บทที่ 350
สนใจเรื่องของตัวเองเถอะ
“กลับไปที่บ้านกันก่อนเถอะ” หลินหยางที่มีคำถามอยากจะถามมากมายแต่เมื่อมองไปที่ร่างมอมแมมของทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า
“เป็นยังไงบ้าง?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“ไม่แย่เท่าไร ด้วยคำแนะนำของเจ้าทุกอย่างเลยไปได้ด้วยดี” หลินหยางตอบ
“ข้าเกรงว่าเราคงจะต้องเร่งมือกันหน่อยแล้ว หวังฉิงเองก็กำลังพัฒนาดินปืนด้วยเหมือนกัน” มู่หรงพูด
เดิมทีเธอก็ไม่รู้หรอก แต่มีอยู่วันหนึ่งที่เธอเห็น หวังฉิงเดินออกมาจากห้องยา แถมเธอยังได้กลิ่นดินปืนจากตัวเขาแรงมากจนต้องถามออกไปแต่เขาก็พยายามหลบเลี่ยงที่จะตอบเรื่องนี้ตลอด แถมทุกวันๆเขาก็ดูเหมือนจะยุ่งมากจนเธอพอที่จะเดาเองได้ และเธอก็คิดว่าอุบัติเหตุครั้งก่อนน่าจะเกิดขึ้นเพราะดินปืนระเบิดเร็วเกินไปด้วย
เขาคือชายที่อยากจะชนะเพื่อขึ้นไปอยู่จุดที่สูงสุดและเมื่อได้รู้ว่าศัตรูมีอาวุธที่ล้ำหน้ากว่า เขาจึงไม่ยอมที่จะถอยเด็ดขาด
“เขาเป็นคนที่ฉลาดจริงๆ” หลินหยางพูดอย่างเย็นชา
“เขาก็ฉลาดจริงๆแหละ แต่ก็ไม่ใช่แค่หวังฉิงหรอกแต่พวกคนในราชวงศ์ก็ไม่ใช่คนโง่อะไรอยู่แล้ว”
“แล้วเจ้าคือ?” หลินหยางมองไปที่เฟิงจือหลิงที่อยู่ข้างๆแล้วถามออกมา
“เฟิงจือหลิง ขอบคุณมากที่ช่วยดูแลมู่เทียนก่อนหน้านี้” เฟิงจือหลิงเคยได้ยินมู่เทียนเล่าถึงท่านลอร์ดแห่งดินแดนดำมืด และเขาก็ซาบซึ้งกับการช่วยเหลือของเขาอย่างมาก
“พี่เฟิงนี่เอง”
“บอกข้าทีว่ามันต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“มีบางอย่างที่เจ้าจะเร่งไม่ได้หรอกนะ ใจเย็นๆหน่อย” หลินหยางขมวดคิ้วและพูดออกมา
มู่หรงเสวี่ยไม่รู้ เธอแค่กังวลว่าอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง
“ว่าแต่คนที่บ้านเจ้าเป็นใครเหรอ? เจ้าแต่งงานแล้วงั้นเหรอ? พวกเราต้องหลบหรือเปล่า?” มู่หรงเสวี่ยถามอย่างสงสัย
หลินหยางที่เดินมาจนอยู่ไม่ห่างจากวิลล่าจึงมองเห็นคนที่อยู่ในบ้านได้
มู่หรงเสวี่ยพูดถึงผู้หญิงสวยที่เพิ่งจะเจอกันเมื่อกี้
“พูดอะไรไร้สาระ? ดินแดนแห่งสายลมส่งนางมาเพื่อทดสอบข้า น่ารำคาญจริงๆ” หลินหยางพูดอย่างเหลืออดอยู่นิดหน่อย
เขาไม่ชอบผู้หญิงจากยุคนี้เท่าไร พวกนางมีแต่ปัญหา กฎเกณฑ์มากมายทำให้พวกนางใช้ชีวิตอยู่อย่างจำกัดขอบเขต
“อะไรกัน เจ้าไม่ชอบผู้หญิงสวยๆคนนั้นบ้างเลยงั้นเหรอ?”
