บทที่ 346
ฟางเสี่ยวโหรวลงมืออีกครั้ง
“หวังฉิง ออกไปเล่นข้างนอกกันเถอะ อยู่ในรถแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร?” มู่หรงพูดพร้อมรอยยิ้ม และเป็นอีกครั้งที่มู่หรงไม่ได้บังเอิญหันไปเห็นรอยยิ้มดูถูกของฟางเสี่ยวโหรว
“ตกลง ลงไปจากรถกันเถอะ หวังฉิงมองไปที่มู่หรงเสวี่ยแล้วจึงยกม่านขึ้นเพื่อบอกคนขับรถด้านนอก “หยุดรถ”
หวังฉิงลงรถนำไปก่อน เขาหันกลับมายื่นมือให้ มู่หรงเสวี่ยจับเพื่อลงจากรถ ฟางเสี่ยวโหรวรีบวางมือตัวเองลงไปในมือของหวังฉิงพร้อมด้วยรอยยิ้มเขินอายเล็กน้อย
มู่หรงไม่สนใจภาพที่อยู่ตรงหน้าและกระโดดลงจากรถเองทันที จริงๆก็ไม่ได้สูงอะไรอยู่แล้ว
หวังฉิงรีบพูดออกไปเสียงสูงอย่างช่วยไม่ได้ว่าให้ระวังจะบาดเจ็บด้วย
มู่หรงหัวเราะแลบลิ้นออกมาเล็กน้อยแล้ววิ่งออกไปทันที “โคมไฟเยอะมากเลย”
หวังฉิงบอกให้ทหารชุดดำรีบตามเธอไป
ต่อมาเขาเองก็จับมือฟางเสี่ยวโหรวและเดินตามไป
มู่หวงดึงเสี่ยวฉิงเพื่อให้รีบไปดูสิ่งที่เธอสนใจ
หวังฉิงก็เป็นคนดีนะ แต่ชีวิตแบบนี้มันไม่เหมาะกับเธอ เมื่อเธอนึกถึงชีวิตที่แล้ว เธอก็ยังรู้สึกเจ็บทุกครั้งเมื่อเห็นฟางฉีหัวหันไปมองผู้หญิงคนอื่น แล้วเธอจะทนกับชีวิตของการมีเมียสามคนกับสนมอีกสี่ได้ยังไง
ทุกวันต้องรออย่างไร้จุดหมายไม่รู้ว่าวันนี้สามีตัวเองจะไปเข้าห้องไหน เรื่องแบบนั้นเธอทำใจไม่ได้หรอก
“นายหญิงเป็นอะไรเจ้าคะ?” เสี่ยวฉิงดึงแขนเสื้อของ มู่หรง
มู่หรงได้สติกลับมา “มีอะไรเหรอ?” เด็กสาวนี่เริ่มที่จะกล้ามากขึ้นทุกวันและเธอเองก็มีความสุขกับการเปลี่ยนแปลงนี้มากด้วย ไม่เสียแรงที่เธออุตส่าห์เล่าเรื่องยุคสมัยใหม่ให้นางฟังตั้งเยอะ
เสี่ยวฉิงเองก็เริ่มที่จะตื่นเต้นที่ตัวเองไม่รู้สึกกังวลอะไรเลยสักนิด
“ไม่ต้องห่วงหรอก มาสนุกกันก่อนเถอะ” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างคนที่ชื่นชอบโคมไฟ เสน่ห์ของรอยยิ้มและท่าทางไปเข้าตาของใครหลายๆคนซึ่งทำให้หัวใจของคนที่ได้เห็นกลับสงบได้อย่างน่าประหลาด
“ยังจะเล่นได้อีกเหรอเนี่ย?!” เสี่ยวฉิงอดไม่ได้ที่จะเขย่าต่อท่านหญิงขี้เล่นของเธอ
ที่ปลายหางตาของเธอเห็นว่าองค์ชายกำลังเดินมาและเสี่ยวฉิงจึงรีบเปลี่ยนท่าทีกลับมาเป็นเคารพอ่อนน้อมเหมือนเดิม
“สวยไหม?” มู่หรงเสวี่ยยกโคมไฟน่ารักทีรูปร่างเหมือนกระต่ายขึ้นมา
