997 ข่ม โดย Ink Stone_Fantasy

“นาง นางตื่นแล้ว!”

ข้างหูโซอี้มีเสียงร้องดังขึ้นมา จากนั้นดาบที่ส่องประกายวิบวับสามสี่เล่มก็มาพาดอยู่บนคอของเธอทันที “

‘อย่าขยับ’ เสียงของอาลิเธียดังขึ้นมาในหัวของเธอ ‘ก่อนที่พวกเราจะยืนยันได้ว่าเจ้าเป็นใคร นอนนิ่งๆ อยู่แบบนี้ไปก่อนจะดีกว่า’

อย่างนี้นี่เอง…เธอสังเกตเห็นนอนอยู่บนเตียงหินที่ปีศาจนอนอยู่ในตอนแรก พร้อมกับมือและเท้าของตัวเองถูกโซ่เหล็กล็อกเอาไว้ ส่วนรอบๆ ก็มีเพื่อนของตัวเองถือดาบยืนล้อมตัวเองเอาไว้ นี่ถือเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดจริงๆ ในตอนที่ยังไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่ในร่างแม่มดอาญาสิทธิ์คือเธอหรือว่าปีศาจ พวกนางจำเป็นต้องล็อกตัวเธอเอาไว้แบบนี้ก่อน นอกจากนี้พวกนางยังไม่ถามด้วยว่าเธอเป็นใคร หากแต่พวกนางจะเป็นคนวิเคราะห์เองว่าเธอเป็นใคร นี่ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความชำนาญของคนที่จัดการเรื่องนี้

เพราะว่าถ้าปีศาจมันยึดร่างของเธอไป ไม่ว่าจะตอบอะไรออกมาก็ล้วนแต่เป็นคำพูดโกหก

ถ้าคาบราดาบีไม่ได้พูดโกหกล่ะก็ เวลาหลายสิบวันในกระแสจิตสำนึกก็น่าจะเท่ากับเวลาไม่กี่นาทีในโลกแห่งความเป็นจริง คนที่สามารถวิเคราะห์และหาวิธีจัดการที่เหมาะสมได้ในเวลาสั้นๆ แค่นี้ เกรงว่าคงมีแต่อาลิเธียเท่านัั้น

มีนางเป็นเพื่อนแบบนี้ เธอก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว

ในขณะที่โซอี้กำลังจะหลับตาแล้วปล่อยให้เพื่อนของเธอเป็นคนจัดการทุกอย่าง ภาพตรงกลางกลุ่มคนกลับทำให้เธอขมวดคิ้วขึ้นมา

นั่นพวกนางกำลังจะทำอะไร?

เธอเห็นด้านล่างของแกนเวทมนตร์มีเตียงหินเพิ่มขึ้นมาอีกหลังหนึ่ง ถึงแม้จะมองไม่ชัดว่าใครนอนอยู่ แต่เมื่อดูจากแม่มดที่ยืนอยู่รอบๆ แล้ว คำตอบก็คงเป็นที่รู้ๆ กันอยู่

เธอรีบคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

หรือว่าพวกนางคิดจะให้ฝ่าบาทโรแลนด์ใช้โลกแห่งความฝันมายืนยันตัวตนเธอ?

ไม่สิ ที่นี่ไม่มีใครจะสั่งโรแลนด์ได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้จริงๆ อย่างนั้นก็น่าเป็นอีกฝ่ายที่เป็นคนเสนอขึ้นมาเอง

แต่…แบบนี้มันก็ไม่ค่อยเหมาะสมเหมือนกัน! ทำไมอาลิเธียถึงเห็นด้วยกับวิธีนี้ได้? นางไม่รู้หรือว่าราชาองค์นี้มีความสำคัญต่อแม่มดอาญาสิทธิ์ขนาดไหน! ยิ่งไปกว่านั้นจากคำพูดของปีศาจทำให้เธอรู้ว่าพวกมันมีความเข้าใจเรื่องเวทมนตร์มากกว่าแม่มดอย่างมาก ถ้าโลกแห่งความฝันสร้างขึ้นมาจากเวทมนตร์จริงๆ ไม่ว่าจะปล่อยปีศาจระดับสูงตัวไหนเข้าไปก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่เสี่ยงอย่างมาก

เมื่อกี้ไม่น่าชมเธอเลย!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ โซอี้ก็ไม่สามารถนิ่งเงียบได้อีกต่อไป “เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งเข้าไปในโลกแห่งความฝัน ข้าคือโซอี้!”

