“กลับ” เปปเปอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ผู้ช่วยเหมันตร์แปลกใจ “กลับ? ไม่เอาชุดไปให้คุณมายมิ้นท์แล้วเหรอครับ?”
“นายคิดว่าเธอต้องการอยู่ไหม?” เปปเปอร์ซ่อนความมืดมนไว้บนใบหน้าครึ่งหนึ่งแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
ผู้ช่วยเหมันตร์เงียบ
ที่จริงแล้ว คุณมายมิ้นท์ใตอนนี้ กำลังกอดอยู่กับลาเต้
เขากับประธานเปปเปอร์เข้าไป มันไม่เหมาะสมจริงๆ
ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่พูดอะไร เขาสตาร์ทรถเงียบๆ
ระหว่างทาง เปปเปอร์ไม่พูดไม่จา ทั้งตัวของเขาอบอวลไปด้วยกลิ่นอายที่มืดมน ทำให้บรรยากาศในรถดูกดดันและอึดอัด
ผู้ช่วยเหมันตร์ทนไม่ไหว เขาดึงเนคไทและกระแอมเบาๆ “ประธานเปปเปอร์ครับ คุณแคร์พฤติกรรมของคุณมายมิ้นท์และคุณลาเต้เมื่อกี้เหรอครับ?”
เปปเปอร์หรี่ตาลง
แน่นอนว่าเขาแคร์
ไม่มีใครชอบเห็นผู้หญิงที่ตัวเองรักไปกอดผู้ชายคนอื่นหรอก
เห็นเปปเปอร์ไม่ตอบ ผู้ช่วยเหมันตร์ก็จับผลักแว่นแล้วพูดว่า “งั้น ประธานเปปเปอร์ครับ ถ้าคุณมายมิ้นท์คบกับคุณลาเต้จริงๆ คุณจะทำยังไงครับ?”
สายตาของเปปเปอร์มีความสับสน
มายมิ้นท์คบกับลาเต้ เขาจะทำยังไง?
สำหรับเรื่องนี้ เขาไม่เคยคิดมาก่อน
ถ้าเป็นก่อนหน้าวันนี้ แน่นอนว่าเขาต้องยอมรับความจริง ถึงแม้ว่าความจริงนี้มันจะทำให้เขาเจ็บปวด เขาก็ต้องยอมรับ
เพราะเขายังหาความหวังที่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไม่เจอ
เขาหวังว่า ต่อไปเธอจะมีชีวิตที่มีความสุข เพราะชีวิตของเธอยังอีกยาวไกล
แต่ตอนนี้เขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว แน่นอนว่าเขารับไม่ได้ถ้ามายมิ้นท์ไปคบกับผู้ชายคนอื่น
แต่ถ้าเธอคบกับผู้ชายคนอื่นจริงๆ เขาก็จะห้าม จะทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้
แบบนั้น มันจะทำให้เธอจะเกลียดเขา
ดังนั้น ตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆว่าต้องทำยังไง
เขารับไม่ได้ถ้ามายมิ้นท์คบกับคนอื่น แล้วตัวเองก็ไปทำลายความสัมพันธ์ของเธอและคนอื่นไม่ได้
ตอนนี้เขาปล่อยเธอไปไม่ได้แล้วก็ยื่นมือออกไปจับเธอไว้ไม่ได้
ความรู้สึกนี้ มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน!
เห็นว่าเปปเปอร์ไม่มีปฏิกิริยาอะไร ผู้ช่วยเหมันตร์ก็ถอนหายใจ
ในฐานะผู้ช่วยของประธานเปปเปอร์ อยู่กับประธานเปปเปอร์มาสิบสองปี พูดได้ว่า นอกจากท่านย่า คนที่รู้จักประธานเปปเปอร์ดีที่สุดก็คือเขา
ดังนั้นเมื่อเห็นสีหน้าของประธานเปปเปอร์ เขาก็รู้ว่าประธานเปปเปอร์คิดอะไรอยู่
ดูเหมือนว่า เขาต้องไปสืบว่าคุณมายมิ้นท์และลาเต้คบกันแล้วจริงรึเปล่า
ถ้าจริง ประธานเปปเปอร์อาจจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกครั้ง
ถ้าไม่จริง แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดี
ชั้นล่างของคอนโดพราวฟ้า
มายมิ้นท์ถูกลาเต้กอดอยู่พักหนึ่ง ระหว่างนั้นยังมีคนที่เดินผ่านไปมามองพวกเขาเป็นครั้งคราว
บางคนอาจจะคิดว่าพวกเขาเป็นแฟนกัน เห็นพวกเขากอดกันยังพูดว่า ‘หวานกันจังเลย’ ‘สองคนนี้รักกันดีจังเลย’ มายมิ้นท์ได้ยินเช่นนี้ก็หน้าแดง เธอกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เธอกลัวว่าคนจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ มายมิ้นท์รีบผลักลาเต้ออก
ลาเต้ถอยออกไปข้างหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว จากนั้นก็มองเธอด้วยสายตาที่ซับซ้อน
มายมิ้นท์เอียงหัว “ลาเต้ คุณเป็นอะไรกันแน่?”
