เงาร่างสีขาวปรากฏขึ้น มู่เฉียนซีรู้จักนาง

นางคือลูกศิษย์อัจฉริยะคนเล็กของอาจารย์ปากสุนัขผู้ที่ชอบกล่าวประชดประชันอาจารย์ใหญ่หวงฝู่ นามว่าไป๋เหลิ่งชวง

ไป๋เหลิ่งชวงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าหุบเขาหมอเทวดานั้นพัฒนามากขึ้นไปกว่าเดิมอีก เมื่อเหนือกว่าผู้อื่นมากมายเช่นนี้ยังจะมีหน้ากล้ามาแย่งสมุนไพรวิญญาณของผู้อื่นอีก”

ดูท่าทางแล้ว เหมือนไป๋เหลิ่งชวงจะมาเพื่อช่วยนาง นั่นทำให้มู่เฉียนซีประหลาดใจอยู่บ้าง

“ไป๋เหลิ่งชวง เจ้าอย่าบอกข้านะว่าเจ้าไม่อยากที่จะเข้ามาแย่งชิงกับเขาด้วย”

“ข้าอยากที่จะแย่งผลหยกวิญญาณขาวนี่หรือไม่นั่นเป็นเรื่องของข้า แต่เจ้าไม่สามารถที่จะแย่งของของนางไปได้!” ไป๋เหลิ่งชวงกล่าว

“เจ้าคิดจริงเหรอ ว่าข้าจะกลัวเจ้า?” อวี้เหลียนชิงได้เปิดฉากลงมือกับไป๋เหลิ่งชวงในทันที หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็จัดการมันเสียทีเดียวสองคนเลยมิใช่เรื่องใหญ่

ปัง!

แม้แต่อวี้เหลียนชิงเองก็นึกไม่ถึงเลยว่า พลังความสามารถของหญิงสาวตรงหน้าผู้นี้จะอ่อนแอกว่าเขาเพียงไม่มากนักเท่านั้น

ไป๋เหลิ่งชวงนั้นเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอน สิ่งที่เจ้าเฒ่าจ้าวซือคอยทะนงตนอยู่นั้นมิใช่เรื่องที่ไร้มูลเหตุ

พลังวิญญาณของเหลิ่งชวงนั้นมิได้ต่างขั้นอะไรกับศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากตาเฒ่าแห่งหุบเขาเทวดามากนัก แต่เพียงแค่ความสามารถในการปรุงยายังห่างขั้นกันอยู่บ้างก็เท่านั้นเอง

แม้จะไม่รู้ว่าทำไมไป๋เหลิ่งชวงถึงได้ช่วยนาง ถึงกระนั้นมู่เฉียนซีก็มิอาจที่จะปล่อยให้นางต้องรับมือกับพวกต่ำช้าหน้าด้านของหุบเขาเทวดาด้วยตัวคนเดียวได้

ฟึบ ฟึบ ฟึบ! เข็มยาของมู่เฉียนซีได้พุ่งออกจากมือของนางไป มันได้พุ่งออกไปโดยทำมุมโจมตีนานาชนิดที่ยากจะรับมือได้

สีหน้าของอวี้เหลียนชิงที่กำลังเปิดฉากต่อสู้กับไป๋เหลิ่งชวงอยู่นั้นได้ซีดเผือดลงและหลบเข็มนั้นอย่างรีบร้อน เขากล่าวขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว “บ้าจริง! เจ้ากล้าลอบโจมตีแถมยังวางยาพิษอีกต่างหาก!”

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าสามารถที่จะแย่งชิงสมุนไพรวิญญาณของข้าได้ แต่ข้ากลับไม่มีสิทธิ์ที่จะลอบโจมตีเจ้าได้?”

เมื่อถูกรุมโจมตีจากหญิงสาวทั้งสอง อวี้เหลียนชิงนั้นพลันรู้สึกได้ทันทีว่ามิอาจรับมือได้ และหากเป็นเช่นนี้ต่อไปผู้ที่เสียเปรียบนั่นก็จะมีเพียงแค่ตัวเขาเอง

เขาแค่นเสียงเย็นชากล่าว “บุรุษที่ดีไม่ต่อสู้กับสตรี ผลหยกวิญญาณขาวนี่ให้เจ้าไปก็แล้วกัน”

“เช่นนั้นเจ้าก็ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!” อวี้เหลียนชิงจากไปด้วยสภาพใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นดิน

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ขอบคุณมาก!”

