บทที่ 629 แจ้งถึงความอันตรายของอี้เฉินเฟย

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 629 แจ้งถึงความอันตรายของอี้เฉินเฟย
กู้ชูหน่วนออกจากราชวิทยาลัยได้ไม่นาน สีชิ่นก็มาหานางแล้ว

“ข้าน้อยสีชิ่น คารวะเจ้าหอ”

กู้ชูหน่วนเห็นนาง อดตกใจเล็กน้อยไม่ได้

“หอหนึ่งในหล้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”

“หอหนึ่งในหล้าไม่มีปัญหา แต่มีการแจ้งอาการป่วยของเจ้าสำนักชิงมาอย่างเร่งด่วน ผู้อาวุโสใหญ่หลายท่านของเผ่าหยกใช้กำลังภายในร่วมกันปกป้อง เจ้าสำนักชิงก็ยัง…..เจ้าสำนักชิงฟื้นขึ้นมาเมื่อคืน อยากพบหน้าท่านเป็นครั้งสุดท้าย ผู้อาวุโสใหญ่ให้ข้าน้อยมาแจ้งนายหญิง ไม่ว่าจะหามุกมังกรเม็ดที่เจ็ดพบหรือไม่ ก็ให้กลับเผ่าหยกก่อนรอบหนึ่ง”

ร่างกายกู้ชูหน่วนสั่นสะท้านทันที สีหน้าซีดขาวในพริบตา มือที่ไขว้กันอยู่ด้านหลังก็สั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้

“เพราะวันที่สิบห้าพระจันทร์เต็มดวง อาการป่วยของเขารุนแรงมากขึ้นหรือ? วันที่สิบห้าพระจันทร์เต็มดวงก่อนหน้านี้เผ่าหยกเป็นอย่างไรบ้าง?”

นางเข้าใจอี้เฉินเฟยดีกว่าผู้ใด หากไม่ใช่เพราะแทบจะทนไม่ไหวแล้ว พี่เฉินเฟยจะไม่บอกว่าต้องการพบนางในช่วงคับขันเช่นนี้แน่

เขารู้อย่ากระจ่างแจ้งว่านางพยายามหามุกมังกรอย่างลำบากมาโดยตลอด……

สีชิ่นก้มศีรษะลง มองไม่เห็นท่าทีของนาง แต่จากกลิ่นอายอันน่าเศร้าที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย ก็พอจะเดาได้โดยประมาณ วันที่สิบห้าที่คำสาปโลหิตของเผ่าหยกกำเริบในครั้งนี้เกรงว่าคงจะรุนแรงกว่าครั้งที่แล้ว

“เจ้ากลับไปบอกผู้อาวุโสใหญ่ ให้เขารักษาชีวิตของพี่เฉินเฟยไว้ให้ได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ให้พวกเขารอข้าอีกสองสามวัน สองสามวันหลัง……”

แววตาของกู้ชูหน่วนเจ็บปวด ไม่ได้พูดต่อไป

แต่สีชิ่นกลับเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลันแล้ว ในตาเปล่งประกายความหวังขึ้นมา “นายหญิง ท่านมีเบาะแสของมุกมังกรเม็ดที่เจ็ดแล้วหรือเจ้าคะ?”

“อืม”

“ต้องการให้ข้าน้อยช่วยท่านหรือไม่”

“ไม่ต้อง ถูกแล้ว ฮองเฮาฉู่และจอมมารออกมาจากเผ่าเทียนเฟิ่นอย่างปลอดภัยแล้วสินะ?”

“ออกมาก็ออกมาแล้วเจ้าค่ะ แต่เพิ่งได้ออกมาวันนี้”

“ทำไมจึงได้ยืดเยื้อนานเช่นนี้? จอมมารถูกคนของเผ่าเทียนเฟิ่นจับหรือ?”

“เขา…..หลงทางเจ้าค่ะ รายละเอียดพูดแล้วยาว……”

“ช่างเถอะ ออกมาก็ดีแล้ว เจ้ารีบกลับไปที่เผ่าหยกรอบหนึ่งเถอะ”

“รับทราบ”

กู้ชูหน่วนชำเลืองมองไปทางเผ่าหยก จิตใจกระวนกระวายอยู่รางๆ

และไม่รู้ว่าอี้เฉินเฟยจะสามารถรอจนนางเอามุกมังกรเม็ดที่เจ็ดกลับไปได้หรือไม่

เผ่าหยกไกลจากที่นี่มาก หากว่านางกลับไปตอนนี้ ไปกลับรอบหนึ่ง แล้วค่อยมาเอามุกมังกร แล้วกลับไปที่เผ่าหยกเพื่อหลอมมุกมังกรอีก จะต้องเสียเวลาเป็นอย่างมากแน่

มือที่ไขว้อยู่ด้านหลังของกู้ชูหน่วนกำหมัดแน่นอย่างฉับพลัน ความเจ็บปวดที่หางตาแปรเปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยว

นางไม่อยากเอาหัวใจของแม่ทัพใหญ่เซียว

แต่นางไม่มีทางเลือก หนึ่งชีวิตกับชีวิตอีกนับหมื่นพัน นางทำได้เพียงเลือกชีวิตนับหมื่นพันเท่านั้น

ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว กู้ชูหน่วนก็ก้าวเดินไปที่จวนแม่ทัพอีกครั้ง

จวนแม่ทัพยังคงเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ ที่ไม่เหมือนเดิมคือ ในที่สุดเซียวหยู่เซวียนก็ได้รับอิสรภาพแล้ว

ทันทีที่เขาเห็นกู้ชูหน่วนมาที่จวน เซียวหยู่เซวียนก็รีบไปต้อนรับ

เขากล่าวชื่นชมด้วยรอยยิ้มที่ปีติดีใจ “ยัยขี้เหร่ ข้ารู้ว่าเพียงแค่เจ้าลงมือช่วย ฮ่องเต้จะต้องยกเลิกพระราชโองการแน่ เจ้ารู้ไหม วันนี้ตอนเช้าตรู่ก็มีพระราชโองการมาจากในวังแล้ว ยกเลิกเรื่องการแต่งงานข้ากับกู้ชูหยุน”

“จริงเหรอ งั้นก็ยินดีด้วยจริงๆ”

กู้ชูหน่วนมองดูรอยยิ้มอันไร้เดียงสาไร้พิษสงที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของเขา จิตใจรู้สึกหนักหน่วงขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก

หากเขารู้ว่านางเอาเลือดหัวใจของพ่อเขาไป เขาจะยังมีความสุขแบบนี้ ยังจะจริงใจกับนางเช่นนี้อยู่หรือไม่?

ภาพหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของนางโดยไม่รู้ตัว

นั่นเป็นภาพที่นางเห็นที่ทะเลโลหิต

คืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก นางแตกหักกับเซียวหยู่เซวียน จากตรงนั้นเปลี่ยนจากเพื่อนเป็นศัตรู เป็นคู่อริต่อกันและกัน

กู้ชูหน่วนรู้สึกปวดใจอย่างกะทันหัน

ภาพนี้ เป็นสิ่งที่นางไม่คิดต้องการให้เกิดขึ้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

สวรรค์ช่างเล่นตลกจริงๆ…….แค่ภาพลวงตาก็สามารถเปลี่ยนเป็นความจริงได้

“ยัยขี้เหร่ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงได้มีท่าทางเหม่อลอยไร้ชีวิตชีวาแบบนี้? เป็นเพราะเข้าไปวิ่งเต้นในวังแทนข้าไม่ได้นอนหลับให้ดีใช่หรือไม่?”

“ประมาณนั้นล่ะมั้ง?”