รอยยิ้มบนใบหน้าที่ราวกับดอกไม้บานจนหวังฉิงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาแล้วหยิกไปที่แก้มชมพูระเรื่อของเธอ
มู่หรงตีไปที่มือของเขาอย่างไม่พอใจ “เจ็บนะ”
หวังฉิงมองไปที่รอยแดงบนหน้าของเธอแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างอ่อนโยน เขามองไปที่สายตาแดงระเรื่ออย่างไม่พอใจของเธอ ก้มหัวลงมาเล็กน้อยและกระซิบเสียงเบา “โอ้ ก็เจ้าสวยเหลือเกินจนข้าอดใจไม่ไหวจริงๆ”
ลมหายใจที่กระจายไปทั่วใบหูของมู่หรงทำให้เธอขนลุกขึ้นมาในทันที นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับความรู้สึกรักใคร่อะไรเลยมันก็เป็นแค่การตอบสนองทางธรรมชาติทั่วไป
มู่หรงรีบกระโดดหลบทันทีแล้วก็รีบวิ่งหนีไป “ข้าจะไปดูตรงโน้นหน่อยนะ” พร้อมด้วยเสี่ยวฉิงที่รีบตามไปทันที
“ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะของหวังฉิงดังออกมา
ประกายดำมือแวบขึ้นมาในสายตาของฟางเสี่ยวโหรว หลังจากที่กระซิบเสียงเบากับแม่นมหลิวแล้วเธอก็เดินตรงเข้าไปหาหวังฉิงที่กำลังอารมณ์ดี “องค์ชาย ตรงนั้นมีเกมปริศนาให้เล่นด้วย เราลองไปเล่นกันหน่อยดีไหมเจ้าคะ?”
ทิศทางที่ฟางเสี่ยวโหรวชี้ไปอยู่ตรงข้ามกับทิศทางของ มู่หรงเสวี่ย
หวังฉิงหุบยิ้มแล้วจึงตอบแค่สั่นๆ ไปว่า “ตรงนั้นก็มีเกมอักษรไขว้ให้เล่นเหมือนกัน ไปกันเถอะ” แล้วก็หันฝีเท้าไปในทิศทางของมู่หรงทันที ฟางเสี่ยวโหรวกัดริมฝีปากแล้วจึงรีบซ่อนสายตาตัวเอง เธอพยักหน้าแล้วจึงเดินไปในทิศทางที่ไม่รู้จัก
สาวใช้สองคนที่อยู่ข้างหลังเธอไม่น่าที่จะเห็นเพราะพวกนางยืนอยู่ด้านหลังของฟางเสี่ยวโหรว
เธอเดินไปช้าๆและมองไปที่องค์ชายและมู่เทียนที่กำลังคุยกันอยู่ไกลๆ เธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินขนาดนี้มาก่อนเลย
ฝั่งขององค์ชายก็ดูเหมือนจะยังรับรองตำแหน่งตัวเองไม่ได้ แต่ในเมื่อโลกนี้มีเธอ ฟางเสี่ยวโหรวแล้ว ทำไมสวรรค์ต้องส่งนางมาอีก องค์ชายเป็นของเธอและจะไม่มีใครมาแย่งไปได้ด้วย
ทั้งคนที่หลงกันจนหน้ามืดตาบอดนี้จะต้องถูกจับแยกออกจากกันซะ
แล้วเธอก็ซ่อนความคิดไว้เงียบๆ เผยรอยยิ้มแสนอ่อนโยนออกมาและเดินตรงเข้าไป “น้องเล็ก ลองเล่นปริศนาด้วยกันสักตาสองตาไหม?” น้ำเสียงอ่อนหวานดังออกมา เธอไม่เชื่อหรอกว่ามู่เทียนจะเล่นเกมปริศนาพวกนี้ได้! นางก็คงจะมีดีแค่เรื่องความสวยที่ทำให้องค์ชายหลงได้
