ตอนที่ 942 - รวบรวมกำลัง

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  ใบหน้าเล็กๆ ของกงซุนหวูซื่อหม่นหมองลง
  “มันยังไม่จบ!ที่สัญญากันไว้คือจนกว่าจะถึงแดนมณีมหัศจรรย์ ยังเหลือเวลาอีกสองเดือน”
  ผู้เฒ่าหลานมองกงซุนหวูซื่อด้วยความแปลกใจเขารู้สึกว่านางเปลี่ยนไปบ้าง
  “ย่อมได้อีกสองเดือน แต่หลังจากจบแดนมณีมหัศจรรย์ ท่านต้องตามข้ากลับไปที่ศูนย์หลักผาบั่นภูติ”
  กงซุนหวูซื่อพยักหน้า
  “ได้!ตอนนี้พาข้ากลับตำหนักโลหิตได้แล้ว เร็ว ๆ ล่ะ!”
  “โอ้?มีเรื่องเร่งด่วนหรือ?”
  ผู้เฒ่าหลานถาม
  กงซุนหวูซื่อจ้องกลับ
  “ทำไมเจ้าถึงถามมากนัก?”
  ผู้เฒ่าหลานเศร้าใจที่นางตอบกลับเช่นนี้แต่เขาก็คิดว่ามันตลกอีกด้วย เขาพากงซุนหวูซื่อไปโดยใช้รอยแยกมิติ เพียงครึ่งชั่วยามทั้งสองก็กลับถึงตำหนักโลหิต
  เมื่อมาถึงกงซุนหวูซื่อรีบวิ่งกลับไปที่เขาอสูรและผนักประตูสวนเรือนกลาง มันว่างเปล่าเหมือนอย่างเดิมเมื่อซือหยูออกมา
  นางมองสวนอันว่างเปล่าด้วยความผิดหวัง
  “เขาอาจจะไม่กลับมาอีกแล้ว…”
  เมื่อตัวตนของซือหยูถูกเปิดเผยเขาอาจจะไม่กลับมาก็ได้ มันอันตรายเกินไป
  กงซุนหวูซื่อคิดไม่ออกเลยว่ายังเหลือสิ่งใดในตำหนักโลหิตที่มีค่าพอให้ซือหยูอยู่ต่อ…ตำหนักโลหิตจะรักษาคนอย่างซือหยูผู้ที่มีพลังควบคุมมิติและเวลาจนกำจัดองครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าง่ายๆ ได้อย่างไร?
  กงซุนหวูซื่อรู้สึกเสียใจขึ้นมาเมื่อคิดว่านางได้เจอตัวตนของเขา
  ณทะเลสาบสีเงิน
  ซือหยูกลับมาเป็นสภาพผู้เฒ่าจากนั้นจึงมุ่งหน้ากลับไปยังป้อมปราการตระกูลซือถู
  ค่ายกลยังคงอยู่นายหญิงซือถูเองก็ได้กลับมากับคนของนางบางส่วน ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการจัดเตรียมทรัพยากร
  เมื่อเห็นว่าซือหยูกลับมาความกังวลในใบหน้านายหญิงซือถูจางหาย นางปิดค่ายกลชั่วคราวเพื่อให้ซือหยูเข้ามาด้านใน
  “พอเห็นเจ้าไม่เป็นอะไรข้าถึงได้สบายใจขึ้นมา”
  นายหญิงซือถูเดินมาจับมือซือหยูทั้งสองข้างและพูดด้วยความซาบซึ้ง
  “เจ้าโชคดีที่หนีรอดจากเจ้าตระกูลเฉามาได้หนีไปกับข้าหลังจากข้าสั่งให้คนเก็บข้าวของกันเถอะ”
  เมื่อได้สัมผัสมือเรียบเนียนของนายหญิงซือถูซือหยูรู้สึกแปลกและดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว นายหญิงซือถูเองก็รู้สึกว่าท่าทางนางไม่เหมาะสมเช่นกัน มันทำให้นางกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
  ซือหยูรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
  “นายหญิงท่านคิดจะพาคนในตระกูลไปที่ไหนหรือ?”
