“ตกใจนิดหน่อยค่ะ” มายมิ้นท์พยักหน้า “คุณเกศวดีไม่ควรอยู่ที่เมืองน้ำรุ้งเหรอคะ? ทำไมจู่ๆถึงมาที่เมืองเดอะซีละคะ?”
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ก็คือเกศวดี ลูกสาวตระกูลเสนาประกรแห่งเมืองน้ำรุ้งที่สนิทสนมกับส้มเปรี้ยว
ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ส้มเปรี้ยวเคยถูกคนของราเม็งลักพาตัวไปครั้งหนึ่ง เกศวดีและตระกูลภักดีพิศุทธิ์คิดว่ามายมิ้นท์เป็นคนทำ ดังนั้นเพื่อแก้แค้นให้ส้มเปรี้ยว เกศวดีจึงใช้อำนาจของตระกูลเสนาประกรให้ธนาคารมาทวงเงินกู้มายมิ้นท์ ทำเอาเทนเดอร์กรุ๊ปเกือบจะซวย
โชคดีที่สุดท้ายเธอใช้วิธีที่เปปเปอร์เสนอให้แก้ไขหายนะได้ทันเวลา และในเวลาเดียวกันก็ทำให้ตระกูลเสนาประกรถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพราะว่าเข้าไปยุ่งเรื่องของเมืองอื่น ในฐานะหัวโจกอย่างเกศวดี เธอถูกตระกูลเสนาประกรเรียกตัวกลับเมืองน้ำรุ้ง จากนั้นก็ไม่เคยโผล่หน้ามาอีกเลย
มายมิ้นท์คิดว่าหลังจากเหตุการณ์นั้น ตระกูลเสนาประกรคงไม่มีทางปล่อยเกศวดีออกมาจากเมืองน้ำรุ้งอีก คิดไม่ถึงว่าเธอจะคิดผิดไป
“เมืองเดอะซีคือบ้านของสามีฉัน คุณคิดว่าทำไมฉันถึงมาที่นี่ล่ะ?” เกศวดีพูดด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเป็นมิตร
มายมิ้นท์เลิกคิ้ว “ขอโทษนะคะคุณเกศวดี ฉันลืมไปว่าคุณกับคุณเลอแปง ตระกูลลิลิตประกายสิทธิ์เป็นสามีภรรยากัน”
โทษเธอไม่ได้
ที่จริงแล้วเลอแปงไม่ได้ชอบเกศวดี ถ้าเกศวดีอยู่ที่เมืองเดอะซี เลอแปงต้องอยู่ที่เมืองอื่นแน่นอน เขาอยากจะอยู่ให้ไกลจากเธอ แล้วยังพูดแบบนี้ในที่สาธารณะ บอกว่าไม่อนุญาตให้ใครพูดว่าเขาและเกศวดีเป็นสามีภรรยากัน
ไม่อย่างนั้น เขาไม่มีวันให้คนคนนั้นมีชีวิตที่สงบสุขแน่นอน ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ก็ไม่มีใครพูดว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากัน แล้วมันก็ทำให้ใครหลายคนเริ่มลืมไปว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากัน
เหมือนกับมายมิ้นท์!
ได้ยินคำพูดของมายมิ้นท์ สีหน้าของเกศวดีก็เปลี่ยนไป
หน้าตาของเธออยู่ในระดับกลาง รูปร่างสูง ถ้าเธอตัดผมสั้นและใส่สูท ก็คงจะดูเป็นสาววัยรุ่นที่ความเป็นผู้ใหญ่
แต่เพราะว่าเลอแปงชอบผู้หญิงสวย ดังนั้นเกศวดีจึงมักจะแต่งตัวสวยตลอด ทาลิปสติกสีแดงทุกวัน
เดิมทีเธอไม่เหมาะกับการแต่งหน้าแบบนี้อยู่แล้ว แต่เพื่อเอาชนะใจเลอแปง เธอกลับพยายามแต่งหน้าแต่งตัวที่ไม่เหมาะสมกับตัวเอง ทำให้เธอทำสีหน้าอะไรนิดหน่อยก็ดูไม่สวย
ดังนั้นแค่คิดก็รู้ว่า สีหน้าของเธอเมื่อกี้ มันน่ากลัวแค่ไหน
“เพราะวาสนาของเธอ ตอนนี้ฉันกับเลอแปงหย่ากันแล้ว” เกศวดีบีบฝ่ามือตัวเองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
มายมิ้นท์แปลกใจ “หย่ากันเพราะวาสนาของฉัน? ขอโทษนะคะคุณเกศวดี ฉันไม่ค่อยเข้าใจว่าคุณหมายความว่าอะไร คุณกับคุณกับคุณเลอแปงหย่ากัน มันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”
สำหรับเรื่องที่พวกเขาหย่ากัน มายมิ้นท์ไม่ได้แปลกใจอะไร
เลอแปงเอะอะโซญวายอยากหย่ากับเกศวดีทุกปี ตอนนี้ยังไม่หย่า ต่อไปก็ต้องหย่าอยู่ดี
แต่เธอแค่สงสัยว่า ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงบอกว่าเพราะวาสนาของเธอ
หรือว่า การที่พวกเขาหย่ากัน เธอเป็นคนยุยงอย่างนั้นเหรอ?