ไป๋เหลิ่งชวงกล่าวด้วยท่าทางที่สูงส่งและเย็นชา “ข้าก็แค่ไม่อยากให้เจ้าพ่ายแพ้ไปเร็วนัก อย่างไรเสียที่ชั้นที่หนึ่งก็ยังไม่ถือว่าเป็นการประลองที่แท้จริง ในตอนที่เจ้าได้ที่หนึ่งไปข้าก็ได้มองเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่มีความท้าทายเป็นอย่างมากไปแล้ว”

มู่เฉียนซีตะลึงงัน ที่แท้สตรีผู้สูงส่งและเย็นชายื่นมาช่วยเหลือนางด้วยเพราะเหตุนี้นี่เอง

มู่เฉียนซีกล่าว “วางใจได้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง ในหอโอสถแห่งนี้ข้าจะทำการประลองให้เต็มที่”

ไป๋เหลิ่งชวงพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ได้ถอยกลับไป

แน่นอนว่าที่ในหอโอสถนั้นก็มีผู้ที่หาสมุนไพรบางอย่างมาตามอำเภอใจตนและเริ่มการปรุงยาขึ้น แต่เมื่อปรุงยาออกมาเสร็จแล้วนั้นทั้งระดับและคุณภาพของมันไม่ได้เรื่องเลยแม้แต่นิด

ปรากฏว่าเครื่องกลไกวิญญาณแห่งหอโอสถก็ได้ระเบิดอารมณ์ขึ้นมาในทันที

“เจ้าพวกไร้ความสามารถ ยาเม็ดเช่นนี้จะสามารถเข้าตาข้าได้หรือ?”

“ทำยาที่เหมือนดั่งขยะเช่นนี้ออกมา พวกเจ้ารนหาที่ตายหรือยังไง?”

“ไอ้พวกโง่ ข้าโกรธยิ่งนัก!”

อารมณ์ของหอโอสถนั้นรุนแรงขึ้นไปเรื่อย มู่เฉียนซีนั้นสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นของเพลิงไฟอ่อน ๆ ในหอโอสถ

มู่เฉียนซีได้นำหม้อเทพปาฮวงชิงมู่ออกมา และเริ่มการปรุงยาขึ้น

เวลาค่อย ๆ ผ่านไป มู่เฉียนซีก็ได้สกัดยาเม็ดระดับที่เก้าออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ยากระดูกหยก กลิ่นของยานั้นทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นของมันรู้สึกได้ถึงความสบายตัวและสบายใจ

ในตอนนี้เครื่องกลไกวิญญาณที่บ้าคลั่งนั้นได้กลับกลายเป็นอ่อนโยนขึ้นมา “ยาเม็ดระดับเก้า คุณภาพของยาที่สมบูรณ์แบบ เจ้าเยี่ยมนัก! ยอดเยี่ยมยิ่งนัก! ข้าจะส่งเจ้าไปยังชั้นที่สองในทันใด ไปชั้นที่สองแล้วจงแสดงฝีมือให้ดี ข้านั้นคอยจับตาดูเจ้าอยู่เป็นพิเศษ”

เครื่องกลไกวิญญาณนั้นเปลี่ยนไปราวกับถูกปรับแต่งกลไกใหม่ มันน่ารักและทำตัวใกล้ชิดขึ้นเป็นอย่างมาก

ลำแสงสีขาวได้ห่อหุ้มตัวของมู่เฉียนซีเอาไว้และพุ่งขึ้นไปด้านบน และเหล่าผู้ที่อยู่ในชั้นที่หนึ่ง ณ เวลานี้ก็มองเห็นลำแสงนั่นเช่นกัน

“มีคนผ่านแล้ว! มีคนผ่านด่านไปแล้วจริง ๆ”

“ไม่รู้ว่าผู้ที่ผ่านด่านคนแรกและได้ไปยังชั้นที่สองนั้นเป็นใคร แต่ข้าเองก็จะต้องสู้ต่อไปสิถึงจะถูก!”

