บทที่ 461 เรียกชื่อผู้หญิงอื่น

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

แม้แต่กางเกงในของชายหนุ่ม ยังต้องจัดโซนแบ่งเก็บเลย ซึ่งอพาร์ทเมนท์นั้นก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่ บวกกับสิ่งของที่เขานำมาแล้วนั้น ก็รู้สึกได้ทันทีว่าห้องนั้นไม่มีพื้นที่เหลือแล้ว

งานยังไม่ได้ลาออก เธอยังคงทำงาน และเลิกงานตามปกติ เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ฉันทัชจะมารับมาส่งบ่อยๆ เลยทำให้เกิดความประหม่าเล็กน้อย

ถ้าเขาอยู่ เขาจะเป็นคนไปส่งยู่ยี่ที่บริษัทแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะเป็นโก๋ อาจมีบางครั้งโก๋มีธุระ ซึ่งเขาคิดว่าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด จึงอยากจัดรถรับส่ง และคนขับให้กับเธอ

เธอรู้สึกว่า ปฏิกิริยาของเขามันมากเกินไปเล็กน้อย แค่เรียกแท็กซี่ก็พอแล้ว ไม่งั้นก็ขึ้นรถไฟใต้ดิน หรือรถเมล์

เขาไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะขึ้นรถไฟใต้ดิน หรือรถเมล์ จึงคนแน่นเบียดกันมากเกินไป ถ้าไม่ระวัง อาจจะหกล้มได้

สุดท้ายแล้ว เขาก็ออกรถ และคนขับรถให้เธอจริงๆ รับส่งพร้อมสแตนบาย 24 ชั่วโมง โทรเรียกเมื่อไหร่ถึงเมื่อนั้น

ในระหว่างที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน มันราบรื่น อบอุ่น และเกิดความขัดแย้งกันน้อยกว่าที่คิดไว้เสียอีก ถึงแม้ว่าจะมีความขัดแย้ง เธอเอ่ยขอโทษ เขานั้นก็พร้อมให้

เมื่อคนสองคนคบหาดูใจกัน ไม่ใช่แค่รักจนจะเป็นจะตายก็เพียงพอ แต่คือการเข้าอกเข้าใจ และให้อภัยซึ่งกันและกัน

อีกด้านหนึ่งนั้น

หัสดินและเรนนี่เดินทางกลับมาจากฮันนีมูนแล้ว ซึ่งไปในสถานที่ใกล้ๆ แต่เที่ยวพักผ่อนได้ไม่เลวที่เดียว

งานในบริษัทยุ่งมาก หัสดินไปทำงานแล้ว เรนนี่นั่งดื่มกาแฟในห้องรับแขก ชฎารัตน์เดินลงมา เมื่อสังเกตเห็นชฎารัตน์ เรนนี่ก็รีบลุกขึ้นทันที และเอ่ยเรียกอย่างสุภาพว่า “คุณแม่ค่ะ”

ชฎารัตน์ตอบอย่างแผ่วเบา ท่าทีเรียบเฉย แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีเกินเลย คนใช้นำถ้วยชามมาเสิร์ฟ เธอดื่มแล้ว พูด

“จุดประสงค์ที่แต่งงานกับเธอนั้นชัดเจนมาก เธอก็คงรู้แก่ใจ ตั้งท้องมีลูกให้ไวใช้เวลาให้น้อยที่สุด ไม่งั้นก็ไสหัวออกไปซะ”

สีหน้าของเรนนี่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ยังคงแสดงความอ่อนหวาน พลางตอบกลับด้วยความเคารพ

แท้จริงแล้ว ร่างกายของหัสดินไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย เพียงแค่ทั้งคู่ทำเรื่องอย่างว่าให้มากพอ เด็กในท้องก็จะมาเกิดกับเขาอย่างแน่นอน

แถมยังมี เรื่องโปรเจกต์ที่ต้องรับช่วงต่อ เธอคุยกับหัสดินแล้ว ซึ่ง หัสดินก็เห็นด้วย

เธอไปพบยู่ยี่ ในเวลาตอนเช้าที่เพิ่งเริ่มงาน ยู่ยี่เดินลงจากรถวอลโว่ ตามหลังมีคนขับ ซึ่งกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่

โดยเหลือบไปเห็นเรนนี่อย่างไม่ตั้งใจ ยู่ยี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เรนนี่พูดขึ้นอีกครั้ง “เพื่อเรื่องโปรเจกต์ ฉันจะเป็นคนรับช่วงต่อดูแลโปรเจกต์ ”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ยู่ยี่จึงจะยอมนั่งลงพูดคุยกับเธอ