ตลก!
แต่ว่าเกศวดีคิดแบบนั้นจริงๆ
เธอมองมายมิ้นท์ด้วยสายตาที่มืดมนและเย็นชา “แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับเธอ เดิมทีถ้าฉันไม่ยอมหย่า เลอแปงก็ไม่มีทางหย่ากับฉัน แต่เปปเปอร์เป็นคนช่วยเลอแปง มันถึงทำให้การแต่งงานของฉันและเลอแปงต้องจบลงแบบนี้ และหลังจากที่เปปเปอร์ยกเลิกงานหมั้นกับส้มเปรี้ยว เขาก็วิ่งไล่จีบเธอตลอด อยากจะจีบเธอกลับมา นี่คือความจริงที่ทุกคนในแวดวงรู้กันหมด และครั้งก่อนฉันเคยเล่นงานเธอ เปปเปอร์ก็เลยทำลายงานแต่งงานของฉัน เขาแก้แค้นให้เธอไง!”
ได้ยินแบบนี้ มายมิ้นท์ก็ตกใจ
เรื่องจริง เป็นแบบนี้จริงๆเหรอ!
ในนี้ มีเรื่องของเปปเปอร์ด้วย!
แต่…
มายมิ้นท์หายใจเข้าลึกๆ เธอพยายามระงับหัวใจที่เต้นแรงและพูดอย่างเย็นชา “เธอมีหลักฐานอะไรบอกรว่าเปปเปอร์ทำแบบนี้ ก็เพราะว่าแก้แค้นให้ฉัน?”
“ยังต้องการหลักฐานอีกเหรอ?” เกศวดียิ้มเยาะเย้ย “เรื่องราวเป็นเหมือนที่ฉันพูดรึเปล่า เธอก็ไปถามเปปเปอร์สิ”
มายมิ้นท์เม้มริมฝีปาก “ฉันจะไปถามเขาแน่นอน”
“แล้วเธอจะมาถามฉันทำไม?” เกศวดีมองเธอด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “แต่พวกเธอทำลายงานแต่งงานของฉัน ทำลายความรักของฉัน แค้นนี้ฉันไม่มีวันลืม!”
เมื่อเธอมีโอกาส เธอก็จะให้พวกเขาได้รับรู้ความเจ็บปวดนี้เหมือนกัน!
มองดูเกศวดีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้น มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
จู่ๆเกศวดีก็สงบสติอารมณ์ลงแล้วพูดว่า “แต่มีเรื่องหนึ่ง ที่ฉันต้องขอบคุณเธอ”
“หมายความว่าอะไร?” มายมิ้นท์หรี่ตาลง
เกศวดียิ้มมุมปาก “นั่นก็คือเรื่องของส้มเปรี้ยว เธอโค่นล้มส้มเปรี้ยว นี่คือเรื่องที่ฉันคิดไม่ถึง”
เพราะว่าแก้แค้นให้ส้มเปรี้ยว ตระกูลเสนาประกรของเธอจึงถูกตรวจสอบ จากตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองน้ำรุ้ง ตกลงมาอยู่ที่อันดับห้าในตอนนี้ ทุกคนในตระกูลเกลียดเธอ คิดว่าเธอคือตัวซวย ทำให้ตระกูลตกต่ำ ล้วนแต่ไม่อยากเห็นหน้าเธอ เธอไม่มีที่ให้ยืนในตระกูลเสนาประกรเลยแม้แต่น้อย
เธอไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องเปลี่ยนความน้อยใจทั้งหมดให้กลายเป็นความเคียดแค้น และเกลียดส้มเปรี้ยว
ถ้าไม่ใช่เพราะส้มเปรี้ยว เธอไม่มีทางเป็นแบบนี้ จากคุณหนูที่สูงส่ง กลายเป็นลูกสาวนอกสมรสที่คตระกูลไม่ต้องการ ทำให้เธอต้องหย่ากับเลอแปง แม้แต่บ้านของตระกูลเสนาประกรก็เข้าไปไม่ได้ ต้องอยู่ข้างนอกเท่านั้น
เดิมที่เธออยากจะหาโอกาสมาจัดการส้มเปรี้ยวที่เมืองเดอะซี แก้แค้นให้ตัวเอง แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะมาช้าไปแค่ก้าวเดียว
ส้มเปรี้ยวถูกมายมิ้นท์จัดการไปแล้ว
แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้ไม่เสียเวลา เดี๋ยวเธอไปเยี่ยมส้มเปรี้ยวที่โรงพยาบาลนักโทษที่ส้มเปรี้ยวรักษาตัวอยู่ ไปหัวเราะเยาะส้มเปรี้ยว จากนั้นก็จะได้กลับมาจัดการมายมิ้นท์แค่คนเดียว
มายมิ้นท์คิดไม่ถึงว่าเกศวดีจะขอบคุณตัวเอง ที่ตัวเองโค่นล้มส้มเปรี้ยว
“พวกเธอเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ? เธอขอบคุณฉัน ที่ฉันจัดการเพื่อนเธอ?” มายมิ้นท์พูดด้วยสายตาที่เยาะเย้ย
ที่จริงมิตรภาพของพวกเธอก็เป็นแบบนี้
เกศวดีพูดด้วยสีหน้าที่ดุร้าย “ฉันไม่ใช่เพื่อนส้มเปรี้ยว แล้วฉันก็ไม่มีเพื่อนแบบส้มเปรี้ยว”
เธอดีกับส้มเปรี้ยว จึงคิดเองว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดต่อส้มเปรี้ยว
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ตัวเองจะดีกับเธอจนเอาตระกูลเสนาประกรเข้ามาเกี่ยวข้อง
ในช่วงที่เธอถูกขังอยู่ที่บ้าน เธอคิดอะไรมากมาย จากนั้นก็ตระหนักได้ว่า ส้มเปรี้ยวไม่เคยเห็นเธอเป็นเพื่อน แต่กลับเห็นเธอเป็นเพียงเครื่องมือ
แค่ส้มเปรี้ยวร้องไห้ ทำสีหน้าลำบากใจ เธอกับขนมผิงก็ราวกับถูกทำคุณไสย ออกหน้าแทนส้มเปรี้ยวโดยที่ไม่คิดอะไรทั้งนั้น
เกรงว่าตอนที่เธอและขนมผิงออกหน้าแทนส้มเปรี้ยว ส้มเปรี้ยวคงจะหัวเราะเยาะว่าพวกเธอโง่อยู่ข้างหลัง
แต่เธอไม่เคยคิดว่าส้มเปรี้ยวจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ควบคุมคนอื่นให้อยู่ในกำมือของตัวเองเก่งขนาดนี้
ดังนั้น เธอถึงได้เกลียดส้มเปรี้ยวขนาดนี้
เห็นท่าทีขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของเกศวดี มายมิ้นท์ก็ยักไหล่ “ฉันไม่สนใจว่าเธอกับส้มเปรี้ยวเป็นเพื่อนกันรึเปล่า ฉันก็แค่ถาม เอาล่ะคุณเกศวดี ฉันเลือกชุดได้แล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”
เธอหยิบชุดเดรสปาดไหล่หางปลาสีดำออกมาจากราว จากนั้นก็เดินไปที่เคาน์เตอร์
ชุดสีดำกับเครื่องประดับสีเขียว เข้ากันที่สุด การชนกันของสีดำและสีเขียว คือสีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
เกศวดีมองดูแผ่นหลังของมายมิ้นท์ เธอไม่ได้ห้ามมายมิ้นท์ แต่เธอสายตาเป็นประกาย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ในตอนนี้เอง ที่นวบดินทร์กรุ๊ป
เปปเปอร์กำลังจัดการเอกสาร ผู้ช่วยเหมันตร์เคาะประตูเดินเข้ามา “ประธานเปปเปอร์ครับ คนที่จับตาดูราเม็งบอกว่า ดูเหมือนราเม็งจะเจอเบาะแสขององอาจแล้วครับ”
“อะไรนะ?” เปปเปอร์หยุดเขียนปากกาในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา “ที่ไหน?”
“ที่ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินครับ ราเม็ง ส่งคนไปที่นั่น เลยเดาว่าองอาจน่าจะแอบลักลอบขึ้นฝั่งที่นั่นครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
สายตาของเปปเปอร์เป็นประกาย “เป็นเหมือนที่คิดไว้จริงๆ ทักษะแฮ็กเกอร์ของราเม็งไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่งั้นเขาไม่มีทางหาเบาะแสที่องอาจแอบลักลอบขึ้นฝั่งเจอแน่นอน”
คนที่แอบลักลอบขึ้นฝั่ง ไม่มีทางใช้เอกสารตัวจริงของตนเอง ล้วนแต่ใช้เอกสารปลอมหรือไม่ก็ไม่ใช้อะไรเลย แล้วอาจจะปลอมตัว ไม่มีทางแตะต้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพราะกลัวว่าจะถูกแฮ็กเกอร์จับได้
เขาไม่เชื่อว่าองอาจที่แอบลักลอบขึ้นฝั่งจะไม่รู้เรื่องนี้ องอาจต้องรู้แน่นอน แต่ก็ถูกราเม็งจับได้แล้ว แค่คิดก็รู้ว่า ราเม็งน่ากลัวมากแค่ไหน