“ถ้าเจ้าชอบ ข้ายกให้ก็ได้นะ พวกเจ้าสองคนน่าจะเข้ากันได้ดี” หลินหยางพูดประชดประชัน ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบมากจริงๆ
“แต่เจ้าจะให้นางอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?! ไม่เป็นไรเหรอ?” มู่หรงถามออกมาอย่างมีประเด็น
“ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้านางกล้ามาสืบเรื่องข้า นางก็จะไม่มีวันได้กลับออกมาหรอก” ถ้าผู้หญิงคนเดียวเขายังกันไม่ได้ เขาก็ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว
มู่หรงนึกถึงกองทุ่นระเบิดแล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอคิดว่าคงเพราะแบบนี้เขาถึงได้จัดตำแหน่งทุ่นระเบิดใหม่
“เมื่อกี้ดูเหมือนข้าจะทำให้นางไม่พอใจ งั้นเจ้าน่าจะให้พวกเราอยู่คนละตึกกับนางก็ได้นะ” มู่หรงเสวี่ยพูด
เธอไม่อยากที่จะมีปัญหา อีกอย่างเธอก็ไม่ค่อยที่จะถูกกับผู้หญิงเท่าไรด้วย เมื่อนึกถึงสาวใช้ที่อวดดีขนาดนั้น เธอเกรงว่าเจ้านายก็ไม่น่าที่จะต่างกันเท่าไร
“ได้ยังไงล่ะ? นางไม่ได้อยู่ที่วิลล่าข้าหรอก นางพักที่สวนด้านตะวันตก”
“งั้นทำไมนางอยู่ในวิลล่าเจ้าละ?” มู่หรงถามอย่างรู้สึกแปลกๆ
“ข้าเดาว่ามันคงไม่เหมาะเท่าไรที่จะขัดแย้งกับพวกนาง ดังนั้นข้าจึงยอมเสียหน้าเพื่อที่จะรักษาสถานการณ์ไว้” หลินหยางตอบเสียงเรียบ
“ไม่ชอบหน่อยเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถามอีกครั้ง
“หน้าข้าบอกว่าชอบไหมล่ะ?” หลินหยางเหล่ตาไปที่เธอ
มู่หรงเสวี่ยยิ้ม ผู้หญิงคนนั้นสวยจริงๆนะ
“จือหลิง เจ้าคิดว่าไง? นางสวยหรือเปล่า?”
ผู้หญิงงั้นเหรอ? หลังจากที่มองอีกครั้ง เขาก็ยังไม่รู้สึกอะไรอยู่ดี “เจ้าชอบงั้นเหรอ?” หลังจากที่เงียบไปนาน เฟิงจือหลิงก็ถามออกมา
เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าผู้หญิงแบบไหนที่เธอมองว่าสวย แต่สำหรับเขาไม่มีพวกเธอในหัวใจเลย
“ข้าชอบหรือเปล่างั้นเหรอ? แต่ข้าถามเจ้านะ” มู่หรงเสวี่ยถาม
เมื่อมีเจ้าอยู่ข้างๆ เขาจะไปชอบคนอื่นได้ยังไงกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตามเถอะ “ข้าไม่ชอบ”
“ดูเหมือนว่าสายตาผู้ชายของพวกเจ้าจะแปลกไปจริงๆ” มู่หรงพูดเสียงเรียบ
ผู้ชายแบบพวกข้างั้นเหรอ? เจ้าเองก็ด้วยไม่ใช่เหรอ?!
ระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกันแล้วก็เดินมาถึงประตูวิลล่าแล้ว
“องค์หญิง คนป่าเถื่อนสองคนนั้นมาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้ตาไวเมื่อเห็นพวกมู่หรงเดินเข้ามาก็รีบรายงานเสียงเบาทันที
แต่เพราะเปิดประตูเข้ามาพอดี ทำให้ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน
มู่หรงทำปากเบี้ยว นี่พวกเธอกลายเป็นคนป่าเถื่อนตั้งแต่เมื่อไรกัน?!
