บทที่ 2208+2209

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2208 ในที่สุดก็ยินดีมีสุขกันถ้วนหน้า

ผู้คุมห้าคนนี้ลุกพรวดขึ้นมา พากันหยิบแส้ขึ้นมา

“สารเลว! เจ้า”

พวกเขาล้อมกู้ซีจิ่วไว้ตรงกลาง หมายจะลงมือสั่งสอนเธอ แต่ขณะที่กำลังฟาดแส้ในมือออกไป จู่ๆ แขนข้างที่ถือแส้อยู่ก็ชาหนึบขึ้นมา ราวกับมีเข็มแหลมนับไม่ถ้วนทิ่มแทงอยู่ด้านใน เจ็บปวดจนพวกเขาหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมาทันที!

เสียงกู้ซีจิ่วดังขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ

“พวกเจ้าไม่อาจใช้พลังอันใดได้ชั่วคราว หากออกแรง ชีพจรที่แขนจะสะบั้นลงทีละเส้น…ถ้าฟาดแส้ออกมา ชีพจรบนแขนของพวกเจ้าจะขาดสะบั้นทั้งหมด หากว่าพวกเจ้าไม่ต้องการแขนแล้ว ก็ลองฟาดผู้อื่นดูได้เลย!”

ผู้คุมห้าคนนั้นตกตะลึง!

หยาดเหงื่อเย็นเฉียบบนหน้าผากพวกเขาผุดออกมามากกว่าเดิม!

กู้ซีจิ่วกอดอกถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เอ่ยอย่างเฉยชา

“ข้าจะไม่เอาชีวิตพวกเจ้า ถึงขั้นที่จะไม่ก้าวก่ายหน้าที่ผู้คุมของพวกเจ้าอีก ขอเพียงพวกเจ้าไม่ลงแส้เฆี่ยนตีผู้อื่นอีกก็จะไม่เรื่องมีราว…”

เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว ถึงแม้ในใจของผู้คุมเหล่านั้นจะไม่ยินยอมยิ่งนัก แต่ก็ไม่กล้าเฆี่ยนตีผู้อื่นแล้ว

หนึ่งในนั้นยังไม่ถอดใจ เอ่ยถามว่า

“สภาวะนี้ของพวกเราจะคงอยู่นานเท่าใด?”

กู้ซีจิ่วยื่นสามนิ้วออกมาโบกไปมา

“สามวันรึ?”

บางคนคาดเดา

“ไม่ เป็นสามปี”

น้ำเสียงกู้ซีจิ่วอ่อนหวาน

สีหน้าผู้คุมห้าคนนั้นปานเขม่าเถ้า แทบจะนั่งลงบนพื้นแล้ว!

กู้ซีจิ่วยิ้มละไม

“สามปีนี้พวกเจ้าจะใช้พลังวิญญาณอันใดไม่ได้เลย กล่าวอีกอย่างคือไม่ต่างจากคนธรรมดา พวกเจ้าว่า หากว่านายของพวกเจ้ารู้เข้าว่าพวกเจ้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ จะส่งพวกเจ้าไปเป็นแรงงานไหม? หรือว่าจะให้พวกเจ้าเป็นผู้คุมต่อไป?”

ผู้คุมทั้งห้ามองดูเธอ

“เจ้าคิดจะเอาอย่างไรกันแน่?”

“ง่ายมาก พวกเจ้าเป็นผู้คุมที่นี่ต่อได้ ผู้คนที่นี่ก็จะไม่แพร่งพรายเรื่องอาการบาดเจ็บของพวกเจ้าออกไป แน่นอนว่าพวกเจ้าต้องทำดีกับพวกเขาหน่อย มิเช่นนั้น…”

ผู้คุมทั้งห้าก็มิใช่คนโง่ ย่อมทราบความหมายของกู้ซีจิ่ว

พวกเขาเป็นผู้คุมอยู่ที่นี่ต่อไปได้ เพียงแต่ต้องปฏิบัติต่อคนงานทั้งหมดของที่นี่อย่างอบอุ่นฉันญาติมิตร มิเช่นนั้นถ้าคนเหล่านี้ปากโป้งขึ้นมา พวกเขาก็ไม่เหลือทางรอดแล้ว…

แน่นอนว่าคนงานที่นี่ก็จะไม่ปากโป้งง่ายๆ เหมือนกัน ถึงอย่างไรถ้าผุ้คุมเหล่านี้ถูกสับเปลี่ยน พวกเขาก็จะถูกลงแส้เยี่ยงวัวเยี่ยงม้าอีก…

ด้วยเหตุนี้ ทุกคนที่นี้จึงสมานฉันท์กัน

แรงงานยังคงต้องทำงาน แต่สามารถทำงานตามปกติได้แล้ว ไม่ต้องออกแรงจนเกินไปอีก

ผู้คุมยังคงเป็นผู้คุม ขอเพียงคนงานไม่กระทำอุกอาจเกินไป พวกเขาก็ไม่กล้าหาเรื่องแล้ว…

ในที่สุดก็ยินดีมีสุขกันถ้วนหน้า

กู้ซีจิ่วถามถึงที่อยู่ของเหล่าสตรีจากพวกเถี่ยหนิวอีกครั้ง ทราบว่าพวกผู้หญิงถูกพาตัวไปที่อื่นแล้ว…

….