“……”

อวี้เหลียนชิงกำหมัดเอาไว้แน่น ใบหน้าของเขาได้เผยสีหน้าอันมืดมิดออกมา การปรุงยาเมื่อครู่ของเขานั้นล้มเหลวไปเพราะขาดสมุนไพรวิญญาณ ระดับยาที่เขาปรุงออกมานั้นได้ระดับขั้นที่ต่ำไปหน่อย และเขาก็ได้ถูกหอโอสถด่าเข้าไปชุดใหญ่

แม้แต่ผู้เป็นอาจารย์ของเขาก็ยังไม่เคยด่าเขาด้วยความโกรธเกรี้ยวโดยไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้มาก่อน นั่นจึงทำให้เขาโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่เขาเพิ่งผ่านเรื่องแย่ๆมาก็กลับมีผู้ที่สามารถผ่านด่านไปได้ก่อนแล้ว

ใครกัน ? ใครกันแน่ที่กล้ามาชิงขึ้นไปชั้นที่สองก่อนหน้าเขา!

นั่นจะต้องเป็นมู่เฉียนซีแน่ ๆ นอกจากสตรีผู้นั้นแล้วเขาก็นึกถึงใครอื่นไม่ออก

ให้ตายสิ เขาจะต้องตามขึ้นไปให้ได้อย่างแน่นอน

ไป๋เหลิ่งชวงเองก็ตะลึงงันไปเล็กน้อย นางได้รวบรวมพลังสมาธิทั้งหมดทุ่มเทไปที่การปรุงยา และเตรียมตัวที่จะตามขึ้นไป

ชั้นที่สองนั้นมิใช่ที่ที่มีพื้นที่อย่างกว้างขวาง แต่เป็นห้องขนาดเล็กที่มีพื้นที่เพียงประมาณหนึ่งร้อยตารางเมตรเท่านั้น และในห้องแห่งนี้เต็มไปด้วยกองของสมุนไพรวิญญาณนานาชนิด

มู่เฉียนซีกวาดตามองคร่าว ๆ สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้เป็นสิ่งที่นำมาสกัดเป็นยาที่บริสุทธิ์ได้อย่างยากเย็นแสนเข็ญที่สุด

เสียงของเครื่องกลไกวิญญาณดังขึ้น “สาวน้อย ที่จริงแล้วชั้นที่สองนี้ง่ายดายยิ่งนัก ขอแค่ให้เจ้าสกัดสมุนไพรวิญญาณที่อยู่ในห้องนี้ออกมาเป็นยาที่บริสุทธิ์ให้ได้ทั้งหมดนั่นก็ได้แล้ว แต่แน่นอนว่ามีการจำกัดในเรื่องของเวลาเอาไว้อยู่! ถ้าหากในเวลาหนึ่งวันไม่สามารถสกัดได้ทั้งหมด ในวันต่อไปจะมีจำนวนของสมุนไพรที่เจ้าต้องสกัดเพิ่มขึ้นมาอีกยี่สิบในหนึ่งร้อยส่วน”

“เจ้าสู้ ๆ เข้านะ! เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเจ้าอย่างแน่นอน!”

เครื่องกลไกวิญญาณแห่งหอโอสถมิได้ทำตัวเลวร้ายกับนางเหมือนที่ทำกับผู้อื่น ซ้ำมันยังขายความน่ารักให้แก่นางด้วย นั่นจึงทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดยิ่งนัก

ที่ชั้นแรกคือการหายาสมุนไพร ส่วนชั้นที่สองคือการสกัดให้มันบริสุทธิ์ ดูเหมือนสิ่งที่เรียกว่าการคัดเลือกของหอโสถนั้น จะเป็นการเลือกเอาพื้นฐานหัวใจหลักของการปรุงยาและนักปรุงยาที่มีพรสวรรค์อย่างสมบูรณ์

