บทที่ 2210+2211

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2210 ใครจะเล่นงานใคร 2

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว

“รู้สิ่งใด?”

เย่หลิงยิ้มแล้ว ก้มหน้าจิบสุราอีกคำ

“เจ้าจะแสร้งเลอะเลือนไปอีกไย? เมื่อวานเจ้าเมืองอย่างข้าก็บอกเงื่อนไขไปชัดเจนแล้วนี่”

กู้ซีจิ่วสูดหายใจนิดๆ

“ท่านเจ้าเมืองอยากให้ซีจิ่วเป็นอนุ?”

แววตาเย่หลิงดุจหมาป่า

“มิผิด ขอเพียงเจ้าตกลง ข้าจะสั่งการให้ปล่อยพวกนางทันที! ให้พวกนางทำงานที่สบายที่สุด”

กู้ซีจิ่วถอนหายใจ ก้มหน้าดื่มสุราอึกหนึ่ง

“ท่านให้เวลาข้าคิดดูก่อน”

นัยน์ตาเย่หลิงโชนแสงนิดๆ เอ่ยอย่างสบายๆ

“ได้ เจ้าคิดดูก่อนได้ เพียงแต่เจ้ามีเวลาไม่มาก อีกครึ่งชั่วยามหญิงชาวเผ่าเหล่านั้นของเจ้าก็จะถูกบังคับให้พลีกายแล้ว”

“ท่านเจ้าเมืองบีบบังคับข้าเช่นนี้…ไม่เกรงว่าจะทำให้ฮูหยินหึงหวงหรือ?”

“นาง…ฮ่าๆ นางไม่หึงหรอก…”

นัยน์ตาเย่หลิงมีแววหยามหยันเดียดฉันท์วาบผ่าน คล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ร่างกู้ซีจิ่ว

 “เมื่อก่อนเจ้าเคยรู้จักสตรีนามว่าอวิ๋นชิงหลัวหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว เธอไม่มีความทรงจำในอดีต ย่อมจำอวิ๋นชิงหลัวไม่ได้

เธอเหลือบมองเย่หลิงแวบหนึ่ง จู่ๆ คนผู้นี้ก็เอ่ยถามเช่นนี้…

เธอยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง

“ข้าสูญเสียความทรงจำในอดีตไป ดังนั้นจึงจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักสตรีนามนี้หรือไม่ ทำไมหรือ? นางรู้จักข้ารึ? ตอนนี้นางอยู่ไหน?”

เย่หลิงใจสั่นแวบหนึ่ง เด็กสาวที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ดูแล้วอย่างมากก็สิบแปดสิบเก้าปีเท่านั้น ซ้ำยังถูกขังอยู่ในหุบเขาแห่งนั้นมาโดยตลอด จะไปรู้จักกับอวิ๋นเยียนหลีได้อย่างไร

หรือนี่จะเป็นลูกเล่นอื่นใด…

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า

“ไม่ต้องถามแล้ว วันหน้าเมื่อเจ้าอยู่ต่อหน้าผู้อื่นอย่าได้เปิดเผยนามจริงของเจ้า อยู่ด้านนอกให้เรียกขานว่าสือโทว หากเจ้าเป็นอนุของข้า ข้าจะให้เจ้าได้เป็นโทวเหม่ยเหริน[1]”

กู้ซีจิ่วลอบกัดฟัน มองนาฬิกาทรายที่อยู่ด้านข้าง นิ้วมือที่อยู่ในแขนเสื้อจรดร่ายบางสิ่งอยู่

ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็เอ่ยขึ้นว่า

“ข้าจะไม่เป็นอนุอันใดของท่าน!”

สีหน้าเย่หลิงแปรเปลี่ยนเล็กน้อย

“เจ้าไม่กลัวว่าหญิงชาวเผ่าของเจ้าต้องกลายเป็นนางโลมรึ?”

กู้ซีจิ่วเอ่ยอย่างเฉยชา

“พวกนางไม่ต้องเป็นนางโลมหรอก ท่านเจ้าเมืองจะต้องปล่อยพวกนาง ทำดีกับพวกนางด้วย”

เย่หลิงนิ่งไปแวบหนึ่ง

“…เจ้าฝันอยู่หรือไง?!”

“เช่นนั้นที่ท่านพูดอยู่ปาวๆ ว่าจะแต่งข้าเป็นอนุ เป็นเพราะชอบพอข้าหรือ?”

“ชอบพอ?”

น้ำเสียงเย่หลิงแผ่วหวิว เปี่ยมด้วยความเหยียดหยาม

“เจ้าเมืองอย่างข้ามิเคยชมชอบหญิงใดทั้งนั้น!” สิ่งที่เขามีคือความปรารถนาที่จะสยบพยศ ต้องการพิชิตหญิงงามทั้งหมด ทำให้พวกนางไปล่อลวงใครไม่ได้อีก!