เธอจะต้องทำให้องค์ชายเห็นตัวตนที่แท้จริงของมู่เทียนให้ได้
ในสายตาของมู่หรงเสวี่ยมีประกายเย็นชาแวบขึ้นมา ต่อให้เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเสี่ยวโหรวก็ยังทนไม่ได้เลยจริงๆ แต่ทำไมเธอจะต้องไปโมโหนางด้วยล่ะ? “หวังฉิง ถ้าข้าทายไม่ถูก เจ้าช่วยข้าทายด้วยนะ ข้าอยากได้โคมไฟอันนั้น” เธอชี้ไปที่โคมไฟอันบนสุด
ฟางเสี่ยวโหรวที่ไม่อยากจะเผยความอ่อนแอจึงพูดออกไปด้วยว่า “องค์ชาย ข้าเองก็ชอบโคมอันนั้นด้วยเหมือนกัน” เมื่อพูดจบก็มองไปทางมู่หรงด้วยสายตายั่วยุ
มู่หรงเสวี่ยกลอกตาและทุกเรื่องก็ต้องเอามาสู้กันตลอด
สายตาของหวังฉิงเติมไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกอึดอัดกับเรื่องพวกนี้แต่เขาเองก็ชอบที่พวกสาวๆหึงกันเองเพราะแย่งเขา
“ได้ ข้าจะเอามาให้เจ้าเอง” โคมไฟทุกอันในงานเทศกาลแขกทุกคนจะต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้เล่นเกม ซึ่งธรรมเนียมพวกนี้เหล่าคนขายสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความสนุก
ด้วยความสามารถของหวังฉิงก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรอยู่แล้ว วินาทีต่อมาโคมไฟทั้งสองอันก็ถูกยื่นใส่มือของมู่หรงเสวี่ยและฟางเสี่ยวโหรว
ฟางเสี่ยวโหรวมองอย่างอวดๆไปทางมู่หรงเสวี่ย
นางมีเรื่องอะไรให้อวดกันเนี่ย! มู่หรงเสวี่ยไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าฟางเสี่ยวโหรวจะอวดอะไร
ฟางเสี่ยวโหรวอยากที่จะอวดจริงๆ องค์ชายยื่นโคมไฟใส่มือเธอก่อน เร็วกว่าของนางหลายวินาที
“สาวน้อย เจ้าหายไปอยู่ไหนมา? สามีอย่างข้าหาตัวอยู่ตั้งนาน” ชายร่างเตี้ยวิ่งมาแต่ไกลพร้อมสายตาลามก เหมือนจะเข้ามากอดมู่หรงโดยไม่ทันตั้งตัว
เสี่ยวฉิงรีบเข้ามาขวางด้านหน้ามู่หรงเสวี่ยไว้ทันที่
หวังฉิงที่เร็วกว่า ปัดมือของชายคนนั้นออกไปเต็มแรง อยากตายหรือไงถึงได้กล้ามาตะโกนเรียกผู้หญิงของเขาแบบนั้น
แม่นมหลิวกลับมาอยู่ที่เดิมของตัวเองทันทีตอนที่ไม่มีใครสังเกต เธอและฟางเสี่ยวโหรวต่างก็สบตากันอย่างชัดเจน
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย มู่หรงเสวี่ยตะลึงไปชั่วขณะ
บ้าเอ่ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย! เธอไปมีสามีตั้งแต่เมื่อไรกัน?!