การทำให้บริสุทธิ์นั้นไม่ได้ยากสำหรับมู่เฉียนซี

เมื่อมู่เฉียนซีได้กระโจนเข้าไปในกองสมุนไพรและเริ่มทำให้สมุนไพรวิญญาณกลายเป็นยาที่บริสุทธิ์อย่างบ้าคลั่ง เพียงเวลาแค่ครึ่งวันนางก็สามารถสกัดมันออกมาได้ทั้งหมดอย่างเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งไวกว่าเวลาที่คาดการณ์เอาไว้ถึงครึ่งหนึ่ง

“โห! สาวน้อยเก่งกาจนัก ข้าเสี่ยวเย่านับถือเจ้าเป็นอย่างมาก! เจ้านั้นได้ทำลายสถิติของชั้นที่สองไปแล้ว โอ้สวรรค์!”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าทำลายสถิติของชั้นที่สองได้ แต่ของชั้นที่หนึ่งข้ากลับทำลายไม่ได้นี่!”

“ความเร็วของเจ้าที่ชั้นที่หนึ่งนั้นช้าไปหน่อย แต่ว่าก็ต้องโทษไอ้เจ้าโง่นั่นที่มาแย่งสมุนไพรวิญญาณกับเจ้าและทำให้เสียเวลา มิเช่นนั้นสาวน้อยก็คงทำลายสถิติของชั้นที่หนึ่งไปแล้ว”

เหตุผลที่ทำให้เครื่องกลไกวิญญาณดีกับมู่เฉียนซีเช่นนี้ก็เพราะมันนั้นดูออกว่ามู่เฉียนซีมีพรสวรรค์ในการปรุงยาที่น่าตกตะลึง

ถ้าหากว่าอวี้เหลียนชิงรู้ว่าตนเองนั้นเป็นเพียงไอ้โง่ในสายตาของเครื่องกลไกวิญญาณละก็ คาดว่าเขาคงได้ระเบิดอารมณ์แน่

“ความรวดเร็วนั้นเร็วเป็นที่สุด! และความบริสุทธิ์ของยาทั้งหมดนั้นก็ล้วนแต่เป็นความบริสุทธิ์ร้อยทั้งร้อยส่วน ต้องบอกเลยว่าเก่งกาจเป็นอย่างมาก!”

ถ้าหากว่าเครื่องกลไกวิญญาณสามารถกลายร่างเป็นคนได้ มันจะต้องพุ่งเข้าไปกอดขาของมู่เฉียนซีอย่างแน่นอน

มู่เฉียนซียิ้มไปตามน้ำแล้วกล่าวขึ้น “เอาละ! ส่งข้าไปที่ชั้นสาม!”

“ได้เลย!” เสี่ยวเย่ากล่าว

มีลำแสงปรากฏขึ้นห่อหุ้มตัวของมู่เฉียนซีอีกครั้ง อวี้เหลียนชิงที่สู้อย่างเอาเป็นเอาตายและเพิ่งจะผ่านขึ้นมาได้ เมื่อเขาได้เห็นลำแสงนั่นมันทำให้เขาโกรธจนแทบกระอักเลือดออกมา

เดิมทีเขาคิดว่าตนนั้นสามารถตามมู่เฉียนซีได้ทันแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่านางได้นำเขาไปอีกก้าวเช่นเก่า!

ทำไมถึงได้ไวเช่นนี้? การทดสอบที่ชั้นที่สองนี่จะต้องง่ายดายและโบราณคร่ำครึเป็นแน่ อวี้เหลียนชิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ

แต่เมื่อเขาได้เห็นว่าทั้งห้องนั้นเต็มไปด้วยสมุนไพรวิญญาณที่ยากจะสกัดเป็นยาที่บริสุทธิ์ได้นั้น ก็รู้ทันทีว่าตนคิดผิด

ส่วนทางมู่เฉียนซีที่ขึ้นไปชั้นที่สามนั้น ชั้นที่สามก็ยังคงเป็นห้องแบบปิดอีกเช่นเก่า และก็ยังคงมีกองสมุนไพรวิญญาณหลากชนิดอีกเช่นเดิม

มู่เฉียนซีถามขึ้น “คราวนี้ การทดสอบคืออะไร?”

“สาวน้อยเจ้าลองเดาดูสิ ถึงแม้ว่าเจ้าทายถูกแล้วจะไม่มีรางวัลอะไรก็ตามที” เสี่ยวเย่าเริ่มขายความน่ารักอีกรอบ