ว่ากันตามจริงแล้ว เขาไม่เพียงแต่ไม่ชอบพวกนางเท่านั้น ถึงขั้นที่รังเกียจเดียดฉันท์พวกนางด้วย รังเกียจเข้าไปถึงกระดูก ต้องการเหยียบขยี้หญิงงามทั้งหลายให้กลายเป็นธุลีใต้ฝ่าเท้า…

ดังนั้นจึงมีสตรีที่สิ้นชีพในกำมือเขาไม่รู้มากน้อยเพียงใดแล้ว มีสตรีมากมายนักที่ปรนนิบัติเขาได้เพียงคืนเดียวก็ถูกเขาสรรหาเหตุผลสารพัดมาสังหารแล้ว หรือไม่ก็เอาไปโยนทิ้งไว้ที่หอโคมเขียวเสียเลย…

อันที่จริงกู้ซีจิ่วเคยได้ยินเรื่องราวพวกนี้ของเขามาแล้ว รู้สึกได้ตามสัญชาตญาณว่าคนผู้นี้ไม่ได้ชอบสตรี เป็นคนจิตวิปริตขนานแท้

“ในเมื่อมิได้ชอบพอข้า เช่นนั้นจะบังคับข้าไปทำไม?”

น้ำเสียงกู้ซีจิ่วแผงความเฉยชาไว้รางๆ แล้ว

“สตรีที่เจ้าเมืองอย่างข้าต้องการไม่มีทางไม่ได้มาครอง!”

เย่หลิงยิ้มเยียบเย็น

“ดังนั้นเจ้าจะต้องให้ข้า มิเช่นนั้นหญิงชาวเผ่าพวกนั้นของเจ้าจะต้องถูกย่ำยีจนตาย!”

“เจ้าไม่กล้าหรอก”

จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็ยิ้มออกมา

“ข้าจะให้เวลาเจ้าปล่อยตัวคนภายในครึ่งชั่วยาม แล้วรับปากว่าจะไม่สร้างความลำบากใจให้พวกนางอีก!”

“เจ้าฝันอยู่…”

เย่หลิงยิ้มเยาะอีกครา ขณะที่กำลังจะพูดจาข่มขู่รุนแรงอีกสองสามประโยค จู่ๆ ท้องพลันปวดแปลบขึ้นมา ราวกับมีเคียวเล่มหนึ่งเกี่ยวอยู่ด้านใน!

เจ็บปวดจนเขางอตัวลงไปทันที!

————————————————————————————-

บทที่ 2211 ใครจะเล่นงานใคร 3

เขาเงยหน้าขึ้นทันที

“เจ้าวางยาพิษข้า?!”

ยื่นมือไปหมายจะลงมือกับกู้ซีจิ่วอย่างเหี้ยมหาญ!

คาดไม่ถึงว่าเพิ่งโคจรพลังวิญญาณความเจ็บปวดก็เสียดแทงเข้าไปถึงกระดูก เหงื่อเปียกชุ่มศีรษะเขาทรุดลงพื้นเสียงดังตึง คิดจะโคจรพลังวิญญาณขจัดพิษตามสัญชาตญาณ ผลคือความเจ็บปวดนั้นทวีขึ้นกว่าเดิม พลังวิญญาณทั้งร่างไม่สามารถโคจรได้เลย…

ด้วยเหตุนี้เขาจึงตระหนกยิ่ง ในที่สุดก็กริ่งเกรงบ้างแล้ว ถลึงตามองกู้ซีจิ่วอย่างโกรธเกรี้ยว

“ใจกล้านัก! เจ้ากินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไร! ไม่น่าเชื่อว่าจะวางยาพิษข้าได้! หากว่าข้ามีอันเป็นไป เมืองลั่วฮวาก็จะล่มจ่ม!”

กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างเยือกเย็น วาจาเฉยเมย “หากว่าไม่อาจรับประกันความปลอดภัยให้คนของข้าได้ ข้าจะสนใจเมืองลั่วฮวาไปทำไม? ล่มจ่มก็ล่มจ่มไปสิ ข้าไม่สน”

เย่หลิงตกตะลึง

“ถ้าเมืองลั่วฮวาไม่รอด เจ้านึกว่าเจ้าจะหนีรอดหรือ?! ขอเพียงเจ้าเมืองอย่างข้าสั่งการคำเดียว ก็จับเจ้าได้แล้ว จะประหารโดยการแล่เนื้อเถือหนังซะ!”

กู้ซีจิ่วยิ้มแล้ว

“เช่นนั้นเจ้าก็ลองดูสิ ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งเค่อเพื่อหาตัวข้า ถ้าหาไม่พบเจ้าก็รอรับความตายเสียเถอะ!”

ร่างเปล่งแสงวาบ หายไปทันที

สีหน้าเย่หลิงแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง ฝืนลุกขึ้นมา

“ใครก็ได้! รีบไปตามหาแม่นางสือโทวสิ!”

