัก อย่างน้อยช่วงที่ผ่านมา ท่าทางของมู่หรงเสวี่ยที่มีต่อเขาก็ดูเหมือนจะดีขึ้นมาก งั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรีบเร่งอะไร

ฟางเสี่ยวโหรวกัดริมฝีปาก ไม่กล้าที่จะขออย่างเดียวกันกับมู่เทียน เธอไม่อยากที่จะทำลายความคิดสุดท้ายในหัวใจของตัวเอง

ตราบใดที่เธอไม่ถาม เธอก็ยังสามารถที่จะหลอกตัวเองได้ซึ่งคำขอของมู่เทียนเป็นอะไรที่ไร้มารยาทอย่างมากแต่องค์ชายก็ยอมนาง และเขาก็จะได้ไม่ต้องเลือกระหว่างเธอกับมู่เทียนด้วย

เมื่อพวกเธอเข้าใกล้กึ่งกลางเวทีการแข่งขัน หวังฉิงก็ลุกขึ้นและกระซิบกับมู่หรงเสวี่ย “รอข้าอยู่นี่นะ ข้าจะไปเอาโคมไฟกลับมาให้เจ้า”

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เข้าร่วมการแข่งขัน อย่างน้อยก็ต้องได้รับจดหมายเชิญ และจดหมายเชิญนี่ก็ถูกส่งให้เหล่าคนที่มีชื่อเสียงเมื่อสองวันก่อน หวังฉิงก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

พื้นที่เวทีการแข่งขันค่อนข้างที่จะสวยมาก เสาสีแดงถูกแกะสลักเป็นรูปมังกรและนกฟีนิกซ์ที่กำลังบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

ที่แผ่นโลหะสีทองและดำมีตัวอักษรขนาดใหญ่สามคำเขียนไว้: มักรกำลังบินและฟินิกซ์กำลังเต้นรำ

โคมไฟสีสันมากมายถูกแขวนไว้บนศาลาทำให้ผู้คนที่แข่งขันรู้สึกสับสนได้ เธอคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

หวังฉิงก้าวขึ้นไปบนเวทีการแข่งขันด้วยทักษะตัวเบาแล้วกระโจนเข้าไป ใบหน้าที่หล่อเหลาและรูปร่างที่ปราดเปรียวสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่าคนดูสาวๆได้ไม่น้อย ซึ่งท่าทางของหวังฉิงทำให้เกิดเสียงกรีดร้องได้มากมาย

“โอ้ สวรรค์ นั่นองค์ชายนิ”

“ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหมเนี่ย”

“องค์ชายมาร่วมสนุกกับงานเทศกาลโคมไฟด้วย”

ฟางเสี่ยวโหรวเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ คนนี้คือสามีของเธอเอง

มู่หรงทำท่าลุกขึ้นและไปยืนพิงที่ราวกั้นด้านข้างของเรือราวกับไม่ได้ตั้งใจ เธอโบกมือให้หวังฉิงที่หันกลับมามอง

แน่นอนว่าหวังฉิงรีบเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาทันทีเรียกเสียงกรีดร้องได้อีกมากมาย

เมื่อมองไปข้างหลังของมู่หรงก็มีสายตาโหดเหี้ยมของฟางเสี่ยวโหรวจ้องตรงมา นิ้วมือกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่นจนยับไปหมด

ฟางเสี่ยวโหรวลุกขึ้นและเดินเข้าไปหามู่หรงช้าๆและ มู่หรงเองก็ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวอะไรเลย

แม่นมหลิวดูแลฟางเสี่ยวโหรวมาตั้งแต่นางยังเด็ก แล้วแบบนี้เธอจะไม่ไม่รู้ได้ยังไงว่านางกำลังคิดอะไรอยู่?!

“นายหญิง ระวังด้วยเจ้าค่ะ” ท่าทางของแม่นมหลิวที่ทำราวกับว่าสะดุดอย่างไม่ได้ตั้งใจพร้อมทั้งล้มลงไปชนมู่หรงที่กำลังยืนอยู่ข้างราวกั้นพอดี

“ตุบ!” มู่หรงถูกผลักตกลงไปในทะเลสาบทันที

“อ่า ท่านหญิง ช่วยด้วย” คนแรกที่ร้องออกมาคือเสี่ยวฉิง

หลังจากที่ร้องตะโกนออกมา เธอก็ไม่สนใจเลยว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นแต่กลับรีบกระโดดลงไปในทะเลสาบทันทีเพื่อหวังจะช่วยท่านหญิง