ตอนที่ 943 - ผู้มีพระคุณ

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  “ท่านเจ้าตระกูลไม่ต้องสุภาพนักก็ได้ถ้าท่านเห็นด้วยก็ง่ายขึ้น หารือกับนายหญิงซือถูแล้วเลือกสถานที่ที่เหมาะสม แล้วจงจำไว้ว่าอย่าให้มีผลกระทบกับตระกูลซือถู ข้าไม่อยากให้มีปัญหาที่ไม่จำเป็นเกิดขึ้น…”
  ซือหยูกล่าว
  ด้วยเหตุนี้ปัญหาจึงถูกแก้ไขอย่างง่ายดายเมื่อซือหยูพูดจบ เขาออกจากห้องประชุมกลับไปในห้องเพื่อคิดถึงแผนในอนาคต
  ตอนนี้องครักษ์แสงกระจ่างถูกสังหารหมดแล้วราชาเขตกลางได้เห็นใบไม้จากเทพไม้ของซือหยูกับตา เขาจะไม่ส่งอสูรเนรมิตรมาสังหารซือหยูอีกแล้วแน่นอน
  ดังนั้นตอนนี้ซือหยูจึงนับว่าปลอดภัยและเขาก็ไม่มีเหตุผลเร่งด่วนให้ต้องกลับตำหนัก
  …แล้วข้าควรจะกลับตำหนักไปบ่มเพาะพลังต่อหรือไม่?
  ปัญหาเดียวก็คือตอนนี้ซือหยูเปิดเผยตัวตนไปแล้วในการต่อสู้ครั้งก่อนแม้แต่พลังมิติก็ถูกหลายคนมองเห็น…จะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นตอนที่ข้ากลับตำหนักไหม?
  ขณะที่ซือหยูคิดถึงเส้นทางที่จะเลือกเดินเขาไม่รู้เลยว่าทวีปจิวโจวกำลังเกิดเรื่องใหญ่ในค่ำคืนนี้! นั่นก็เพราะว่ามีข่าวอันน่าทึ่งถูกปล่อยออกมาจากเขตกลาง
  มันคือข่าวที่ว่าองครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าถูกล้างสังหารสิ้นไม่มีใครรอดไปได้สักคนเดียว!
  ข่าวนี้ไปถึงกลุ่มอำนาจใหญ่ในจิวโจวด้วยความเร็วปานสายฟ้าเพียงวันเดียวก็เกิดความวุ่นวายขึ้น
  องครักษ์แสงกระจ่างแต่ละคนนั้นเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างมากมักจะไม่เคยมีผู้ใดเอาชนะได้หากทั้งห้ารวมพลังกัน ดังนั้นถ้าไม่ใช่ฝีมือของราชาสักเขตก็ยากที่จะมีใครทำได้
  คนสองพวกแรกที่น่าสงสัยนอกจากราชาทั้งเก้าเขตก็คือม่อเทียนฉวนนางย่อมถูกสงสัยมากที่สุดเพราะว่านางมักจะต่อต้านเขตกลางอยู่เสมอ!
  เมื่อม่อเทียนฉวนรู้ข่าวแม้แต่ตัวนางเองก็ตกใจ
  “ถ้าไม่ใช่ข้าไม่ใช่จ้าวผาบั่นภูติ หรือว่าจะเป็นราชาเก้าเขต?”
  นางรู้ดีว่านางไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และจ้าวผาบั่นภูติที่กำลังปิดประตูฝึกตนอยู่ ซึ่งนอกจากพวกเขาสองคนก็เหลือแค่ราชาเก้าเขตที่ไม่มีใครเทียบพลังได้
  เมื่อทราบเรื่องเจ้าตำหนักนอกพาเจ้าตำหนักคงฉานที่บาดเจ็บหนักและเจ้าตำหนักฮั่วมาเพื่อขอพบและหารือกับนางถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกชางก่วนและซือถู
  “เป็นพวกมันอีกแล้วพวกมันต้องการอะไรในดินแดนพรสวรรค์กันแน่?”