  นายหญิงซือถูกลับมากังวลอีกครั้งเมื่อถูกถามนางพูดอย่างขมขื่น
  “ดินแดนพรสวรรค์กำลังวุ่นวายไม่มีที่ใดให้อยู่ได้ ข้าจะพาคนของข้าไปหาที่หลบภัยในเขตกระบี่ไร้ใจ”
  แต่พูดนั้นย่อมง่ายกว่าทำเพราะมีไม่กี่แห่งเท่านั้นในเขตกระบี่ไร้ใจที่อุดมสมบูรณ์แต่ยังไม่ถูกคนอื่นยึดครอง ถ้าหากตระกูลซือถูย้ายเข้าไป พวกเขาก็ต้องถูกนับว่าเป็นผู้บุกรุก
  ยิ่งกว่านั้นการถูกทิ้งให้อยู่อย่างเอกเทศมิใช่สิ่งที่แย่ที่สุด สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือพวกเขาอาจจะทำให้ฝั่งตรงข้ามที่แข็งแกร่งโกรธเข้าจนถูกโจมตี ตระกูลซือถูเสียกำลังไปเกินครึ่งแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะเป็นอย่างไร!
  “นายหญิงท่านไม่ต้องย้ายไปไหนหรอก”
  ซือหยูบีบสร้อยหยก
  ไม่นานฝูงวิหคอสูรขนาดมหึมาก็ได้บินมาทางตระกูลซือถูพวกมันบดบังแสงจากท้องนภา นายหญิงซือถูใบหน้าเศร้าหมองอีกครั้ง
  นางตะโกน
  “เมิ่งเถียน!พวกเรา…เตรียมต่อสู้…เดี๋ยวนี้!”
  นางตกใจเป็นอย่างมาก…ถ้าหากเมิ่งเถียนหนีมาได้เจ้าตระกูลเฉาก็อาจจะมาอีกครั้งน่ะสิ?!
  “นายหญิงใจเย็นก่อน”
  ซือหยูตบบ่านาง
  ใจตอนนั้นฝูงวิหคอสูรหยุดบิน ณ พันลี้ พวกมันไม่เข้ามาใกล้มากกว่าเดิม จากนั้นมนุษย์คนหนึ่งได้บินมาด้านหน้าและร่อนลงด้านนอกค่ายกล
  เมิ่งเถียนดูสิ้นหวังเพราะหลังจากที่มุ่งหน้าไปเมืองเทียนหยาและรวบรวมฝูงวิหคที่หายไป มิติโกลาหลนั้นขยายวงกว้างขึ้นจนเขาหลง เพราะเหตุนี้เขาจึงออกไปไหนไม่ได้แม้จะผ่านมาครึ่งวัน!
  เขาต้องรอจนมิติโกลาหลหายไปกว่าจะรวบรวมฝูงวิหคกลับมาได้จากนั้นเขาก็ถูกซือหยูเรียกตัวกลับมา!
  ในขณะนี้เขาดูอึดอัดใจ
  “นายท่านขออภัยที่ข้ามันไม่ได้เรื่อง ข้าไปไม่ถึงเมืองเทียนหยาด้วยซ้ำ”
  ซือหยูตอบ
  “ข้ารู้ข้าถึงเรียกเจ้ากลับมา”
  นายหญิงซือถูตกใจนางคิด…เมิ่งเถียนเพียงจะเรียกซือหยูว่าอะไรนะ? นายท่านงั้นหรือ?
  “นายหญิงซือถูให้เขาเข้ามา…”
  ซือหยูพูด
  นายหญิงซือถูตกใจในตอนนี้จากนั้นนางจึงรีบปิดค่ายกลชั่วคราว นางจ้องมองฝูงวิหคอสูรไม่วางตา นางระแวงเป็นอย่างมาก
  “เมิ่งเถียนนี่นายหญิงซือถู ข้าคิดว่าเจ้าคงได้เจอนางแล้ว”
  ซือหยูชี้นายหญิงซือถูเมิ่งเถียนดูละอายใจ เพราะเขาเพิ่งจะเป็นศัตรูกับนาง เขายังเป็นคนที่จะทำลายตระกูลนางอีก
  “นายหญิงซือถูข้ารู้ว่าข้าทำให้ท่านสูญเสียมาหลายครั้ง โปรดอภัยให้ข้าด้วย”
  เมิ่งเถียนโค้งคำนับแสดงความนับถือ
  นายหญิงซือถูจ้องมองเขาและนึกถึงตอนเรื่องโอสถเจ็ดปรารถนาลืมกังวลนางทั้งโกรธแค้นและอับอาย นางถอนหายใจแรง
  “นายหญิงเมิ่งเถียนตอนนี้ทำงานให้ข้าแล้ว พวกฝูงวิหคนั่นก็ด้วย หลังกลับมาจากเมืองเทียนหยา เขาจะอยู่ที่นี่เพื่อฝึกฝนและปกป้องท่านและคนในตระกูล…”
  ซือหยูอธิบาย
  จากนั้นจึงพูดต่อ
  “ด้วยพลังของฝูงวิหคอสูรจะไม่มีใครในดินแดนพรสวรรค์ที่มารบกวนท่านได้ ยกเว้นแค่ตำหนักโลหิตกับตำหนักเมฆาม่วง ดังนั้น…ท่านสบายใจได้”
  นายหญิงซือถูใจเต้นแรง
  “เจ้ากำลังจะบอกว่าพวกวิหคนั่นจะปกป้องตระกูลซือถูงั้นรึ?”