เพียงชั่วครู่ มู่หรงก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้และรีบหันไปมองในทิศทางของฟางเสี่ยวโหรวทันที
ฟางเสี่ยวโหรวปิดบังท่าทางไว้เรียบร้อยแล้ว
“เสี่ยวซื่อ เจ้าลืมแล้วหรือไง?! นี่สามีเจ้าไง” ชายที่ถูกผลักล้มไปกองกับพื้นร้องตะโกนออกมาเสียงดังจนคนที่อยู่รอบๆเริ่มที่จะหันมาสนใจกันแล้ว
ถึงแม้มู่หรงเสวี่ยจะไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องอะไรในโลกนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องมาทนกับเรื่องอะไรแบบนี้
“กล้าดียังไงมาพูดจาไร้สาระ ท่านหญิงของข้าไม่ใช่เมียของเจ้านะ” เสี่ยวฉิงโมโหอย่างมาก ในสายตาของเธอ ท่านหญิงเป็นคนที่ดีราวกับเทพธิดา คนดีอยู่ตรงหน้าเธอหน้าตาน่าเกลียดอย่างที่สุด กล้าดียังไงมาพูดกับท่านหญิงของเธอแบบนี้
หลังจากนั้น เธอก็เตะชายตรงหน้าไปหลายทีด้วยความโมโห
แต่แทนที่จะกลัว ชายคนนั้นกลับร้องตะโกนออกมา “เสี่ยวซื่อ ข้ารู้ดีว่าสามีอย่างข้ามันหน้าตาน่าเกลียดและข้าก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายเพื่อให้เจ้าเอาไปแต่งตัวสวยๆ มันเป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะใฝ่สูง แต่ข้าในฐานะสามีจะพยายามหาเงินมาให้เจ้าเยอะ ๆ ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องลำบาก” เมื่อพูดแบบนี้ออกมา ฝูงชนก็เริ่มที่จะซุบซิบกันพร้อมทั้งมองมาทางมู่หรงด้วยสายตาแปลกๆ ชายที่อยู่ที่พื้นหน้าตาน่าเกลียดจริงๆ ซึ่งต่อให้เป็นแม่หม้ายทั่วไปในชนบทก็ยังไม่ชอบเขาเลย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สาวสวยแบบนี้จะทิ้งเขาไป
สายตาของหวังฉิงแวบประกายเย็นชา “กล้ามากนะ กล้าดียังไงมาพูดจาไร้สาระแบบนี้ ลากไอ้คนโกหกนี่ไปฆ่าทั้งซะ”
สีหน้าของฟางเสี่ยวโหรวที่ยินดีได้ไม่ถึงสองวินาทีต้องสะดุดนิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของหวังฉิง
“องค์ชาย ทำไมไม่ฟังน้องเล็กอธิบายก่อนละเจ้าคะ?” ฟางเสี่ยวโหรวเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและจงใจที่จะเปิดเผยตัวตนของหวังฉิงด้วย
ผู้คนที่อยู่โดยรอบเมื่อได้ยินว่าองค์ชายแห่งดินแดนแห่งไฟมาที่นี่ด้วย จึงต่างก็คุกเข่าลงกับพื้น “องค์ชาย ขอองค์ชายจงอายุยืนหมื่นๆปี”
“ลุกขึ้น” หวังฉิงเก็บกดความโกรธเอาไว้และพูดออกมา
“น้องเล็ก ข้าได้ยินมาว่าตระกูลของเจ้าต้องลำบากเพราะความขัดสน เจ้ามีอะไรที่จะพูดไหมน้องเล็ก?” ฟางเสี่ยวโหรวพูดออกมาเสียงดังให้ได้ยันไปทั้งถนนที่ตอนนี้ต่างก็เงียบสนิท
มู่หรงเสวี่ยแสยะ ฟางเสี่ยวโหรวนี่ทรงอำนาจจริงๆ เธอคิดว่าคงจะมีคนตายด้วยน้ำมือนางมามากแล้วเช่นกัน “เจ้าสงสัยเรื่องตระกูลของข้างั้นเหรอ?! เจ้าไม่รู้หรือไงว่าข้าเป็นลูกสาวของตระกูลผู้ร่ำรวย?” มู่หรงแสยะไปทางฟางเสี่ยวโหรวและพูดออกมาเสียงเรียบ