  ม่อเทียนฉวนเริ่มรู้สึกว่าดินแดนพรสวรรค์กำลังมีกลุ่มอำนาจที่นางไม่รู้จักเกิดขึ้นอยู่
  “ผ่านมาหลายวันแล้วทำไมพวกเจ้าเพิ่งมารายงานตอนนี้?”
  ม่อเทียนฉวนกังวลในเรื่องนี้มาก
  เจ้าตำหนักคงฉานพูด
  “ท่านเจ้าตำหนักลงโทษพวกข้าเถอะหลังจากข้าหนี ข้าติดอยู่ในเขตที่เป็นมิติโกลาหลจนออกมาไม่ได้แม้จะผ่านมาสองวันสองคืน จนกระทั่งวันก่อนที่มิติโกลาหลจบลงข้าถึงกลับมาได้”
  ม่อเทียนฉวนตาลุกวาว
  “มิติโกลาหลรึ?บอกรายละเอียดกับข้ามา”
  จากนั้นเจ้าตำหนักคงฉานอธิบายต่อไป เมื่อฟังจบ ม่อเทียนฉวนดูสับสน นางอุทาน
  “นั่นมันค่ายกลดับสวรรค์!”
  “พวกมันจะต้องจับตัวใครซักคน!”
  ม่อเทียนฉวนสงสัยมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าทำไมองครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าคนถึงมาอยู่ใกล้ดินแดนพรสวรรค์
  แสดงว่าพวกนั้นจะต้องปิดพื้นที่เพื่อค้นหาใครสักคนโดยเฉพาะเมื่อพวกเขาถึงกับใช้ค่ายกลดับสวรรค์! และผลก็คือใครสักคนที่องครักษ์ทั้งห้าตามล่า ได้สังหารองครักษ์ทั้งห้าด้วยตัวเอง!
  “พวกเจ้าจัดการเรื่องตระกูลเฉาทรยศนั่นข้าจะไปที่นั่นด้วยตัวเอง”
  ม่อเทียนฉวนตาลุกวาวนางฉีกกระชากมิติด้วยมือหนึ่งข้างก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
  ที่ตระกูลซือถูป้อมปราการเบื้องบน
  นายหญิงซือถูเปลี่ยนชุดเป็นชุดไหมสีเงินและคาดเข็มขัดสีม่วงรอบเอวชุดนี้เน้นรูปร่างสง่างดงามของนางออกมาได้เป็นอย่างดี มันน่ามองอย่างมาก
  นางครุ่นคิดเรื่องนี้มาโดยตลอดและนางก็คิดว่านี่เป็นโอกาสที่จะทำให้ตระกูลซือถูเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในดินแดนพรสวรรค์ ถ้าหากนางได้รับการยอมรับจากซือหยู ในอนาคต นางจะได้รับการสนับสนุนจากเมิ่งเถียน ไม่สิ นางเองจะได้ออกคำสั่งเมิ่งเถียนเองด้วย ตระกูลซือถูจะไม่มีสิ่งใดให้กังวลอีก!
  นางคิดเรื่องนี้ในใจมานานสุดท้ายนางก็คิดจะใช้ร่างกายรับใช้ซือหยูและกลายเป็นผู้หญิงของเขา
  นางเคาะประตูมีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา
  เอี๊ยด!