ลาเต้อ้าปาก ดูเหมือนอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอะไร เขาส่ายหน้าแล้วยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่เป็นอะไร ดึกมากแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ”
“ไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ?” มายมิ้นท์ไม่เชื่อเขา
วันนี้เขาแปลกๆ
รวมถึงเขาในตอนนี้ มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
ลาเต้พยักหน้า “ไม่เป็นไรจริงๆ คุณรีบกลับไปเถอะ”
เขาโบกมือ
เห็นว่าเขาไม่ยอมพูด มายมิ้นท์ก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ได้ งั้นฉันกลับก่อนนะ คุณก็รีบกลับไปเถอะ ถึงแล้วอย่าลืมบอกฉันด้วย”
“อืม” ลาเต้พยักหน้า
มายมิ้นท์ถือกระเป๋า หันหลังแล้วเดินเข้าไปในคอนโด
ลาเต้มองเธออยู่อย่างนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะหายไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ไปไหน เขาหยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋า หยิบออกมาจุดแล้วสูบอย่างแรง
ควันบุหรี่ที่พ่นออก ควันสีขาวที่หนาทึบลอยขึ้นไปในอากาศ ปกคลุมใบหน้าของเขาไปครึ่งหนึ่ง ทำให้คนมองไม่เห็นสีหน้าของเขา
เดิมทีเขาคิดว่า เขาจะสารภาพรักเธอวันนี้
ถือโอกาสตอนที่เธอยังไม่รู้ว่าตัวเองตกหลุมรักเปปเปอร์อีกครั้ง บอกให้เธอรู้ทุกอย่างก่อน
บางที เธอออาจจะตอบตกลงคบกับเขา เพราะเห็นแก่มิตรภาพหลายปีของพวกเขา
ดังนั้นตอนนั้น เขาถึงได้ลงมาจากรถแล้ววิ่งมากอดเธอ
แต่สุดท้าย เขาก็แพ้ให้กับความไร้ประโยชน์ของตัวเอง
เขาไม่กล้าที่จะสารภาพรักกับเธอ
เขากลัว กลัวว่าถ้าเธอไม่ตอบตกลงคบกับเขา บอกเขาตรงๆว่าไม่เธอชอบเขา แบบนั้นต่อไป พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ได้เป็นแฟนกัน แม้แต่เพื่อนก็เป็นไม่ได้แล้วใช่ไหม?
เพราะเขาสารภาพรักเธอ ตั้งแต่วินาทีที่เขาสารภาพรัก ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่มิตรภาพที่เรียบง่ายอีกต่อไป และเพราะว่าเธอปฏิเสธเขา เธออาจจะรู้สึกผิดต่อเขา แล้วพยายามหลบหน้าเขา
แล้วหลังจากนั้น มิตรภาพของพวกเขาก็จะค่อยๆห่างเหิน…
เขาไม่อยากให้ความสัมพันธ์สุดท้ายของพวกเขากลายเป็นแบบนั้น ดังนั้นสุดท้ายแล้ว เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไร
เขี่ยบุหรี่ ลาเต้ก้มหน้าแล้วยิ้มอย่างเยาะเย้ย
เป็นเหมือนที่คิดไว้จริงๆ เขาคือผู้ชายที่ไร้ประโยชน์ที่สุดบนโลกใบนี้
กลัวนั่นกลัวนี่ แล้วยังคิดมาก ดังนั้นจึงทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง!