  นายหญิงซือถูต้องประทับใจอยู่แล้วเพราะเป็นคนที่ได้เห็นพลังของพวกมันกับตาแต่นางก็หยุดคิดไม่ได้…เพราะปัญหาเดียวก็คือ…เมิ่งเถียนจะเชื่อใจได้ไหม?
  เมิ่งเถียนพูดด้วยความอับอาย
  “นายหญิงโปรดวางใจข้าเต็มใจติดตามและทำตามคำสั่งนายท่าน แล้วชีวิตข้ายังอยู่ในมือนายท่าน ข้าย่อมทำตามคำชี้แนะและปกป้องตระกูลซือถู ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ทำเรื่องไม่ดีอีก”
  นายหญิงซือถูมองซือหยูด้วยความกังขาซือหยูพยักหน้าและพยายามพูดให้นางเชื่อ
  “ข้าต้องทำร้ายท่านด้วยหรือนายหญิง?”
  ถึงตรงนี้นายหญิงซือถูจึงสบายใจขึ้นนางดูตื่นเต้น เพราะพลังของฝูงวิหคนี้เทียบได้กับสิบหกสำนักในดินแดนพรสวรรค์รวมกัน!
  ถ้าหากที่ซือหยูกับเมิ่งเถียนพูดเป็นเรื่องจริงตระกูลซือถูย่อมต้องได้รับความนับถือจากตระกูลทั้งหมดแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นตระกูลน้อยใหญ่ก็ย่อมสนับสนุน ตระกูลซือถูจะกลายเป็นตระกูลผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุดในข้ามคืน!
  ถึงอย่างนั้นนายหญิงซือถูก็เข้าใจว่ามันขึ้นอยู่กับซือหยู ถ้าหากเขาสั่งให้เมิ่งเถียนออกไปจากที่นี่ นางก็จะจบเห่!
  เพียงแค่ความคิดเดียวของเขาก็ทำให้ตระกูลซือถูกลับมาเป็นอย่างเก่าเมื่อคิดเช่นนี้นางก็เข้าใจความตั้งใจของซือหยูแล้ว
  ซือหยูพูด
  “แล้วก็…ส่งจดหมายถึงตระกูลชางก่วนให้มาปลูกเรือนใกล้ๆ ที่นี่ด้วย”
  สิ่งที่ซือหยูเพิ่งจะพูดนั้นยืนยันสิ่งที่นายหญิงซือถูคิดนั่นก็คือการรวมตระกูลที่มีอำนาจเข้าด้วยกัน จากนั้นจึงใช้ทั้งสองตระกูลเพื่อประโยชน์ของตัวเขาเอง! ความทะเยอทะยานของเขานั้นสูงมาก
  แต่นายหญิงซือถูก็ยังกังวลถึงเรื่องเชิญตระกูลชางก่วนเข้ามา
  “นายน้อยซือขอข้าถามได้หรือไม่ ถ้าหากมีหลายตระกูลมารวมตัวที่นี่ ใครกันจะเป็นผู้นำ? หากรวมกันแล้วไร้ผู้นำย่อมเกิดความวุ่นวาย”
  นางหวังว่าซือหยูจะสนับสนุนตระกูลซือถูในเวลานี้
  “จะไม่มีใครได้เป็นผู้นำทั้งนั้น…”.ไอลีนโนเวล.