ตำหนักหรูหราโอ่อ่า สุราอาหารเลิศรส

เย่หลิงนั่งอยู่หน้าโต๊ะยาวเพียงลำพัง ถือตะเกียบคีบอาหารกินอย่างไม่อนาทรร้อนใจ

บนโต๊ะยาวมีอาหารถึงสิบเจ็ดสิบแปดอย่าง ทุกอย่างล้วนอาหารอันโอชะ

ด้านหลังเขามีเด็กสาวยืนอยู่สองนาง กำลังนวดไหล่เบาๆ และพัดวีให้เขาอยู่

วันคืนของเขาผ่านไปอย่างชื่นมื่นยิ่งนัก สะดวกสบายยิ่งนัก

แต่เขายังอยากสบายกว่านี้อีกหน่อย เขาต้องการกู้ซีจิ่ว! เด็กสาวที่พยศดุจลูกแมวป่านางนั้น!

เขากำลังรอคอยให้นางมาหาเขา มาขอร้องเขา…

เขาจัดให้พวกบุรุษในเผ่านางไปทำงานที่เหนื่อยยากหนักหนาที่สุด ส่วนเด็กสาวพวกนั้นก็ส่งไปที่หอโคมเขียวแล้ว ไปรับแขก…

ด้วยความรู้สึกที่กู้ซีจิ่วมีต่อชาวเผ่าของนาง ต้องปล่อยผ่านไม่ได้แน่ แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นจะช่วยเหลือพวกเขาแล้ว มีแต่ต้องมาขอร้องเขา

เขาจะทำให้นางรู้ว่า อยู่ในอาณาเขตของเขา อย่าได้แข็งข้อกับเจ้าถิ่น มีแต่ต้องเชื่อฟังเขาอย่างสมบูรณ์ นางและพวกชาวเผ่าของนางถึงจะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นบ้าง…

….

————————————————————————————-

บทที่ 2209 ใครจะเล่นงานใคร

เมื่อนึกถึงชาวเผ่าของนาง เขาย่อมนึกถึงฮวาจื่อชุนขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ แววตาดำดิ่งลงไป ปลายนิ้วที่กุมจอกสุราอยู่ซีดขาว…

ไม่น่าเชื่อว่าคนผู้นั้นจะชราวัยจนกลายเป็นเช่นนั้นแล้ว หาใช่คุณชายที่สง่างามเจ้าสำราญเช่นในปีนั้นแล้ว…

สมควรแล้ว!

สมน้ำหน้า!

“ท่านเจ้าเมือง เรียกตาเฒ่าผู้นั้นมาแล้วขอรับ ยามนี้คอยอยู่ด้านนอก”

มีเสียงรายงานแว่วมาจากด้านนอก

เย่หลิงกดมุมปากลงเล็กน้อย

“ส่งเขาไปทำความสะอาดจวนให้ข้า”

ข้ารับใช้คนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง อดไม่ได้จึงเอ่ยว่า

“ท่านเจ้าเมือง ตาเฒ่าคนนี้หัวแข็งดื้อรั้น ทั้งแก่ทั้งสกปรก เกรงว่าเขาจะทำให้จวนของท่านเจ้าเมืองแปดเปื้อน…”

เย่หลิงกวาดตามองแวบหนึ่ง น้ำเสียงเยียบเย็นลง

“คำสั่งของเจ้าเมืองอย่างข้าเจ้าก็กล้าขัดหรือ?”

ข้ารับใช้คนนั้นไม่กล้าพูดแล้ว หมุนกายล่าถอยไป มีเสียงเย่หลิงแว่วมาอีก

“ให้เขาเก็บกวาดลานด้านนอก กำจัดวัชพืชทั้งหมดให้เกลี้ยง บอกเขาไป ถ้าเหลือวัชพืชสักต้นข้าจะเอาชีวิตเขา!”

“ขอรับ!”

ข้ารับใช้ล่าถอยไปแล้ว

เย่หลิงกินอาหารไปอีกสองสามอย่าง ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกหมดอารมณ์อยู่บ้าง ขณะที่กำลังวางตะเกียบลง ให้คนนำสุราอาหารเหล่านี้ไปทิ้งเสีย ด้านนอกก็มีเสียงรายงานแว่วมาอีก

“ท่านเจ้าเมือง แม่นางสือโทวมาขอพบขอรับ”

มาแล้ว!