“เจ้าโกหก!” ฟางเสี่ยวโหรวพูดออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ได้ เสียงเธอจึงดังอย่างควบคุมไม่ได้
เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ เธอก็รีบปรับน้ำเสียงทันทีและพูดออกมาว่า “จะเป็นไปได้ยังไง? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องตระกูลของน้องเล็กเลย ถ้าเจ้าอายที่จะพูดก็ไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง”
ในตอนนี้ชายน่าเกลียดที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้นรู้สึกอยากที่จะเป็นลมแล้ว
ถึงแม้เขาจะอยากได้เงินแต่เขาก็ไม่ได้โง่ เขาถูกหลอกมา
อีกฝ่ายบอกแค่ว่าผู้หญิงเป็นเพียงแค่สาวใช้เท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไร ส่วนคนที่มากับเธอด้วย พวกเขาเองก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไร
แต่เขาไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นองค์ชาย เขาไม่ได้อยากตายจนถึงขนาดมาขโมยผู้หญิงขององค์ชายหรอกนะ!
ที่มุมปากของแม่นมหลิวมีรอยยิ้มแสยะ คุ้มแล้วที่สามีของนางเป็นคนฝึกมา เขาทำงานเร็วดีจริงๆ ถึงขนาดหาคนที่หน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้มาได้
ดูสิว่านางจะตอบองค์ชายยังไง แล้วถ้าจักรพรรดิรู้เข้าจะเสียใจขนาดไหนนะ
มู่หรงแสยะ ลูกไม้แค่นี้ก็ยังจะเอาออกมาเล่นอีกนะ “ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า ข้าเป็นคนของดินแดนแห่งไฟ”
“น้องเล็กพูดอีกทีสิ” พร้อมด้วยรอยยิ้มแข็งๆ
มู่หรงเดินไปอยู่ข้างกายหวังฉิง “ข้าเป็นใคร องค์ชายรู้ดีที่สุด ส่วนเจ้าที่อยู่ที่พื้น ข้าเกรงว่าคงมีคนเล่นลูกไม้กับเจ้าแล้วล่ะ”
ใบหน้าหล่อเหลาของหวังฉิงเครียดขึ้นมา “ลากตัวไป”
ทหารที่อยู่ด้านหลังเขารีบเข้ามาและลากชายคนนั้นออกไปทันที
“องค์ชาย ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ มีคนจ้างให้ข้ามาทำแบบนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องของข้าเลยองค์ชาย…” ชายคนนั้นเอาแต่ร้องขอความเมตตา
สีหน้าของฟางเสี่ยวโหรวเปลี่ยนไป ไร้ประโยชน์จริงๆ
ในเมื่อชายคนนั้นพูดแบบนี้แล้ว งั้นจะมีเรื่องอะไรให้เข้าใจผิดได้อีกล่ะ
ฝูงชนต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นได้ชัดพร้อมทั้งส่งสายตาขอโทษมาทางมู่หรง
หวังฉิงมองไปที่ฟางเสี่ยวโหรวอย่างเย็นชา สายตาเย็นชาแบบนั้นทะลุไปถึงข้างในจนร่างกายของฟางเสี่ยวโหรอสั่นเทิ้มไปหมด สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นขาวซีดเป็นกระดาษ!
องค์ชายเกลียดเธอ นี่มันเกินจะรับไหวมากกว่าที่มู่เทียนแย่งความรักขององค์ชายไปอีก
แต่จะโทษเธอได้งั้นเหรอ?! ไม่มีหลักฐานว่าเป็นฝีมือเธอซะหน่อยใช่ไหม?! องค์ชายจะทำแบบนั้นไม่ได้ ใช่ไหม?! ในหัวใจของฟางเสี่ยวโหรวแทบจะร้องไห้ออกมา