บทที่ 558 ไร้เหตุผล

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“ราคาสร้อยข้อมือเส้นนี้คือ 137,000 ค่ะ”

พนักงานขายยิ้มพูดราคา “ช่วงนี้ทางร้านเรามีโปรโมชั่น จะมีส่วนลด 2% ให้คุณลูกค้านะคะ”

“ว้าว! สร้อยข้อมือเส้นนั้นสวยมาก!”

แต่ว่า ก่อนที่เย่เทียนจะตอบ เสียงของสาวสวยคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง

เย่เทียนหันกลับไปด้วยความประหลาดใจ และเห็นสาวรูปงามคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลัง ในขณะนี้ สาวสวยคนนั้นจับจ้องไปที่สร้อยข้อมือของจี้เยียนหรันด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

ซึ่งผู้หญิงคนนั้นไม่ได้สนใจเย่เทียนและคนอื่นๆ เลย เธอได้แต่ตะโกนบอกพนักงานขายอย่างเย่อหยิ่งว่า “ฉันอยากได้สร้อยข้อมือเส้นนั้น! ส่งมาให้ฉันที!”

“คือว่า……”

พนักงานขายขมวดคิ้วทันทีด้วยความสงสัย “คุณผู้หญิงคะ คือว่าทางร้านเรามีสร้อยข้อมือรุ่นนี้แค่เส้นเดียวนะคะ พอดีคุณผู้หญิงสองท่านนี้เลือกก่อน หรือว่าอีกสองวันคุณค่อย……”

“บอกให้เอามาก็เอามาสิ คุณดูสภาพสองคนนี้จะมีปัญญาซื้อเหรอ?”

โดยไม่รอให้พนักงานขายพูดจบ หญิงสาวที่ได้ยินว่าสร้อยข้อมือรุ่นนี้เหลือเพียงเส้นเดียวเท่านั้น เธอจึงขมวดคิ้วและตัดคำพูดทันที “เร็วเข้าสิ! ไม่อย่างนั้นฉันจะบอกผู้จัดการนะ!”

“คุณผู้หญิงคะ คือว่าดิฉัน……” พนักงานขายอึดอัดใจมาก

“เดี๋ยวนะ นี่คุณหมายความว่าไง? ทั้ง ๆ ที่พวกเรามาดูก่อนนะ เรื่องอะไรจะต้องเอาให้คุณด้วย!”

ในที่สุดหยุนเหมิงหยานที่ตั้งตัวได้ก็ยกมือเท้าสะเอวแล้วพูดอย่างไม่พอใจ

“มาก่อนแล้วยังไง? พวกเธอมีปัญญาซื้องั้นเหรอ?”

หญิงสาวชำเลืองมองพวกเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม “ยืนทื่ออยู่ทำไม? ยังไม่รีบถอดสร้อยข้อมือให้ฉันอีก!”

เนื่องจากทั้งสามมาเข้าร่วมการแข่งขันการคัดเลือกของทีมสายฟ้า อีกอย่างเพิ่งมาถึงเมืองจินไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งเย่เทียนกับจี้เยียนหรันไม่เท่าไหร่ แต่หยุนเหมิงหยานยังสวมชุดฝึกลายพรางธรรมดาตัวหนึ่ง จึงทำให้ผู้อื่นดูถูกอย่างเลี่ยงไม่ได้

“นี่คุณหมายความว่าไง? ฉันบอกว่าฉันจะไม่ซื้อเหรอ? นี่คุณอยากได้ขนาดนั้นเลยใช่ไหม? แต่ฝันไปเถอะ!”

เมื่อถูกดูหมิ่นแบบนี้ หยุนเหมิงหยานก็โกรธขึ้นทันที จากนั้นเธอถอนสร้อยข้อมือออกจากแขนของจี้เยียนหรันแล้วยื่นให้กับพนักงานขายและพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่า “รบกวนใส่กล่อง แล้วมาเช็กบิลกับฉันเลยนะ!”

พนักงานขายเพิ่งรับสร้อยข้อมือไป แต่หญิงสาวคนนั้นรีบเดินเข้ามาแล้วคว้าสร้อยข้อมือไปจากพนักงานขายทันที

“เลิกอวดดีได้แล้ว ไม่ดูสภาพการแต่งตัวของตัวเองจริงๆ ยังกล้ามาซื้อสร้อยแบบนี้ได้ไง?”