  ซือหยูตอบ
  นายหญิงซือถูเงียบกริบ
  ซือหยูหันไปมองนาง
  “หากท่านคิดว่าอย่างไรก็ต้องมีผู้นำข้าคงจะสนับสนุนชางก่วนมากกว่า! แต่ข้าสั่งเมิ่งเถียนให้ปกป้องที่นี่ก็เพื่อให้เขาได้ปกป้องพวกชางก่วนด้วย ข้ามีสิ่งติดค้างกับชางก่วนหยุนซื่อ ข้าสัญญาว่าจะปกป้องวตระกูลเขาจากอันตราย”
  เขาพูดต่อ
  “เมื่อเรือนชางก่วนพังทลายจนไร้ที่ไปข้าก็อยากจะแนะให้พวกเขาย้ายมาที่นี่ เมิ่งเถียนจะได้ปกป้องตระกูลซือถูด้วย ขว้างหินก้อนเดียวได้นกถึงสองตัว”
  เขาพูดต่อ
  “ถ้าท่านยังไม่พอใจข้าจะสั่งให้เมิ่งเถียนหาที่อื่นให้ตระกูลชางก่วนตั้งรกราก จะย้ายตามไปหรือไม่ก็อยู่ที่ท่านตัดสินใจ”
  นายหญิงซือถูหน้าซีดในความจริงแล้ว ซือหยูไม่ได้คิดปกครองทั้งสองตระกูล แต่เขาต้องการปกป้องตระกูลชางก่วนและทำแบบนี้ก็เพราะให้ตระกูลซือถูสะดวกไม่ต้องย้ายไปไหน!
  นางอยากจะหัวเราะเมื่อคิดว่าซือหยูมาช่วยปกป้องพวกนางจริงๆ! ความเป็นจริงอันน่าเหลือเชื่อทำให้นายหญิงซือถูเหม่อลอย เพราะซือหยูไม่จำเป็นต้องปกป้องตระกูลซือถูเลย
  ทั้วสองพบกันไม่กี่ครั้งสิ่งที่นางพูดขอไปเมื่อครู่ช่างเห็นแก่ตัวนัก! นายหญิงซือถูที่ผิดหวังในตัวเองโค้งคำนับให้ซือหยู
  “ข้าหยาบคายไปแล้วขออภัยด้วย…ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก”
  นายหันไปมองเมิ่งเถียนพลางคิด…ถ้าอย่างนั้นเมิ่งเถียนจะเป็นผู้สั่งการพวกนางแท่น เพราะเขาคือตัวแทนของซือหยู
  “ดีล่ะ!ส่งคนไปหาผู้นำตระกูลชางก่วน ข้าจะรอที่นี่”
  เมือ่พูดจบซือหยูเดินไปยังสวนเพื่อพักฟื้น เขาต่อสู้มาอย่างยาวนาน จำเป็นต้องฟื้นพลัง
  นายหญิงซือถูไม่กล้ารอช้านางสั่งคนให้ไปหาตระกูลชางก่วนทันที นางมองเมิ่งเถียนด้วยตาเป็นประกาย
  นางลืมความขยะแขยงที่มีและเดินไปหา
  “ท่านเมิ่งโปรดดูแลพวกเราในอนาคตให้ดีด้วย”
  เมิ่งเถียนเหลือบมองนายหญิงซือถูพลางยิ้มเบาๆ
  “นายหญิงท่านผละจากตะวันมาหาจันทราเสียแล้ว ท่านไม่ได้ขอร้องนายท่านแต่กลับมาพูดกับข้า”
  นายหญิงซือถูหันไปมองซือหยูที่กำลังพักนางยิ้มอย่างขมขื่น
  “ตระกูลซือถูให้สิ่งที่เขาต้องการไม่ได้หรอก…”
  นางตอบ
  ด้วยฐานพลังและพลังพิเศษมากมายที่มีและด้วยร่างกายที่มีพลังมิติ เขาย่อมไม่จำเป็นต้องสนใจในสิ่งที่ตระกูลซือถูมี แต่ถ้าพวกเขาได้แก้วหรือทรัพยากรมา อย่างน้อยพวกเขาก็ซื้อใจเมิ่งเถียนได้
  เมิ่งเถียนยิ้ม