เย่หลิงหยักยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง

“ให้นางรออยู่ด้านนอกก่อน”

เขาต้องการบั่นทอนขวัญกำลังใจนางก่อน

“ขอรับ”

ข้ารับใช้ไปแล้ว

จิตใจเย่หลิงเบิกบาน คีบเนื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมากินอีกครั้ง ยังไม่ทันได้ใส่เข้าปาก ตะเกียบพลันแข็งทื่อไปเล็กน้อย หยุดชะงัก

สตรีนางหนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า

ขนงเนตรเยือกเย็น ริมฝีปากแดงเรื่อ ผิวสีน้ำตาลอ่อน เป็นกู้ซีจิ่ว

สายตาเธอร่อนลงบนร่างเย่หลิง เสียงเย็นกระจ่าง

“ท่านเจ้าเมือง ขออภัยด้วยซีจิ่วรอไม่ได้แล้ว”

นัยน์ตาเย่หลิงมีแววมืดมิดวาบผ่าน เพียงแต่ยังคงผลิยิ้มอบอุ่นปานสายลมใบไม้ผลิ

“ไม่เป็นไร ในเมื่อเข้ามาแล้ว เช่นนั้นก็นั่งเถิดกินข้าวเป็นเพื่อนข้าที”

กู้ซีจิ่วลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ยังคงนั่งลงตรงข้ามเขา

“ได้! ขอบคุณท่านเจ้าเมือง”

เย่หลิงสั่งคนให้นำชามและตะเกียบมาชุดหนึ่ง ให้กู้ซีจิ่วใช้ แล้วรินสุราให้นางจอกหนึ่ง ดันไปตรงหน้านาง

“มาหาข้ามีเรื่องใด?”

“คนของข้าทำงานที่เหนื่อยยากที่สุดได้ แต่ไม่เป็นนางโลมเด็ดขาด!”

กู้ซีจิ่วไปหาพวกชุนเฉามาแล้ว พวกนางถูกพาไปที่หอโคมเขียว!

เดิมทีกู้ซีจิ่วคิดจะควบคุมแม่เล้า บีบให้นางออกคำสั่งปล่อยตัวพวกชุนเฉา

แต่แม่เล้าบอกเธอว่า นี่เป็นคำสั่งของท่านเจ้าเมือง นางก็ไม่มีสิทธิ์ปล่อยคนเช่นกัน มิเช่นนั้นท่านเจ้าเมืองจะสังหารนาง ดังนั้นนางยอมตายด้วยน้ำมือกู้ซีจิ่วแต่สั่งปล่อยคนโดยพลการไม่ได้…

เพียงแต่ แม่เล้าก็บอกเธอว่า เจ้าเมืองบอกไว้ ถ้าอยากช่วยเหลือหญิงชาวเผ่าเหล่านี้ก็ให้ไปขอความเมตตาจากเจ้าเมือง กู้ซีจิ่วทำได้เพียงไปขอความเมตตา แม่เล้าบอกว่าจะให้เวลาหนึ่งชั่วยาม ภายในหนึ่งชั่วยามนี้นางจะยังไม่บังคับให้พวกชุนเฉารับแขก…

ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงตรงมาหาเลย

เย่หลิงยิ้มแวบหนึ่ง ดื่มสุราอึกหนึ่งอย่างแช่มชื่น

“ตามกฎของเมืองลั่วฮวา เว้นแต่พวกนางจะเป็นผู้มีพลังวิญญาณที่สามารถออกไปล่าผลึกวิญญาณได้ มิเช่นนั้นสตรีที่อายุต่ำกว่าสามสิบลงไปถ้าไม่เป็นนางโลมก็ต้องไปเป็นบ่าวเป็นอนุ เดิมทีเจ้าเมืองอย่างข้าคิดจะให้พวกนางเป็นอนุนางบำเรอ แต่แม่ทัพนายกองที่มีหน้ามีตาเหล่านั้นชมชอบสตรีที่ขาวผ่องสะอาดสะอ้าน หญิงชาวเผ่าเหล่านั้นของเจ้าผิวดำคล้ำแถมยังหยาบกร้าน จึงเป็นได้เพียงนางโลม”

เขาพูดอย่างองอาจผ่าเผย ท่าทีราวกับจัดการอย่างเป็นกลางไร้จุดประสงค์ส่วนตัว

กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปาก ในที่สุดก็คล้ายจะเข้าใจแล้วว่าเจ้าเมืองผู้นี้มีอำนาจมากเพียงใด จึงลุกขึ้นรินสุราให้เขาหนึ่งจอก

“เช่นนั้นต้องทำอย่างไรท่านเจ้าเมืองถึงจะยอมปล่อยพวกนาง?”

นัยน์ตาเย่หลิงจับจ้องนาง

“เจ้ารู้ดี”

———————————————-