อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 628 นางไม่ธรรมดา
อะไรเรียกว่าหิ้วรองเท้าให้นางก็ไม่คู่ควร

นางจำเป็นต้องหิ้วรองเท้าให้คนอื่นหรือไง?

น่าขำ

“เดิมทีเสด็จพ่อต้องการจะสืบทอดราชบัลลังก์ให้กับเสด็จพี่หญิงในบรรดาพระโอรสพระธิดามากมาย เสด็จพ่อรักเสด็จพี่หญิงเป็นที่สุด”

การเคลื่อนไหวของกู้ชูหน่วนชะงักทันที “สืบทอดราชบัลลังก์ให้องค์หญิง? เช่นนั้นก็ไม่ใช่ว่าเสด็จพี่หญิงของเจ้าจะได้กลายเป็นจักรพรรดินีองค์ต่อไปแล้วหรือ? ขุนนางข้าราชการทหารทั้งราชสำนักเห็นด้วยหรือ?”

“เสด็จพี่หญิงมีความสามารถแข็งแกร่งขนาดนั้น หากว่านางได้เป็นจักรพรรดินี แคว้นเย่จะต้องดีกว่านี้เป็นแน่ น่าเสียดาย นางถูกคนสังหารไปแล้ว”

“ถูกใครสังหาร? ขุนนางในราชสำนัก?”

“ไม่ใช่สักหน่อย ได้ยินเสด็จแม่บอก เหมือนว่าจะเป็นคนของเผ่าเทียนเฟิ่น ตอนนั้นข้ายังเด็กมาก ข้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง รู้เพียงแค่เสด็จพี่หญิงเพื่อที่จะปกป้องข้า จึง…….”

องค์หญิงตังตังพูดไปพลาง ก็อดไม่ได้น้ำตาไหลลงมาอีกแล้ว

กู้ชูหน่วนได้ยินว่าเผ่าเทียนเฟิ่นสามคำนี้ ไม่รู้ว่าทำไม ความสงสัยกลุ่มก้อนใหญ่จึงได้กลบฝังในจิตใจทันที

เสด็จพี่หญิงที่องค์หญิงตังตังกล่าวถึง คงไม่ได้เหมือนกับเย่จิ่งหานเช่นนั้น ที่มีมารดาเป็นคนเผ่าหยกหรอกนะ?

ไม่เช่นนั้นทำไมเผ่าเทียนเฟิ่นจึงจะต้องสังหารนางด้วย?

“ข้าขอถามเจ้าอีก เสด็จพ่อของเจ้าเอ็นดูเย่จิ่งหานมากกว่า หรือว่ารักและโปรดปรานเสด็จพี่หญิงของเจ้ามากกว่า?”

“เขารักและโปรดปรานทั้งคู่ แต่ข้ารู้ว่า จากภายนอกเสด็จพ่อรักและโปรดปรานน้องชายของตัวเองมากกว่า และก็คือเสด็จอา แต่ในความเป็นจริง เสด็จพ่อจะต้องรักและโปรดปรานเสด็จพี่หญิงยิ่งกว่าอยู่แล้ว ไม่ว่ายังไงก็เป็นลูกสาวแท้ๆนี่นา”

“เช่นนั้นท่านแม่ของเสด็จพี่หญิงของเจ้าเป็นใคร?”

“อันนี้……ข้าก็ไม่ค่อยชัดเจนนัก เหมือนว่าหลังจากที่เสด็จพี่หญิงถือกำเนิด เสด็จแม่ของนางก็เสียชีวิตเนื่องจากให้กำเนิดยาก”

คลอดยาก?

เหอะ……

เป็นเพราะคลอดยากจริงๆหรือ?

เกรงว่าจะเพราะ…..ภายในนั้นจะต้องมีความข้องเกี่ยวกับความลับบางอย่างที่ให้คนรู้ไม่ได้สินะ

ช่างเถอะ ในเมื่อคนก็ตายไปแล้ว นางไปสืบหาเรื่องเหล่านั้นก็ไร้ประโยชน์

“เอาล่ะ มีเวลาว่างเจ้าประคบเองสักหน่อยก็หายแล้ว ข้าไปก่อน”

“เจ้าจะไปไหน?”