  “แน่นอนว่าตระกูลซือถูให้สิ่งที่นายท่านต้องการไม่ได้แต่ท่านทำได้ไม่ใช่รึ! ใยไม่ลองดูเล่า? ถ้านายท่านชอบใจ ท่านกับคนในตระกูลคงจะได้ประโยชน์ไม่รู้สิ้น”
  นายหญิงซือถูจ้องเมิ่งเถียนอย่างเย็นชานางเข้าใจความหมายที่เขาพูดดี
  “ข้าเพียงแค่ชี้ทางสว่างให้ท่านจะทำตามหรือไม่ก็แล้วแต่ใจท่าน! ฮ่า ๆๆๆ”
  เมิ่งเถียนอธิบายความหยาบคายของตัวเองโดยพูดเลี่ยงๆ ไป จากนั้นก็เดินยิ้มกว้างจากไป
  นายหญิงซือถูขบริมฝีปากเบาๆ และเงียบอยู่นาน ส่วนคนของนางก็ทำงานได้รวดเร็วมาก เพียงไม่นานหัวหน้าตระกูลชางก่วนและผู้เฒ่าทุกคนก็มาตามคำเชิญ
  ทุกคนนั่งอยู่ในบ้านหัวหน้าตระกูลชางก่วนบาดเจ็บสาหัส ผู้เฒ่าคนอื่นดูไม่จืดเช่นกัน
  แต่ซือหยูตกใจมากที่ชางก่วนหยุนซื่อกับชางก่วนชิงเอ๋อกลับมาด้วยทั้งสองน่าจะตามเจ้าตำหนักฮั่วและเจ้าตำหนักคงฉานมา
  พวกเขานั่งด้านซ้ายตระกูลซือถูนั่งด้านขวา ซือหยูนั่งอยู่กลางโต๊ะคนเดียว เมิ่งเถียนยืนที่ด้านหลัง ทุกคนรอฟังสิ่งที่ซือหยูจะพูด
  “เจ้าตระกูลชางก่วนเรือนเดิมของตระกูลชางก่วนถูกทำลายไปแล้ว ทำไมท่านไม่สร้างที่ใหม่ใกล้ ๆ ที่นี่ดูล่ะ?”
  ซือหยูแนะนำ
  เขาพูดต่อ
  “หากเป็นเช่นนี้ไม่เพียงแต่ตระกูลท่านกับตระกูลซือถูจะได้เกื้อกูลกัน แต่เมิ่งเถียนก็จะปกป้องทั้งสองตระกูลได้พร้อมกันด้วย ท่านคิดอ่านอย่างไร?”
  เจ้าตระกูลชางก่วนยืนขึ้น
  “ข้าจะทำตามคำสั่งท่าน”
  ท่าทางของเขาไม่เหมือนกับคนที่เผชิญหน้ากับชายหนุ่มเลยแต่มันเหมือนกับผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งมากเสียมากกว่า เพราะพลังที่ซือหยูแสดงในตระกูลซือถูนั้นยังทำให้พวกเขาตกตะลึงอยู่
  วิชามากมายของเขาโดยเฉพาะการควบคุมมมิติได้ทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือน ยิ่งไปกว่านั้น การที่ซือหยูได้ทำให้เมิ่งเถียนที่น่าสะพรึงกลัวตกอยู่ใต้บัญชาได้ก็นับว่าเขาแข็งแกร่งเท่าสำนักทั้งสำนักแล้ว
  ดังนั้นตระกูลชางก่วนจึงไม่ต่างจากมดปลวกต่อหน้าซือหยูชางก่วนหยุนซื่อดูพอใจเมื่อเห็นท่าทางของผู้เป็นพ่อ
  ก่อนหน้านี้เขาได้มอบวิชาลับห้าธาตุที่เป็นของสืบทอดของตระกูลแก่ซือหยูโดยหวังจะได้รับการปกป้อง แต่เขาก็ถูกพ่อกับผู้เฒ่าคนอื่นในตระกูลลงโทษอย่างหนักแทน
  เขาเกือบจะกลับตำหนักโลหิตเพื่อขอวิชาลับห้าธาตุคืนจากซือหยูแต่เมื่อได้เห็นใบหน้าหวาดกลัวของทุกคนที่นี่ ชางก่วนหยุนซื่อก็รู้สึกพอใจอย่างมิอาจบรรยาย