“คุณฉันทัชร่ำรวยมากไม่ใช่เหรอ บริษัทในสหรัฐอเมริกาก็จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็น CHทั้งหมดแล้ว ทำไมยังจะซื้อรถวอลโว่ให้คุณล่ะ” เรนนี่ยกกาแฟขึ้นมาจิบ

เพราะความริษยาในใจมันมีมากเกินไป แถมความขมขื่นที่หลั่งไหลออกมา ดังนั้น เธอจึงพูด ด้วยการจงใจพูดยั่วโมโหยู่ยี่

แต่ยู่ยี่กลับนิ่งไม่สนใจ ซึ่งเบื้องหลังเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครรู้ แต่เธอรู้ เขาจะออกรถให้ แต่เธอไม่อยากได้ที่มันราคาสูง เมื่อสู้ความดื้อรั้นเธอไม่ไหว ซึ่งทำให้เลือกรถเป็นเวลานาน สุดท้ายฉันทัชจึงได้เลือกรถคันนี้ เพียงเพราะพนักงานพูดประโยคนี้ รถวอลโว่นั้นมีประสิทธิภาพความปลอดภัยสูงที่สุด

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ต่อจากนั้น ฉันทัชก็ไม่เอ่ยอะไร รีบทำการรูดบัตรโดยทันที

“ถ้ามีอะไรเกี่ยวกับงานก็พูดมาเถอะค่ะ หากไม่มี งั้นฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ ”ยู่ยี่คิดว่าไม่มีความจำเป็นต่อพูดคุยอะไรกันต่อไปอีก

เรนนี่ยักไหล่เบาๆ ด้วยท่าทีสบายๆ เธอมาที่นี่ เพราะต้องการบอกเรื่องนี้โดยเท่านั้น ตอนนี้เรื่องที่ต้องการพูดก็เสร็จสิ้นแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่ออีก

เพียงแต่ พอเธอลุกขึ้นยืน หันหลังไป ก็พบหัสดินกำลังเดินมาพอดี ในเวลาแบบนี้ หัสดินมาที่นี่ทำอะไร เรนนี่ขมวดคิ้ว แต่ เธอก็ไม่ได้แสดงความสนิทสนมที่มากมายอะไรออกไป โดยการยืนอยู่ที่เดิม ทั้งสองเคยคุยเป็นการส่วนตัว ว่าอยู่ที่บริษัท ต้องรักษาระยะห่าง

แน่นอนยู่ยี่ก็สังเกตเห็นเช่นกัน เธอคิดว่าหัสดินนั้นมาหาเรนนี่ ซึ่งไม่แสดงท่าทีอะไร เมื่อเดินผ่านทั้งสอง กำลังจะจากไป

หัสดินพูดกับเรนนี่สองสามประโยค แล้วก้าวมาข้างหน้า เดินมาขวางยู่ยี่ไว้ “เรื่องรายละเอียดของงานโปรเจกต์ ส่งให้ผม ผมต้องการมัน”

ยู่ยี่พยักหน้า แสดงความเข้าใจ หัสดินมองดูเธอด้วยสายตาที่หม่นหมองของ ราวกับมีความเยือกเย็น ตั้งแต่ต้นจนจบ เกิดความปวดร้าวเล็กน้อย

หลังจากนั้น หัสดินก็ไม่พูดอะไรอีก แล้วเดินทางตรงเข้าไปที่บริษัท น่าจะไปหาผู้จัดการหรือท่านประธาน ยู่ยี่ก้าวเดินไปอีกทิศทางที่ตรงข้าม

เรนนี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองเห็นทุกการกระทำของทั้งสองไว้ทั้งหมด รู้สึกได้ว่า ระหว่างทั้งสองนั้นหมดสิ้นความรู้สึกดีๆกันแล้วจริงๆ ความสัมพันธ์ตัดขาดจบสิ้นอย่างสมบูรณ์

หลังจากนั้น เธอถึงจากก้าวเดิน ออกจากบริษัท

ตอนเที่ยงนั้นฉันทัชมารับยู่ยี่ไปทานอาหารกลางด้วยกัน ในขณะจะทานซุปปลา กลับได้กลิ่นคาวปลา จึงทำให้ยู่ยี่รู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย

ฉันทัชขมวดคิ้ว แล้วสั่งพ่อครัวทำอาหารรสอ่อนๆอีกจาน คราวนี้ ยู่ยี่ถึงจะทานได้เล็กน้อย

“ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าการตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ลำบาก เห็นคุณเป็นแบบนี้แล้ว ผมรู้สึกว่ามันช่างลำบากมาก……” ฉันทัชตบหลังเธอเบาๆ