“เดินเล่น วนดูทั้วๆ”

องค์หญิงตังตังตะโกนเรียนนางไว้ มีคำพูดในใจต้องการจะพูดกับนางมากมาย แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ทำได้เพียงตะโกนเรียก “เจ้าเคยบอกว่า จะเอาสูตรยาให้ข้า”

“สูตรยาวางอยู่บนโต๊ะ หยิบไปผสมเองก็ได้แล้ว”

“หึ มีอะไรดีนัก เสด็จพี่หญิงใช้ตำรับยานี้เป็นก่อนเจ้าซะอีก เอ๊ะ……เสด็จแม่ ท่านมาได้อย่างไรเพคะ?” องค์หญิงตังตังตกใจจนตำรับยาในมือเกือบจะสั่น

แววตาของไทเฮาลึกล้ำ ชำเลืองมองทางที่กู้ชูหน่วนจากไป ความคิดลอยไปไกลเล็กน้อย ปากพึมพำพูดคนเดียวว่า “เหมือน ดวงตาคู่นั้นช่างเหมือนเกินไปแล้ว ทำไมก่อนหน้านี้ข้าถึงไม่เคยได้สังเกตเห็นนะ”

“เสด็จแม่ ท่านพูดอะไรเพคะ ทำไมข้าถึงฟังไม่เข้าใจ นางเหมือนใครรึเพคะ? เสด็จพี่หญิงหรือ? เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเป็นเสด็จพี่หญิงเพียงแค่บังเอิญทำตำรับยานี่เป็นเหมือนกันเท่านั้น ท่านดูสิเพคะว่านางมีจุดไหนที่เทียบเสด็จพี่หญิงได้บ้าง”

“เจ้าไม่รู้สึกว่าสายตานั่นช่างเหมือนกันเกินไปแล้วหรอกหรือ?”

“สายตา? ไม่รู้สึกนี่เพคะ” แต่กลิ่นบนตัวกลับมีความเหมือนเล็กน้อย

เป็นเวลานานกว่าไทเฮาจะเก็บสายตากลับมา ไม่รู้ว่าคิดอะไร นางถอนหายใจยาวๆ “เป็นข้าที่คิดมากไปแล้ว หากว่านางเป็นลูกสาวของยู่เฟย ทำไมวันที่สิบห้าพระจันทร์เต็มดวงถึงได้ไม่เป็นอะไรเลย หากว่านางเป็นลูกสาวของยู่เฟยจริงๆ จะมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้อย่างไร”

องค์หญิงตังตังไม่เข้าใจว่าไทเฮากำลังพูดอะไร คิดว่าไทเฮาต้องการต่อกรกับนาง จึงอดไม่ได้ดึงมือน้อยๆของนางไว้ กล่าวอย่างออดอ้อน

“เสด็จแม่ ท่านอย่างทำให้นางลำบากใจเลยเพคะ อันที่จริง นางก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดขนาดนั้น ต่อจากนี้ข้ารู้แล้วว่าจะรับมือกับนางอย่างไร นางกลัวน้ำตา แค่ข้าร้องไห้ นางก็กลัวแล้วเพคะ”

จุดนี้กลับเหมือนเสด็จพี่หญิงจริงๆ

“เจ้าเข้ากันได้ดีกับนางขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ไข่สองฟองก็ติดสินบนเจ้าได้แล้ว?”

“ไม่มีสักหน่อยเพคะ”

ไทเฮาตรัสอย่างจริงจัง “ตังตัง ไม่ว่านางจะเป็นใคร เจ้าจำให้ดี อย่าได้ใกล้ชิดกับนางเกินไป”

“ทำไมเพคะ”

“แม่กลัวว่า เจ้าใกล้ชิดกับนางเกินไป จะไม่ดีต่อเจ้าในอนาคต นางไม่ธรรมดา”