“อย่าพูดจาไร้สาระ” องค์หญิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่กลับไม่มีความจริงใจอยู่ในนั่นเลย
เพราะเรื่องที่มู่หรงเสวี่ยพูดเมื่อกี้ เฟิงจือหลิงจึงมองไปที่ผู้หญิงสวยที่อยู่ตรงหน้า นอกจากเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา ใบหน้าที่ดูพอใช้ได้แล้วนอกนั้นก็ไม่เห็นว่าจะสวยอะไร แถมกลิ่นกายก็ไม่หอมยั่วยวนเหมือนกับของเธอด้วย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของเฟิงจือหลิงก็แดงระเรื่อเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีความคิดที่สกปรกเช่นนี้
เพียงแต่ว่าในสายตาขององค์หญิงพวกเขาคือคนแปลกหน้า และยังไงซะเฟิงจือหลิงก็กำลังมองมาที่เธอด้วย ในสายตาขององค์หญิงแวบประกายไม่พอใจ
อย่างที่คิดไว้เลยเขาเป็นชายป่าเถื่อน กล้าดียังไงถึงมามองเธอด้วยสายตาสกปรกแบบนี้ เขาคู่ควรงั้นเหรอ?! ดวงตาขององค์หญิงเต็มไปด้วยความรังเกียจ
ไม่แปลกใจเลยที่นางจะคิดแบบนั้น เพราะก่อนหน้านี้เพื่อที่จะปลอมตัว มู่หรงเสวี่ยและเฟิงจือหลิงต้องสวมเสื้อผ้าขาดวิ่น แถมใบหน้าก็จงใจเอาเครื่องสำอางของมู่หรงเสวี่ยมาแต่งแต้มเต็มไปหมดจนแทบจะมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง
“กล้าดียังไงถึงมาจ้ององค์หญิงแบบนี้?” สาวใช้ร้องออกมา
“สาวน้อยถ้าเจ้าโมโหง่ายแบบนี้จะทำให้แก่เร็วนะ” มู่หรงพูดพร้อมรอยยิ้ม
“กล้ามากนะที่พูดหยาบคายแบบนี้ อยู่ต่อหน้าองค์หญิงกล้าดียังไงถึงพูดจาแบบนี้ ใครก็ได้ลากสองคนนี้ออกไปตัดหัวทีสิ” สาวใช้รีบสั่งออกมาด้วยความโกรธแค้นทันที
องค์หญิงไม่ได้พูดอะไรและดูเหมือนจะเห็นด้วยกับการตัดสินใจของสาวใช้ด้วย
หลังจากที่พูดจบ พวกทหารพร้อมอาวุธก็เดินก้าวมาข้างหน้าทันที
สีหน้าของหลินหยางเครียดขึ้นมา “ใครกล้าขยับ” ทันทีที่เสียงของหลินหยางดังออกมา แถวของทหารชุดดำก็เดินออกมาพร้อมด้วยอาวุธที่เปล่งประกายน่ากลัวอยู่ในมือ
“พวกเจ้าถอยกลับมา อย่างสร้างเรื่องวุ่นวาย” เสียงหวานขององค์หญิงดังออกมาราวกับกำลังประณามและกล่าวหาเล็กน้อย
มู่หรงแสยะยิ้ม ช่างเป็นผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์จริงๆ ทำไมไม่ห้ามตั้งแต่แรก เธอคิดว่าน่าจะเป็นเพราะนางเห็นหลินหยางออกคำสั่ง
“ท่านลอร์ดแห่งดินแดน ข้าต้องขออภัยด้วย สาวใช้ของข้าก็เพียงแค่อยากที่จะปกป้องนายตัวเอง ข้าหวังว่าท่านลอร์ดจะไม่ถือสาหาความ”
“ไม่ทราบว่าองค์หญิงมีธุระอะไรงั้นเหรอ?” หลินหยางโบกมือและทหารชุดดำที่อยู่ตรงหน้าก็หายไปทันที
มู่หรงเสวี่ยอดที่จะชื่นชมทักษะการเอาตัวรอดของคนในยุคนี้จริงๆ เขานี่เหนือชั้นจริงๆเลย
“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ เพียงแค่ว่าองค์จักรพรรดิของดินแดนสายลมส่งผลไม้ท้องถิ่นมาให้ท่านลอร์ดแห่งดินแดนได้ลองชิม” องค์หญิงพูดออกมาเสียงเรียบ ถึงแม้น้ำเสียงที่ดังออกมาจะอ่อนหวานแต่ท่าทางก็ยังดูถือตัว