  นางผลักประตูเบาๆ ด้านในเรือนว่างเปล่า มีเพียงจดหมายซองสีขาวที่มีข้อความเล็ก ๆ เขียนเอาไว้…
  ‘ข้าไปแล้วแล้วพบกันใหม่’
  นายหญิงซือถูตกใจนางนั่งลงบนขอบเตียงและรู้สึกผิดหวัง นางถอนหายใจยาว ซือหยูออกจากป้อมปราการในยามวิกาล เขาน่าจะสบายใจขึ้นหลังจากสะสางเรื่องราวของตระกูลชางก่วนจบแล้ว
  ตอนนี้สิ่งเดียวที่ซือหยูเป็นห่วงในดินแดนพรสวรรค์ก็คือจ้าวหอเพลิงคลั่ง นางเป็นคนเดียวที่รู้ว่าซือหยูกำลังจะหนีออกจากตำหนักโลหิต นางยังเป็นคนเดียวที่มาบอกลาเขา และที่สำคัญที่สุด…นางคือคนที่ให้เงินเก็บทั้งหมดกับซือหยู
  คำพูดของนางที่บอกว่า‘ชีวิตยอดฝีมือเป็นดั่งหิ่งห้อยสะท้อนโลก แสงหิ่งห้อยหายไปในพริบตา ข้าหวังว่าในชีวิตนี้เจ้าจะกลับมาหาข้าสักครั้ง ไม่ว่าจะยังมีชีวิตหรือที่หน้าหลุมศพของข้า…’ ได้ประทับลงในใจซือหยู
  เขาไม่อยากจะเจอนางตอนตายและในที่สุดก็หันไปมองนางเขาคิดเรื่องนี้มาตลอดคืนและตัดสินใจเดินทางไปยังดินแดนมีดสวรรค์เพื่อให้ได้รู้ว่านางเป็นตายร้ายดีอย่างไร
  เขาเดินทางข้ามทะเลสาบสีเงินที่กลายเป็นทุ่งหม่อนในตอนกลางคืนไม่นานซือหยูก็หยุดเดินทางและหันไปมองด้านหลัง
  “เจ้าตามข้ามานานเช่นนี้ใยไม่แสดงตัวออกมาเล่า?”.ไอลีนโนเวล
  ทุ่งหม่อนสงบเงียบ
  จากนั้นไม่กี่ลมหายใจตะเข็บมิติสีดำสนิทได้แยกออก ร่างสีม่วงก้าวออก นางมีรูปลักษณ์งดงามบริสุทธิ์ที่สวมชุดสีม่วง นางดูสง่าราวกับนางไม้
  นางมองเขาด้วยดวงตาที่สดใสราวกับวารีมันเปล่งประกายดั่งแก้ว
  “ข้าควรเรียกเจ้าว่าซือหยูเซี่ยนหยินหยู หรือซือหยูดีล่ะ?”
  นางถาม
  นั่นคือชื่อที่ซือหยูเคยพูดให้กงซุนหวูซื่อแสดงว่านางย่อมอยู่รอบ ๆ ในตอนนั้น
  “ถ้าเจ้ารู้อยู่แล้วก็เรียกข้าว่าซือหยูเถอะ”
  ซือหยูมองนางด้วยความรักอันอ่อนโยนและความเศร้าในแววตา
  หญิงสาวชุดม่วงเริ่มเสียงแข็ง
  “แม้แต่ชื่อเจ้ายังปลอมเลย!เจ้าเป็นคนที่ฆ่าลุงซือตี๋!”
  ซือหยูตอบกลับ
  “ที่ป่าขังภูติเจ้าไม่ได้รู้ตั้งแต่ตอนที่เจ้าปลอมตัวเป็นองครักษ์แสงกระจ่างหรอกหรือ?”
  ความจริงแล้วซือหยูเพิ่งจะคิดเรื่องนี้ได้เมื่อวานนี้เอง ตอนที่เขาได้เจอกับชายหน้ากากเงินจากผาบั่นภูติ เขาได้เจอกับองครักษ์แสงกระจ่างที่ไม่จู่โจมแต่จากไปด้วยตัวเอง ตั้งแต่ครั้งนั้นเขาก็สงสัยมาโดยตลอด
  จนกระทั่งเมื่อวานเมื่อเขาได้ใช้พลังห้วงเวลาสังหารองครักษ์แสงกระจ่าง ตอนนั้นเขาจึงได้รู้ว่าบรรยากาศของพลังที่องครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าคนปล่อยออกมานั้นไม่เหมือนกับคนที่เขาเจอในป่าขังภูติเลย
  ซือหยูจึงรู้ว่าคนที่เขาพบในป่าขังภูติไม่ใช่องครักษ์แสงกระจ่างเลยแต่เป็นคนที่ปลอมตัวเป็นองครักษ์แสงกระจ่าง
  นี่คือสิ่งที่ทำให้ซือหยูต้องสารภาพว่าเขาสังหารจักรพรรดิโลหิตและ…คนคนเดียวที่คุ้นเคยกับองครักษ์แสงกระจ่างจนปลอมตัวได้ก็มีเพียงคนเดียว…นั่นคือจื่อเสวียน!
  ซือหยูรู้สึกอยู่แล้วว่านางเปลี่ยนไปหลังจากกลับมาจากเขาวิญญาณจรัสนางมิได้น่ารักอย่างที่เคยเปิด นางดูเหมือนคนแปลกหน้าเสียมากกว่า
  “ข้าเชื่อใจเจ้ามากถึงกับหวังให้เจ้าหาฆาตกร! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนที่ข้าตามหา!”
  จื่อเสวียนพูดอย่างเย็นชาความโกรธเกรี้ยวปะทุในดวงตานั้น
  เมื่อคิดถึงอดีตจื่อเสวียนรู้สึกว่านางถูกหลอก
  “เจ้าคิดจะฆ่าข้าใช่หรือไม่?”
  ซือหยูถามเขายังมีเซี่ยจิงหยูกับฉินเซี่ยนเอ๋อที่ต้องปกป้อง เขาจะไม่ยอมตายที่นี่
  จื่อเสวียนตัวสั่นความรู้สึกซับซ้อนต่าง ๆ แสดงในดวงตา แม้อดีตจะผ่านไป จื่อเสวียนก็ได้สร้างมิตรภาพดี ๆ กับเขาแล้ว นั่นทำให้ยากที่นางจะลงมือ
  “บอกข้าได้ไหมว่าทำไมเจ้าถึงฆ่าลุงซือตี๋?เขาดูแลข้าให้เติบโต เขาไม่ต่างจากคุณปู่ผู้มีพระคุณที่สุดของข้า…”
  “…เจ้าฆ่าเขาทำไม?”
  “ผู้มีพระคุณหรือ?อืม…มันสำหรับเจ้าคนเดียว สำหรับข้า และทุกสิ่งมีชีวิตบนทวีปเฉินหลง มันคือคนที่ชั่วช้าที่สุด น่าหวาดกลัวที่สุด และฆาตกรที่โหดร้ายที่สุด! มีชีวิตมากกว่าพันล้านชีวิตที่ตายเพราะมือมัน! ข้าสังหารเพื่อล้างแค้น!”
  ซือหยูตอบ
  จื่อเสวียนสายตาเย็นชา
  “เจ้าโกหก!ลุงซือตี๋ไม่ใช่คนแบบนั้น!”
  เสียงของนางดังก้องเขานางปลดปล่อยจิตสังหารออกมาด้วยความแค้น
  ซือหยูไม่เกรงกลัว
  “เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจว่าข้าโกหกหรือไม่อย่าหลอกตัวเองเลย”
  ร่างเล็กๆ ของจื่อเสวียนสั่นเครือ นางพูดไม่ออก นางเติบโตมาในตำหนักเขตกลาง ชีวิตของนางมีแต่การฝึกฝน นางแทบจะไม่ได้พบปะกับโลกภายนอกเลย
  ในสายตาของนางราชาเขตกลางกับซือตี๋ย่อมเป็นมิตรและใจดีที่สุดบนโลก แต่หลังจากที่นางหนีออกจากตำหนักและก้าวมาสู่โลกความเป็นจริง นางก็ได้ยินเรื่องชั่วร้ายของซือตี๋
  โดยเฉพาะเรื่องที่เขาได้สังหารคนมามากมายนับไม่ถ้วนเขาโหดร้ายและป่าเถื่อนเป็นอย่างมาก เขาทำเรื่องชั่วช้ามามากมาย
  นี่เป็นเหตุให้นางไม่โจมตีในตอนที่พบตัวตนที่แท้จริงของซือหยูในป่าขังภูติทุกสิ่งทุกอย่างดูแตกต่างจากสิ่งแรกที่นางคิดว่าเป็นความจริง ดังนั้นนางจึงแอบตามซือหยูมาตลอดตั้งแต่ตอนที่เขาออกมาทำภารกิจสังหารมั่วหยาง ตอนที่เขาช่วยเหลือตระกูลซือถู จนกระทั่งถึงตอนนี้