“ไม่มีการได้รับผลตอบแทนโดยไม่ลงทุนหรอกค่ะ การคลอดลูก ก็ต้องลงแรงเหมือนกันค่ะ แต่ฉันรู้สึกมีความสุขมากนะคะ ไม่ลำบากแม้แต่นิดเดียวค่ะ”ยู่ยี่มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่

ริมฝีปากเบาถอนหายใจเล็กน้อย ฉันทัชโอบกอดเธอไว้ แล้วจูบ “อีกสองสามวัน ผมจะกลับฮ่องกงแล้ว และยังต้องไปปักกิ่งอีกด้วย ไปกับผมนะ……”

“ฉันอยู่ที่เมืองSก็ดีอยู่แล้วค่ะ ”ยู่ยี่ไม่อยากไป

ฉันทัชจ้องมองเธอ อย่างไม่ละสายตา แล้วเอ่ย “อีกไม่กี่วัน ก็วันตรุษจีนแล้วนะ การกลับไปครั้งนั้น ถือเป็นการไปรวมฉลองวันตรุษจีน หากในครั้งนี้คุณไม่ไปกับผม เราจะไม่ได้เจอหน้ากันอีกนานเลยนะ ”

“สุดท้ายคุณก็ต้องกลับมาอยู่ดี ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ทำตัวติดคนรักขนาดนั้น ”

“ไม่คิดถึงผมเหรอ ”

“คิดถึงค่ะ แต่ฉันรู้ ว่าคุณต้องกลับมาอยู่แล้วนี่ค่ะ”

ฉันทัชยกนิ้วยาวนวดคลึงขมับ ดวงตาสีเข้มอยู่แล้วในขณะนี้ยิ่งก็เข้มดำไปอีก “ผมต้องคิดถึงคุณ จนทนไม่ไหวแน่ ”

ยู่ยี่ยิ้มเบาๆ แล้วดื่มน้ำซุป “เพราะฉะนั้น คุณต้องรีบกลับมา ฉันจะรอคุณอยู่ตรงนี้นะคะ ตอนนี้กำลังตั้งท้องอยู่ ไปๆมาๆ ฉันรู้สึกเหนื่อยค่ะ ”

เมื่อได้ยินความว่าเหนื่อย ความคิดที่จะให้เธอไปด้วยของฉันทัชนั้นก็หายไปทันที

ตอนนี้ เธอเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว กำลังตั้งครรภ์อยู่ จึงไม่สามารถไปๆมาๆแน่นอน การขึ้นเครื่องบิน ก็ทรมานนั่นแหละ หากเกิดอาการแพ้ท้องอีกล่ะ ต้องทรมานมากแน่ เป็นเขาเอง ที่ไตร่ตรองไม่รอบคอบเอง

……

เมื่อเรนนี่อาบน้ำเสร็จก็เดินออก โดยในกายสวมใส่ชุดนอนไว้ ซึ่งเซ็กซี่มาก เป็นชุดที่ได้รับมอบเมื่อตอนแต่งงาน

ประตูห้องผลักออกมา หัสดินเดินเข้ามา ซึ่งได้ทำการดื่มไปไม่น้อย ในตอนนี้ ทั้งร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า ดึงเนกไทออก แล้วเดินไปเข้าในห้องน้ำ

เรนนี่ไม่วางใจ จึงเดินตามหลังเข้าไป ทำการถอดเสื้อ และ กางเกงสูทจากร่างกาย มือวางอยู่บนอกเขา ช่วยเขาอาบน้ำ

ซึ่ง หัสดินดื่มหนักไปหน่อย มือใหญ่ดึงร่างของเธออย่างไม่เบามือ พาเธอเข้ามาที่อ่างอาบน้ำ จากนั้นก็ทับร่างกายลงไป

แน่นอนเรนนี่เต็มใจรับมันเอาไว้

เขามาอย่างเร่าร้อน เธอก็ร้องอย่างยั่วยวน

และ ในช่วงสุดท้าย หัสดินหมอบลงข้างเธอ และพูดสองคำออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำที่ป่นความโมโห สองคำนั้นก็คือยู่ยี่

ความไม่พอใจพุ่งเข้ามาในอกเรนนี่ในทันที นี่มันถือว่าเป็นอะไรกันแน่ นอนกับเธอ แต่กลับเรียกชื่อยู่ยี่

แม้ว่า เขาจะเรียกชื่อยู่ยี่ด้วยน้ำเสียงที่โมโห แต่เรนนี่ก็ไม่สามารถให้อภัยได้