เธอไม่ลุกขึ้นด้วยซ้ำแต่กลับนั่งอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบราวกับว่าเธอเป็นท่านหญิง
อันที่จริงองค์หญิงก็คิดแบบนั้นจริงๆ เธอเป็นองค์หญิงของดินแดนอันยิ่งใหญ่และสถานะของเธอก็สูงกว่าท่านลอร์ดของเมืองด้วย
เธอคิดว่าแค่คำพูดด้วยดีๆที่พูดด้วยก็ถือว่าไว้หน้ากันมากแล้วและเขาก็ควรที่จะรู้สึกขอบคุณกับเรื่องนี้ด้วย
เธอลืมคำเตือนที่ท่านพี่บอกเมื่อนานมาแล้วไปหมดแล้ว เธออยู่ที่นี่มาอาทิตย์หนึ่งแล้วแต่ก็ยังไม่พบอะไรที่ผิดปกติเกี่ยวกับท่านลอร์ดแห่งดินแดนดำมืดเลย
ทุกอย่างก็ดูปกติ เธอไม่มีคำไหนที่จะพูดแต่เกรงว่าเขาเองก็จะเป็นคนที่หยาบคายไม่น้อย เธอไม่รู้จริงๆว่าท่านพี่จะกลัวอะไรถึงต้องบอกให้เธอมาดูด้วยตัวเองแบบนี้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ถึงแม้ความเป็นไปได้จะมีแค่หนึ่งในหมื่นแต่เธอเองก็ควรที่จะเปิดตาและสังเกตอย่างรอบคอบด้วย
โชคดีที่ท่านลอร์ดแห่งดินแดนดำมืดนี่ไม่ใช่คนที่บ้ากามอะไรและเขาก็ไม่มีท่าทีรุ่มร่ามกับเธอตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้
สิ่งนี้ทำให้เธอตีความหมายไปเองว่าที่เขาปฏิบัติกับเธอด้วยความเคารพเพราะเขารักเธอ
เธอไม่เคยคิดเลยว่าท่าทางเฉยเมยของหลินหยางหมายถึงว่าเขาไม่ชอบเธอ แต่กลับคิดว่านี่น่าจะเป็นวิธีที่เขาใช้เพื่อเอาชนะใจผู้หญิง
โชคดีที่หลินหยางไม่รู้ว่าในใจของเธอคิดอะไรอยู่ ไม่งั้นเขาคงจะทนไม่ได้แน่ๆ
นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องแปลกๆมากมายที่ผุดขึ้นมาและเขาไม่อยากที่จะดึงดูดความสนใจมากเกินไปนัก เขาก็คงจะโยนผู้หญิงคนนี้ออกไปแล้ว ให้เธอกลับไปอยู่ในที่ที่เธอสามารถมองคนอื่นด้วยท่าทางแบบนี้ได้
“องค์หญิงทรงมีน้ำใจมาก” หลินหยางพูดออกมาเรียบๆแล้วจึงหันหัวไปทางฝั่งของมู่หรงและพูดออกมาว่า “เจ้าคงจะเหนื่อยมาทั้งวัน ไปอาบน้ำให้สบายก่อนเถอะแล้วเราค่อยคุยเรื่องรายละเอียดกันอีกทีตอนเย็น”
มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า ยังไงซะเธอก็ไม่ได้อยากจะเห็นหน้าองค์หญิงนี่เท่าไรอยู่แล้ว
ส่วนเฟิงจือหลิงไม่ต้องพูดถึงเลย เขารีบหันหัวและเดินตามมู่หรงเสวี่ยขึ้นตึกไปทันที
สายตาขององค์หญิงแวบประกายแหลมคมแล้วก็หายไป “ท่านลอร์ดมีจิตใจที่งดงามจริงๆ ถึงได้ดีกับคนอื่นแบบนี้”
สีหน้าของหลินหยางเยือกเย็นลงเล็กน้อย “องค์หญิงไม่มีอย่างอื่นให้ไปทำเหรอ อย่างอ่านหนังสือ ชมดอกไม้อะไรอย่างงี้ จะได้สนใจเรื่องคนอื่นน้อยลงกว่านี้หน่อย”
สีหน้าขององค์หญิงกระตุก เขาหมายความว่ายังไงเนี่ย?! เหน็บแนมว่าเธอยุ่งเรื่องชาวบ้านงั้นเหรอ?!