หญิงสาวชำเลืองมองหยุนเหมิงหยานอย่างดูถูก จากนั้นหยิบบัตรธนาคารจากกระเป๋าแล้วยื่นให้กับพนักงานขาย “ฉันจะซื้อสร้อยเส้นนี้ เอาบัตรไปรูดซะ!”

“เดี๋ยวนะคะคุณผู้หญิง แต่ว่า……”

พนักงานขายมองไปที่บัตรธนาคารใบนั้นด้วยสีหน้าขมขื่น เธอจะรับก็ไม่ได้ ไม่รับก็ยังไงอยู่

“เป็นไรไป? ยังไม่รีบไปรูดบัตรอีก?!”

หญิงสาวเริ่มโมโห จากนั้นเธอโยนบัตรธนาคารใส่หน้าพนักงานขายอย่างเย่อหยิ่ง “เธอฟังไม่เข้าใจเหรอ? ยังไม่รีบไปอีก!”

“คุณ……ดิฉัน……”

สีหน้าของพนักงานขายบูดบึ้ง เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธมาก แต่ด้วยจรรยาบรรณในวิชาชีพที่ดีของเธอ ทำให้เธอยังไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมา

อย่าว่าแต่พนักงานคนนี้เลย แม้แต่กลุ่มของเย่เทียนก็ทนไม่ไหวกันแล้ว นี่มันจะดูถูกคนเกินไปไหม?

“จะมากไปแล้วนะ!”

โดยเฉพาะหยุนเหมิงหยานโกรธมากจนชี้นิ้วไปที่หญิงสาวคนนั้นและพร้อมที่จะใช้กำลังทันที

“เหมิงหยาน ฉันเอง!”

จี้เยียนหรันรีบเข้ามาห้ามหยุนเหมิงหยานไว้ จากนั้นสงบสติอารมณ์ก่อนและพูดกับหญิงสาวคนนั้นว่า “คุณหนู สร้อยข้อมือเส้นนี้พวกเราเลือกก่อนนะ คุณมาแบบนี้……”

“เธอเรียกใครคุณหนู?”

แต่ว่า ก่อนที่จี้เยียนหรันจะพูดจบ หญิงสาวก็ขัดจังหวะและพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “แกนั่นแหละอีหนู! แกมันอีหนูทั้งบ้าน! อีกหนูทั้งโคตรเหง้า!”

จี้เยียนหรันอุตส่าห์ระงับอารมณ์แล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องโกรธจนได้ ที่ผ่านมาเธอค่อนข้างจะเป็นผู้ดีเสมอ และคนส่วนใหญ่ที่เธอคลุกคลีนั้นล้วนเป็นคนที่มีการศึกษาสูง แม้จะเป็นเหล่าอาชญากรที่แย่ที่สุด ก็ไม่แย่ไปกว่าผู้หญิงที่ปากจัดคนนี้

“เยียนหรัน ผมว่าช่างมันเถอะ?!”

เย่เทียนที่นิสัยดีมาตลอดก็เริ่มโกรธขึ้น จากนั้นเขามองไปที่หญิงสาวตรงหน้าแล้วเอื้อมมือออกไปดึงจี้เยียนหรันไว้ “ไหน ๆ ที่นี่ไม่ได้มีร้านขายเครื่องประดับแค่ร้านเดียว เราไม่จำเป็นต้องไปแย่งกับคนอื่นหรอก”

“ยังไงซะ ถ้าเราถูกหมากัด เราจะกัดตอบไม่ได้ว่าไหม?”

แม้เสียงพูดของเย่เทียนจะไม่ได้ดังมากนัก แต่ทุกคนโดยรอบก็ได้ยินอย่างชัดเจน จึงทำให้ผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างๆ เขาขบขันขึ้นมาทันที แม้แต่พนักงานขายคนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกไหล่แล้วแอบหัวเราะเบาๆ

“แก แก แก……”

แล้วหญิงสาวคนนั้นจะไม่เข้าใจคำพูดของเย่เทียนได้อย่างไร ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังถูกหลอกด่าอยู่ จึงทำให้เธอโกรธจนสีหน้าบูดบึ้งทันที

“ไอ้หน้าจืด แกว่าใครเป็นหมานะ?!”

หญิงสาวยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ และเธอก็ชี้ไปที่เย่เทียนแล้วดุว่าทันที “แกเชื่อไหม ฉันแค่พูดคำเดียว แกจะถูกไล่ออกจากห้างสรรพสินค้านิวซัน !”

“ผมว่าคุณเป็นหมาเมื่อไหร่ครับ? นี่ผมไม่ได้พูดถึงคุณเลยนะ!”

เย่เทียนยักไหล่และพูดอย่างเฉยเมย “คุณยอมรับเองนะ จะโทษผมไม่ได้ล่ะ!”

“คุณผู้หญิงท่านนี้คะ คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ”

“สร้อยข้อมือเส้นนี้ทั้งสามท่านนี้เลือกก่อนจริงๆ นะคะ หรือว่าคุณดูรุ่นอื่นก่อน ทางเราสามารถเพิ่มส่วนลดให้คุณถึง 5% ได้นะคะ!”

เมื่อเห็นว่าความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายเริ่มรุนแรงขึ้น พนักงานสาวที่ตั้งสติได้ก็รีบเข้ามาห้ามพวกเขาและพยายามหาทางออกที่ดีที่สุด

“นี่เธอจะหาว่าฉันไม่มีปัญญาจ่ายงั้นเหรอ?”

ซึ่งเห็นได้ชัดว่าคำพูดของพนักงานสาวคนนี้เอียงไปทางกลุ่มของเย่เทียนโดยไม่ต้องสงสัย และมันก็ยิ่งทำให้หญิงสาวคนนั้นโกรธมากขึ้น สีหน้าของเธอยิ่งหงุดหงิด เธอจึงเข้าไปผลักพนักงานแล้วพูดว่า “ฉันไม่อยากพูดกับเธอแล้ว ผู้จัดการของพวกเธออยู่ไหน? ไปเรียกผู้จัดการของพวกเธอมาเดี๋ยวนี้!”

พู้ม!

พนักงานขายไม่คิดเลยว่าหญิงสาวจะใช้กำลังกะทันหัน หลังจากถูกผลัก เธอก็เดินเซสองก้าวแล้วล้มลงกับพื้นแรงๆ โดยที่ไม่ทันตั้งตัว

“เฮ้ย นี่คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

จี้เยียนหรันรีบก้มลงไปแล้วถามพนักงานด้วยความเป็นห่วง

พนักงานขายส่ายหัวเพื่อบอกให้รู้ว่าเธอไม่เป็นไร แต่ในขณะที่จี้เยียนหรันกำลังจะพยุงเธอให้ลุกขึ้น เธอก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ส่งมาจากเท้า

จากนั้นเธอก้มมองลงไปที่ข้อเท้า และเห็นข้อเท้าของตัวเองบวมขึ้นแล้ว ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็กลายเป็นความขมขื่น “ข้อเท้าหนูบิดค่ะ!”

เดิมทีเย่เทียนคิดว่ามีเรื่องน้อยก็จะทุกข์น้อย แม้คนอื่นจะหาว่าเขาเป็นไอ้หน้าจืดก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่ได้แสดงอาการโกรธ กระทั่งตอนนี้ เขาอดทนต่อไปไม่ได้อีก เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมเลิกราจริงๆ!

“นี่คุณยังมีความเป็นคนอยู่ไหม? จะไร้เหตุผลไปไหม?”

เมื่อนึกถึงจัดนี้ เย่เทียนก็ก้าวออกมาและดุว่าหญิงสาวคนนี้

“ฉันไร้เหตุผลตรงไหน?”

หญิงสาวยังคงไม่แสดงท่าทีอ่อนแอและยังตะโกนพูดว่า “ฉันเห็นสร้อยข้อมือเส้นนี้ก่อนต่างหาก!”

“แกเห็นก่อนแล้วมันจะเป็นของแกงั้นเหรอ? ถ้าตามที่แกพูด……”

เย่เทียนแสยะยิ้มแล้วล้อเลียนว่า “เสื้อบนตัวคุณผมก็เห็นแล้วนะ แล้วคุณควรถอดมันออกมาให้ผมตอนนี้เลยใช่ไหม?!”