เขาเพิ่งส่งคนออกไปได้ไม่ถึงสามนาที ด้านนอกก็มีคนมารายงานแล้ว

“ท่านเจ้าเมือง ยามนี้แม่นางสือโทวผู้นั้นกำลังรับลมอยู่นอกเมือง ต้องการให้จับกุมนางไหมขอรับ?”

สีหน้าของเย่หลิงแปรเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิงแล้ว สูดหายใจยาวๆ เอ่ยสั่งการ

“การแลกเปลี่ยนยุติแล้ว เชิญนางกลับมา!”

ด้วยเหตุนี้ พอสั่งการเช่นนี้ลงไปไม่ถึงสามนาที กู้ซีจิ่วก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง

“ว่าอย่างไร? เจ้ายอมรับเงื่อนไขข้าแล้วหรือ?”

เย่หลิงหน้าซีดเผือด ภายในระยะเวลาสั้นๆ แค่นี้ เด็กสาวนางนี้สามารถไปกลับในเมืองนอกเมืองได้ หากว่านางคิดจะหนี เขาไม่มีทางจับนางได้…

เขายื่นมือไปหากู้ซีจิ่ว

“มอบยาถอนพิษให้ข้า!”

“ท่านเจ้าเมืองต้องมีคำสั่งปล่อยคนก่อน” กู้ซีจิ่วกอดอกพูดด้วยท่าทีสบายๆ

“ต้องให้คำมั่นด้วยว่าจะไม่สร้างความลำบากให้แก่พวกนางอีกแล้ว!”

ความเจ็บปวดถาโถมพลุ่งพล่านอยู่ในท้องของเย่หลิง เขาสูดหายใจลึกๆ ทำได้เพียงรับปากไปก่อน เรียกคนเข้ามาถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้ปล่อยตัวสตรีเหล่านั้น

เมื่อลูกน้องออกไปแล้ว เขาก็จ้องกู้ซีจิ่วเขม็ง

“ตอนนี้พอใจแล้วกระมัง?”

กู้ซีจิ่วยกมุมปากนิดๆ โยนโอสถเม็ดหนึ่งให้เขา เย่หลิงรีบกลืนลงไปทันที

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ไม่ปวดท้องแล้ว เขาค่อยๆ นั่งตัวตรง มองกู้ซีจิ่วที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีสบายๆ

“ช่างเป็นเด็กสาวที่โหดเหี้ยมนัก!”

กู้ซีจิ่วยิ้มบางๆ

“เช่นกันๆ”

พลางหมุนกายสื่อเจตนาจะจากไป

“ขอบคุณสำหรับงานเลี้ยงสุราของท่านเจ้าเมือง ลาก่อน”

เย่หลิงมองแผ่นหลังของนาง ประกายเฉียบคมวาบผ่านนัยน์ตา จู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นมา พุ่งทะยานเข้าใส่กู้ซีจิ่ว ปานพญาอินทรีโฉบกระต่าย!

สาวน้อยยังคงอ่อนต่อโลกอยู่ ยอมแก้พิษให้เขาง่ายๆ เช่นนี้ เขาจะต้องหาทางเอาคืนอยู่แล้ว!

ไม่เพียงแต่จะจับตัวนางไว้ ยังต้องฉวยโอกาสทำลายวรยุทธ์นางด้วย จากนั้นค่อยครอบครองนาง ให้นางอ่อนระทวยอยู่ใต้ร่างเขาสามวันสามคืน!

คนในเผ่าของนางเขาก็จะเปลี่ยนวิธีเคี่ยวกรำซะ! นำหญิงชาวเผ่าเหล่านั้นส่งเวียนเทียนกันไปเรื่อยๆ และจะนำการเวียนเทียนนี้มาใช้เป็นข้ออ้างกับนางด้วย…

ส่วนตี้ฝูอีผู้นั้น เขามีใจปฏิพัทธ์ต่อกู้ซีจิ่ว เมื่อถึงเวลาตนจะใช้กู้ซีจิ่วมาข่มขู่ คาดว่าตี้ฝูอีผู้นั้นคงไม่อาจแข็งข้ออันใดได้อีก…

นี่คือแผนการที่เย่หลิงวางไว้ในยามนี้

ตอนนี้พลังวิญญาณของเขาคือขั้นเก้า สูงกว่ากู้ซีจิ่วมากนัก คิดจะจับตัวนาง ก็ไม่ต่างกับการตะครุบลูกไก่เลย!

ดังนั้นเย่หลิงจึงลงมือ! เคลื่อนไหวอย่างอุกอาจว่องไว หมายจะจับกุมสาวน้อยให้ได้ในกระบวนท่าเดียว!

มือของเขาเกือบจะแตะถูกแผ่นหลังของกู้ซีจิ่วแล้ว จู่ๆ กู้ซีจิ่วกลับสาวเท้าทะยานไปด้านหน้า การคว้าครั้งนี้ของเย่หลิงจึงคว้าได้เพียงความว่างเปล่า…

—————————