ที่เธอพูดไปเป็นเจตนาดีจริงๆไม่ได้เหน็บแนมอะไรเลยนะ เขาเป็นคนที่หยาบคายจริงๆ
เธอกำหมัดแน่น พยายามระงับความโกรธพร้อมทั้งหันหลังและเดินออกไป
สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังเธอเองก็จ้องมาที่หลินหยางอย่างหยาบคาย ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายยังถือว่าเป็นคนที่มีศักดิ์สูงอยู่บ้าง ก็เดาว่าสาวใช้ก็คงจะรีบพุ่งเข้ามาเล่นงานเขาไปแล้ว
องค์หญิงของพวกนางมีสถานะสูงศักดิ์ จะมาพูดจาแบบนี้ด้วยได้ยังไงกัน
“ถ้าเป็นอย่างงั้น ข้าเองก็มีอะไรอีกมากที่ต้องทำ” น้ำเสียงแข็งกระด้างอย่างเลี่ยงไม่ได้พร้อมด้วยความโกรธที่ปิดไม่มิด
“รับทราบ” หลินหยางตอบเสียงเรียบ
องค์หญิงลุกขึ้นทันที สีหน้าของเธอเครียดขึ้นและน้ำเสียงก็สะดุด “ข้าจะกลับวันนี้ เจ้าค่อยๆชิมผลไม้ไปแล้วกัน” หลังจากที่พูดจบ ก็เดินออกไปด้วยความโกรธ กล้าดียังไงถึงมาพูดกับเธอแบบนี้
เมื่อเธอกลับไปถึงดินแดนสายลม เธอจะต้องบอกให้องค์จักรพรรดิจัดการท่านลอร์ดป่าเถื่อนคนนี้ซะแล้ว
ไม่งั้นความอัปยศที่เธอต้องเจอวันนี้จะจางหายไปได้ยังไง
สาวใช้ที่อยู่ข้างๆองค์หญิงรีบเดินตามไปทันที หลังจากที่เดินออกมาไกลแล้ว เธอก็ถามออกไปว่า “องค์หญิง ท่านจะปล่อยคนพวกนั้นไว้แบบนี้เหรอเจ้าคะ?”
ในฐานะองค์หญิง ทำให้เธอเองก็มีอำนาจของตัวเองเหมือนกัน และเพราะเธอเป็นคนฉลาดและทำอะไรดีๆไว้มาก พร้อมทั้งช่วยเสนอนโยบายดีๆใช้องค์จักรพรรดิและคนอื่นๆมามาก ดังนั้นในดินแดนสายลมเธอจึงมีสถานะที่สูงอยู่
ท่านพี่ของเธอเองก็ส่งกองทหารมือดีมาให้เธอด้วยจำนวนหนึ่งเพื่อให้เรียกใช้ในยามที่จำเป็น
องค์หญิงโกรธมากแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา