บัญชามังกรเดือด บทที่ 855 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว
กึก!
ภายใต้ความมืดมิด ได้มีสายฟ้าฟาดลงมาอีกครั้ง ที่ได้ชะงัดความมืดมิดได้ชั่วครู่หนึ่ง
ในรอบนี้ ในเหวลึกที่มองไม่เห็นก้นบึ้งนั้น เหมือนสัตว์ร้ายที่อ้าปากอยู่ ที่เหมือนกับสามารถที่จะกลืนกินทุกอย่างได้
ฉินเปียวที่ไม่เห็นตัวเขาไปแล้วนั้น
จากที่สายฟ้าฟาดลงมานั้น ฝนก็ตกหนักลงมา
ฉินเทียนที่ยังยืนตะลึงอยู่ข้างๆหน้าผา และฝนตกหนักที่ตกลงบนตัวเขานั้น เขานั้นเหมือนไก่ที่ตกน้ำ มองไปที่หน้าผาที่สูงชัน ตอนนี้นั้น ยังยอมรับกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกับอีกฝ่ายไม่ได้
หรือจะเอ่ยว่า เขานั้นคิดไม่ออกจริงๆ
ทั้งๆที่ฉินเปียวเกลียดเขาอย่างมาก ถึงขั้นอยากให้เขาตายด้วยซ้ำ
ทำไมในช่วงเวลาที่สำคัญ เขายอมเสียสละ แล้วแลกกับการมีชีวิตอยู่ของตนเองล่ะ?
หรือว่า เรื่องความโกรธแค้นพวกนั้น จะเป็นแค่การโกหก?
แต่ว่า ในแวบสุดท้าย ฉินเปียวที่ยิ้มแปลกๆเช่นนั้น ปรากฏในสมองของฉินเทียนนั้นหลายรอบไปมา
เขานั้นยังมีความรู้สึกว่า นี่คือสิ่งที่ฉินเปียวนั้นกำหนดวางแผนไว้นานแล้ว ฉินเปียวนั้นจะต้องมีแผนการอย่างแน่นอน?
ถ้างั้น เขาคงจะไม่ตกลงไปตายหรอก?
ทันใดนั้น ฉินเทียนเขานั้นก็ฮึกเหิมขึ้น อยากที่จะกระโดดลงไปดู ว่าข้างล่างนั้นสุดท้ายแล้วมีความลับอะไรที่ไม่สามารถที่จะบอกใครได้กัน
“พี่เทียน!”
“พี่เทียน พี่อยู่บนนั้นไหม?”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
รู้ว่า เขานั้นได้ถูกปลุกจากเสียงที่ร้องส่งเข้ามา
ฉินเทียนนั้นตัวสั่น ก่อนที่จะเอ่ยเสียงดัง “จี้ชิง?”
“เจ้าคือจี้ชิงใช่ไหม?”
เป็นเพราะว่าฝนตกหนักมา จี้ชิงนั้นหาทางไม่เจอ เขานั้นเลยเดินมาต่อไม่ได้ เขานั้นเลยยืนร้องตะโกนอยู่บนก้อนหิน
“พี่เทียน พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“รีบลงมาสิ!”
“เกิดเรื่องแล้ว……”
ฉินเทียนนั้นหัวเราะในใจ หรือว่า ฉินเปียวนั้นนัดตัวเองให้มาที่นี่ เพื่อเป็นแผนการที่จะล่อเสือออกมาจากถ้ำอย่างงั้นหรอ ?
ใช้โอกาสในตอนที่ตนเองไม่มีเวลาหลบหนี ฉินเปียวนั้นได้จัดการวางแผนการฆ่าคน แล้วให้คนของตนเองแอบไปบุกรุกฐานของเขางั้นหรอ?
เขานั้นไม่สามารถคิดถึงเรื่องของฝั่งตรงข้ามได้ ก่อนที่จะรีบวิ่งมาลงไป
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ใช่พวกคำสาปสวรรค์ไหม?”
เขาเอ่ยถามอย่างร้อนรน
องค์กรคำสาปสวรรค์นั้นที่จนวันนี้นั้นได้ฝึกฝนมาอย่างพอตัวแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้กลับไปฟื้นฟูจนถึงตอนที่มีพละกำลังขนาดนั้น
ฉินเปียวหากไม่ผิดไปล่ะก็ เขานั้นได้ส่งคนไปลอบโจมตี ฉินเทียนเกรงว่าพวกเขานั้นจะเกิดเรื่องขึ้น
“ไม่ใช่คำสาปสวรรค์——”
จี้ชิงกลืนน้ำลาย และไม่กล้าที่จะเอ่ย แต่ว่าไม่เอ่ยก็ไม่ได้
“คนอุทยานมังกรพวกนั้นติดต่อท่านไม่ได้ พวกเขานั้นเลยใช้ช่องทาง ติดต่อทางผม”
“พี่สะใภ้……หายตัวไปแล้วครับ”
“เจ้าว่าอะไรนะ ซูซู?”ฉินเทียนนั้นตกใจ ดวงตาของเขานั้นมืดลง จนเกือบที่จะล้มตัวลง
“รีบเอ่ยมาสิ เกิดอะไรขึ้นกับซูซู?”
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?”ทันใดนั้นเขาก็มีดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง และกำมือของจี้ชิงเอาไว้แน่น
พละกำลังอันแข็งแกร่ง จี้ชิงนั้นเกือบที่จะทนเจ็บไม่ไหว แล้วแทบอยากจะร้องออกมา
“พี่อย่าเพิ่งรีบสิ……”
“จากพี่พรรคพวกในอุทยานมังกรได้เอ่ย หลังจากที่พวกเขานั้นหาพี่สะใภ้ไม่เจอนั้น ในตอนแรกที่ให้ตรวจสอบ จากกล้องวงจรปิด พบว่าพี่สะใภ้นั้นได้ขึ้นรถพาณิชย์สีดำไม่มีป้ายทะเบียนคันหนึ่ง ……”
“หลังจากที่รถนั้นได้ออกจากเมืองแล้ว ได้มุ่งหน้าไปยังทางด้านซีเป่ยครับ”
“พวกเขาสงสัยว่า พี่สะใภ้นั้นจะอยู่ในช่วงเหงา เลยอยากที่จะออกไปหาคุณด้วยตนเองครับ”
“เพราะว่า จากกล้องวงจรปิดพบว่า พี่สะใภ้นั้นยินยอมขึ้นรถด้วยตัวเองครับ และเธอนั้นจงใจที่จะหลีกหนีจากคนคุ้มกันครับ ……”
ซีเป่ย!
ซูซูมาที่นี่!
สีหน้าของฉินเทียนเคร่งขรึม กัดฟันแล้วเอ่ย “ไม่ ซูซูนั้นจะไม่ตัดสินใจมาหาตนเองด้วยตัวเองโดยไม่ทักทายก่อนแน่”
ตอนแรกเขานั้นเดาเอาไว้ ในตอนแรกนั้น แม้แต่ตนเองนั้นยังไม่กล้าที่จะยอมรับ
นั่นก็คือ ตระกูลฉิน !
ตระกูลฉินนั้นกำจัดตัวเองไม่ได้ เลยใช้ซูซูเป็นตัวประกัน เพื่อบีบบังคับ!
เมื่อคิดถึงว่าซูซูนั้นจะต้องโดนคนของตระกูลฉินนั้นทรมาน ในดวงตาของฉินเทียนนั้นก็ระเบิดไฟออก มาจนแทบจะบ้า
อ่าอ่าอ่าอ่าอ่า!
ซูซู!
ฉินเทียนร้องออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะมองไปบนฟ้าราวกับสัตว์ร้ายที่ตะโกนตลอดทาง แล้วพุ่งไปทางด้านภูเขา
เมื่อมาถึงที่ภูเขาแล้ว เขามองไปที่ด้านบนไกลๆ ได้เห็นสองหนุ่มแอบเข้ามาใกล้ๆ อีกทั้งชุดที่พวกเขาสวมใส่อยู่นั้น ยังเป็นชุดประจำของตระกูลฉินอีก
และบนหน้าอกของทุกชุดนั้น ยังได้ใช้ด้ายสีเงินนั้นปักออกมาเป็นรูปมังกรตัวเล็ก
หยินจ๋า!
ฉินเทียนนั้นตอนแรกก็มองออกเลย ว่านี่คือคนของ หยินจ๋า
มองเห็นฉินเทียน ทั้งสองคนนั้นต่างก็ตกใจ โดยมีคนหนึ่งรู้สึกตัว ก่อนที่จะเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “ไอ้ไร้ประโยชน์ ตอนนี้ฟังให้ดีนะ เดินตามพวกเข้ามาสะดีๆ”
“ภรรยาของแกนั้นอยู่ในน้ำมือของพวกเราแล้ว”
“ไม่อยากให้เธอนั้นเกิดเรื่อง ก็เชื่อฟังสะดีๆ”
ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เอ่ยออกมาอย่างภูมิใจ “มองดูแล้ว เด็กในท้องของเธอนั้นน่าจะไม่ตัวเล็กแล้วนะ?”
“หากมึงไม่ยอมเชื่อฟังล่ะก็ งั้นก็จะได้เอาไปฝังทั้งสองศพ”
“ไอ้พวกบ้า!”
ฉินเทียนเอ่ยร้องคำราม และในแวบหนึ่งนั้น ในตอนที่เจ้าสองตัวนั้นยังไม่ทันต้องตัว มือที่เร็วดุจสายฟ้านั้น ได้เข้าไปบีบที่คอของพวกเขาทั้งสองคน ก่อนที่จะโดนยกตัวขึ้น
เอ่อ……เอ่อ!
เจ้าสองตัวนี้ทันใดนั้นสีหน้าของพวกเขานั้นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้น คนอยู่ในอากาศ และเท้าก็ไม่หยุดที่จะดิ้นสะบัด
ฉินเทียนนั้นดวงตามีสีแดง อยากที่จะหักคอของพวกเขาทั้งสองคนทิ้งส่ะ
“พี่เทียน!”
จี้ชิงพุ่งเข้ามา ก่อนที่จะเอ่ยอย่างหวาดกลัว “อย่าเพิ่งรีบร้อนลงมือสิ!”
“พี่สะใภ้ยังอยู่ในมือของพวกมันนะ ไปช่วยพี่สะใภ้ก่อนจะดีกว่า!”
ฉินเทียนกัดฟัน ก่อนที่สุดท้ายแล้ว เขานั้นจะปล่อยเจ้าสอบตัวนี้โยนออกไปส่ะ
เสียงตุ๊บตุ๊บ ก่อนที่เจ้าสองคนนั้นจะไปกระแทกกับหิน ดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวในตอนนี้ พวกเขามองไปที่ฉินเทียน ราวกับว่ามองปีศาจ
“ภรรยาและลูกของกู หากได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย กูจะทำให้พวกมึงทั้งตระกูลฉินชดใช้ฝังเป็นศพ!”
“พากูนำทางไปที!”
ก่อนที่ทั้งสองคนนั้นจะร้อนรน และรีบลุกกันขึ้นมา แล้ววิ่งกระโดดกันออกไป ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่
เมื่อรถสตาร์ทแล้ว ภายในคืนที่มืดมิดนี้ ก่อนที่พวกเขานั้นจะพุ่งไปยังทางด้านของ เมืองฉิน
“พี่เทียน พี่อย่ากังวลไปเลย ผมคิดว่าพวกมันนั้นคงจะไม่ได้ทำอะไรพี่สะใภ้หรอก ……”
จี้ชิงเอ่ยปลอบใจอย่างใจเย็น
เมื่อมองเห็นสภาพของฉินเทียน เขานั้นแอบรู้สึกหวาดหวั่นหัวใจเหมือนกัน เขารู้สึกว่า ตัวเองนั้นไม่ได้รู้จักฉินเทียนอีกแล้ว
เดิมทีพี่เทียนที่สนุกสนานชอบหัวเราะ ตอนนี้นั้นเหมือนได้โดนปีศาจครอบงำ!
เขานั้นก่อนที่จะรู้ตัว ว่าซูซูและลูกในท้องของเธอนั้น สำหรับฉินเทียนนั้น สำคัญแค่ไหน
เขาอดไม่ได้ที่จะหยุดคิด ว่าหากเป็นผู้หญิงของตนเองนั้น หลิวชิงเหยานั้นโดนคนอื่นลักพาตัวไป ตนเองจะเป็นยังไงกัน?
คำตอบก็คือ น่าจะเหมือนกับฉินเทียน!
เพื่อเธอแล้ว เขานั้นไม่ลังเลที่จะฆ่าให้หมดทั้งเมืองเลยล่ะ!
เมื่อคิดถึงดังนี้ เขานั้นสำหรับความรู้สึกแบบฉินเทียน เขานั้นความรู้สึกเดียวกัน ก่อนที่จะตัดสินใจ ว่าไปที่นี่ จะต้องล้างทั้งเมืองเมืองฉิน และเขานั้นก็จะไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว!
เขานั้นจะฆ่าต่อสู้ไปด้วยกันกับฉินเทียน !
“ข้าเอง!”
ฉินเทียนนั้นทันใดนั้นเขานั้นก็ได้คว้าชายหนุ่มนั้นเอาไว้ ก่อนที่จะดึงเขาออกจากที่นั่งคนขับโยนไปไว้อีกฝั่ง
เขากระโดดเข้าไป ก่อนที่จะนั่งขับรถเอง ก่อนที่จะเหยียบคันเร่งรถจนมิดไมล์
ไม่กี่ชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงเมืองฉิน
ในเวลานี้นั้นยังเป็นช่วงเวลากลางคืน และในความมืดมิดนี้ ที่ประตูเมืองที่แปลกตาและสวยงามของประตูเมืองเมืองฉินนั้น ได้แขวนโคมไฟเอาไว้สองด้วย
แสงสีไฟเหลืองสลัวมองไปแล้ว ทำให้คนรู้สึกเหมือนสถานที่รกร้าง
ประตูเมืองนั้นถูกปิดสนิท!
แต่ว่า ฉินเทียนที่ได้ขับรถเอสยูวีนั้นที่ขับเข้ามาและไม่มีวี่แววว่าจะจอด แต่ทว่ากลับเพิ่มความเร็วเข้าไป
“อย่านะ!”
“รีบจอดรถ!”เจ้าสองตัวนั้นกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวออกมา
ส่วนจี้ชิงที่นั่งอยู่ด้านหลังนั้น ก็รีบก้มตัวลง และหลบที่หลังด้านเบาะคนขับ
ปัง!
รถเอสยูวีที่หนักสองพันตัน พุ่งเข้าไปด้วยความเร็ว ก่อนที่จะชนจนประตูเมืองนั้นเป็นรู แล้วพุ่งเข้าไป