คืนนั้น ไม่ว่าจะเป็นลาเต้ มายมิ้นท์ หรือว่าเปปเปอร์ พวกเขาล้วนแต่นอนไม่หลับ ล้วนแต่มีเรื่องอะไรในใจ
วันต่อมา เมื่อมายมิ้นท์มาถึงเทนเดอร์กรุ๊ป เธอดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา ดูเฉื่อยๆ นั่งหาวอยู่ในห้องทำงานตลอด
เลขาซินดี้เข้ามาเอาเอกสาร เห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วง “ประธานมายมิ้นท์คะ เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอคะ?”
มายมิ้นท์ถือแก้วกาแฟขึ้นมาแล้วยิ้ม “คงจะเป็นแบบนั้น”
“คุณจะไปพักผ่อนที่ห้องพักผ่อนไหมคะ? วันนี้ไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่” เลขาซินดี้ถาม
มายมิ้นท์ส่ายหน้า “ไม่เป็นไร วันนี้ฉันยังมีธุระ ต้องไปซื้อชุดที่ห้างสรรพสินค้า”
“ซื้อชุด?” เลขาซินดี้สงสัย “ประธานมายมิ้นท์จะไปออกงานเหรอคะ?”
“อืม วันเกิดครบรอบแปดปีของท่านย่าใกล้จะถึงแล้ว” มายมิ้นท์ยักหน้า
ทันทีที่เธอพูดแบบนี้ เลขาซินดี้ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเป็นวันเกิดของท่านย่าตระกูลนวบดินทร์
“เลื่อนตารางงานช่วงบ่ายของฉันออกไปก่อน มันไม่ได้สำคัญอะไร สำหรับเอกสารที่ฉันต้องเซ็น ก็เอามาวางไว้ที่ห้องทำงานของฉันก็ได้ เอกสารฉบับไหนไม่ต้องเซ็น เธอก็จัดการได้เลย” มายมิ้นท์พูดแล้ววางแก้วกาแฟลง
เลขาซินดี้พยักหน้าเบาๆ “โอเคค่ะประธานมายมิ้นท์ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
เธอกอดกองเอกสารที่ต้องแจกจ่ายออกไป
มายมิ้นท์อืมแล้วพูดว่า “ไปเถอะ”
เลขาซินดี้เดินออกไป
ถึงตอนเที่ยง กินข้าวเที่ยงเสร็จ มายมิ้นท์ก็ออกไปจากเทนเดอร์กรุ๊ป ไปเลือกชุดที่เหมาะกับเครื่องประดับที่ท่านย่าส่งมาให้ที่ห้างสรรพสินค้า
และตอนที่มายมิ้นท์ยืนเลือกชุดอยู่หน้าราวเสื้อผ้า ก็มีเสียงรองเท้าส้นสูงดังขึ้นมาข้างหลังเธอ
มายมิ้นท์คิดว่าเป็นลูกค้าคนอื่น เธอจึงไม่ได้หันไปมอง
จากนั้น เสียงรองเท้าส้นสูงก็เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ สุดท้ายมีรูปร่างที่ผอมบางเดินมาหยุดอยู่ข้างเธอ ยื่นมือออกไปเลือกชุดบนราวเดียวกับเธอ
“มายมิ้นท์ ไม่เจอกันนานเลย” ผู้หญิงคนนั้นทักทาย แล้วยังรู้จักมายมิ้นท์
มายมิ้นท์ตกใจ ปฏิกิริยาแรกก็คือเสียงนี้ทำไมมันคุ้นหูแบบนี้ ราวกับว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่กลับคิดไม่ออก
เธอรีบปล่อยชุดที่อยู่ในมือออกแล้วหันหน้าไปดู เห็นใบหน้าที่เธอรู้จัก สายตาของเธอก็มีความตกใจ
แต่ว่า ความตกใจนั้นมันหายไปอย่างรวดเร็ว มายมิ้นท์เก็บอาการของตัวเองแล้วทักทายเธออย่างมีมารยาทและห่างเหิน “คุณเกศวดี ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
เกศวดีก็วางชุดในมือลง เธอหันหน้ามามองหน้ามายมิ้นท์ “เจอฉันคุณตกใจมากเหรอ?”