อาลิเธียหรี่ตามองเธอ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร

“ฟังนะ คาบราดาบีมันสามารถบิดเบือนผลของเวทมนตร์ได้ ถ้าให้มันเข้าไปในโลกแห่งความฝัน มันอาจจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็ได้ รีบปลุกฝ่าบาทขึ้นมาเร็ว!”

“โอ้? งั้นเหรอ…เอาจริงๆ นะ นอนอยู่บนแผ่นหินแบบนั้นมันเย็นจนปวดกระดูกเลยล่ะ ถ้าไม่มีผ้าปูเอาไว้ด้านล่าง ข้าก็ไม่มีทางนอนหลับหรอก ถ้าเจ้าเป็นปีศาจ เจ้าก็คงจะพูดแบบนี้เหมือนกัน”

เหนือหัวเธอมีเสียงคุ้นเคยดังขึ้นมา

โซอี้แหงนหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะมองเห็นภาพชายผมสีเทาคนหนึ่งสะท้อนเข้ามาในดวงตาของเธอ นั่นคือโรแลนด์ วิมเบิลดัน ราชาของคนธรรมดา

เธอรู้สึกโล่งใจทันที

ที่แท้เขายังไม่ได้นอนลงไป

ดีจริงๆ

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ร่างกายที่ว่างเปล่าไร้ความรู้สึกนี้กลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นและอิ่มเอม เหมือนว่าภายในร่างกายไม่ได้ว่างเปล่าอีกต่อไป หากแต่มีบางสิ่งที่พูดไม่ออกว่ามันคืออะไรเพิ่มขึ้นมา ถ้าเทียบกับความเจ็บปวดที่ช่วยย้ำเตือนเธอให้รู้ว่าอะไรคือความจริงแล้ว ความรู้สึกที่แตกต่างกันเช่นนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกพึงพอใจและสงบได้เหมือนกัน

โซอี้ถอนหายใจออกมา “ถูกต้องเพคะ ถ้าอีกฝ่ายมันยึดร่างนี้ไปแล้ว ไม่แน่มันอาจจะรู้ข้อมูลตรงนี้ก็ได้ ดังนั้นวิธีแยกแยะของหม่อมฉันจึงง่ายกว่ามาก ขอเพียงให้เลดี้คามิล่าทำการเชื่อมต่อหม่อมฉันปีศาจอีกครั้ง เราก็จะรู้ทันทีว่าหม่อมฉันเป็นใครกันแน่”

“เมื่อครู่หม่อมฉัน….สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของวิญญาณเพคะ หม่อมฉันก็เลยตัดการสะท้อนวิญญาณไปเพคะ” เมื่อเห็นสายตาทุกคู่มองมาที่ตา คามิล่าจึงพูดขึ้นมาอย่างลังเลว่า “แต่หม่อมฉันไม่สามารถแยกแยะได้ว่าฝั่งไหนที่เป็นวิญณาณของปีศาจเพคะ”

“เจ้ามั่นใจว่าจะเข้าไปในการสะท้อนวิญญาณ?” โรแลนด์ถาม

“เพคะ ฝ่าบาท ที่นี่ไม่มีใครอีก ขอเพียงให้มันเอ่ยปากยอมรับ ความจริงก็จะเปิดเผยออกมาเพคะ”

“ให้ปีศาจ…ยอมรับเหรอ?” ทุกคนสบตากัน

‘ไม่ว่ายังไง สถานการณ์มันก็คงไม่เลวร้ายไปกว่านี้แล้ว’ พาซาร์พูด ‘ลองดูก็ไม่น่าเป็นอะไร ถ้าทางนั้นเป็นโซอี้ หม่อมฉันจะแยกออกแน่เพคะ’

“ในเมื่อเป็นแบบนี้” โรแลนด์มองดูรอบๆ ก่อนจะทำการตัดสินใจออกมา “อย่างนั้นเชื่อมต่ออีกครั้งแล้วกัน”

สัมผัสอันคุ้นเคยไหลเข้ามาในร่างกายเธออย่างรวดเร็ว โซอี้เอาจิตสำนึกของตัวเองสะท้อนกลับเข้าไปในหัวของคาบราดาบี “ไหนบอกว่าจะหยุดจนกว่าจะพอใจไง?”

“นังตัวเมีย เจ้าอย่าได้ใจไป!” เสียงอันโกรธเกรี้ยวของอีกฝ่ายดังขึ้นมาแทบจะในเวลาเดียวกัน

“ถ้าเจ้าไม่อยากคุยเรื่องนี้ อย่างนั้นเราเปลี่ยนเรื่องก็ได้ ตอนนี้เจ้าน่าจะรู้ใช่ไหมว่าข้ากำลังคิดอะไรอยู่?”

“เหอะ ทำไมข้าต้องยอมรับด้วย? ถ้าพวกเจ้ามีวิธีแยกแยะได้ก็ใช้มันออกมา” ปีศาจหัวเราะหึหึ “ข้าอยากจะดูเหมือนกันว่าแมลงที่ไม่รู้เรื่องกระแสจิตสำนึกอย่างพวกเจ้าจะแยะแยะดวงวิญญาณที่แตกต่างกันได้ยังไง”

“เจ้าไม่พูดก็ได้ อย่างนั้นข้าจะเข้าไปล่ะ” โซอี้พูดอย่างไม่สนใจ

“เดี๋ยว…เดี๋ยวๆๆ เข้าไปหมายความว่าไง?”

“ก็เข้าไปหาเจ้าน่ะสิ ใช้การสะท้อนวิญญาณในการย้ายดวงวิญญาณ แล้วก็เข้าไปในกระแสจิตสำนึก จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าตัวเองน่าจะทำได้เหมือนกัน ถึงแม้จะเอาแต่เรียกข้าว่าแมลงชั้นต่ำ แต่ความจริงแม่มดอมนุษย์เองก็รับรู้ถึงการไหลของพลังเวทมนตร์ได้รวดเร็วเช่นเดียวกัน ถึงแม้ข้าจะอธิบายมันไม่ได้ แต่ลองทำตามดูก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร” เธอพูดยิ้มๆ “ยังจำที่ข้าบอกเจ้าก่อนหน้านี้ได้ไหม? ถ้าไม่อยากพูด อย่างนั้นเวลาพักก็หมดลงแค่นี้ ตอนนี้ดูเหมือนเจ้าจะไม่อยากพักแล้วสินะ”

น้ำเสียงของคาบราดาบีเปลี่ยนขึ้นมาทันที “ไม่…นังตัวเมีย ข้าหมายความว่า…รอเดี๋ยวก่อน!”

“ต่อให้เจ้าจะย้ายดวงวิญญาณอีกมันก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงข้าก็ไล่จับเจ้าได้สบายๆ เพราะร่างมันก็มีอยู่แค่สองร่างนี้” โซอี้พูดอย่างใจเย็น “ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ไม่กี่สิบวันแล้วจะจบได้หรอกนะ เจ้า…เตรียมตัวให้ดีล่ะ?”

การสะท้อนของวิญญาณไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถพูดโกหกได้ โดยเฉพาะในตอนที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตกเป็นฝ่ายอ่อนแอ ปีศาจที่สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเธอจึงหุบปากลงทันที

ผ่านไปครู่หนึ่ง มันจึงหัวเราะแบบชั่วร้ายขึ้นมา แต่ว่าครั้งนี้ร่างที่มันใช้คือร่างของทหารอาญาสิทธ์ที่แขนขาขาด ถึงแม้น้ำเสียงของมันจะฟังดูค่อนข้างตระหนก แต่มันก็ยังพยายามทำเป็นข่มอยู่ “พอได้แล้ว! เจ้าพวกแมลง คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าจะบีบท่านคาบราดาบีผู้นี้ได้ขนาดนี้ ครั้งนี้ถือว่าพวกเจ้าชนะ!”

“เบาๆ หน่อย อย่าทำฝ่าบาทตกใจ” โซอี้สื่อสารทางจิตอย่างด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“แค่กๆ นังตัวเมีย…” ปีศาจถึงกับสำลักออกมา “นี่เจ้ากำลังหยามเกียรติเผ่าพันธ์ชั้นสูงอยู่นะ!”

“พักพอแล้วเหรอ?”

“เจ้า…” มันถลึงตาใส่แม่มดอาญาสิทธิ์อย่างแค้นเคือง สุดท้ายก็เลือกที่จะอดกลั้นเอาไว้ ก่อนจะลดเสียงลงแล้วพูดออกมาอย่างโกรธแค้นว่า “อย่าคิดนะว่าพวกเจ้าจะชนะอย่างนี้ไปได้ตลอด สำหรับพวกข้ามันก็เป็นแค่ความพ่ายแพ้เล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่มีค่าให้พูดถึง! เจ้าแมลงชั้นต่ำ พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าอีกฟากหนึ่งของทวีปมันมีอะไรอยู่ กองทัพของอาณาจักรซีสกายกำลังกลืนกินทวีปไปทีละน้อย พวกมันพยายามจะทำให้โลกนี้กลายเป็นขุมนรก ถ้าไม่ใช่เพื่อจะหยุดยั้งพวกมัน เผ่าพันธุ์ที่น่าสงสารอย่างพวกเจ้าคงจะถูกพวกข้าบดขยี้เป็นผุยผงไปตั้งแต่ 400 ปีก่อนแล้ว!”