บทที่ 5 บทที่ 63 เลือกข้าง

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 63 เลือกข้าง โดย Ink Stone_Fantasy

“สายลมพัดเอื่อย จันทร์สารทฤดูทอประกาย…ล้าลาๆๆ บลาๆ”

อย่าเข้าใจผิดนะ หวังเย่ว์ชวนไม่ใช่คนที่ชอบร้องเพลงแบบนี้แน่นอน นั่นเป็นเสียงที่มาจากโทรทัศน์ในห้องใต้เท้าของเขาต่างหาก

ต้องพูดว่า มันคือเสียงโทรทัศน์จากห้องล่างดาดฟ้าต่างหาก

แล้วก็อย่าเข้าใจผิด ที่ใช้คำว่าเธอ…นั่นก็เพราะว่าเพื่อนร่วมงานหวังเย่ว์ชวนกำลังแต่งหญิงอยู่น่ะสิ

เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมบาง มีปริมาณไขมันน้อยมาก…เมื่อเพื่อนร่วมงานหวังเย่ว์ชวนใส่ชุดผู้หญิง ก็บอกได้เลยว่าดูงดงามและเหมือนผู้หญิงแท้เลยทีเดียว

แน่นอนว่า เขาตัวสูงกว่านักเรียนหญิงมัธยมที่เป็นเป้าหมายอยู่ไม่น้อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา…เพราะว่าเขา…เธอกำลังนั่งอยู่ริมกำแพงที่ล้อมรอบดาดฟ้าของตึกสูง

ด้านล่างของหวังเย่ว์ชวนเป็นถนน พูดได้ว่าเท้าของเขาเหยียบอากาศอยู่

“คุณอยู่ที่ไหน จ้าวหรู…”

แต่หวังเย่ว์ชวนไม่ได้กลัวระดับความสูงที่นักกีฬาเอ็กซ์ตรีมชื่นชอบนี้เลย แววตาเขาดุจเหยี่ยว มองไปยังเงาเล็กๆ เคลื่อนที่ไปมาราวกับฝูงมดด้านล่างตึก

“อีกอย่าง…” หวังเย่ว์ชวนกะพริบตาแล้วพูดว่า “เฉาอวี้ ฉันรู้ว่าแกจะต้องมาแน่ๆ”

20.31 น.

จ้าวหรูก้มหน้า เดินลงจากรถเมล์คันหนึ่ง…ตอนนี้ยังเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนของเมืองแห่งนี้ ผู้คนเดินสวนกันให้ควัก ไม่มีใครใส่ใจผู้หญิงที่เดินก้มหน้าก้มตาคนนี้เลย

ข้ามอีกแยกหนึ่งไปก็เป็นจุดมุ่งหมายของเธอ…ตึกสูงที่ติดใบประกาศรับสมัครงานบนดาดฟ้า

จ้าวหรูมองรอบๆ ตัวอย่างระแวดระวัง จากนั้นเธอจึงค่อยๆ เดินเข้าไปในซอย เข้าใกล้จุดหมายขึ้นเรื่อยๆ

เธอแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นเธอ…เธอเชื่อสายตาตัวเองมากกว่าเสียงที่ได้ยินอยู่ไกลๆ…เกรงว่าจะเป็นเสียงญาติของเธอเอง

แต่เธอกลับไม่รู้ว่า ตัวเธอเองก็มีสิ่งที่มองไม่เห็นเหมือนกัน…ตัวอย่างเช่น ทูตภูตดำที่คนธรรมดาไม่มีทางเห็น

ภูตดำหมายเลขสิบแปดตามห่างจากหญิงสาวคนนี้ไม่ถึงหนึ่งเมตร ทั้งยังอยู่สูงจากพื้นขึ้นมาสองเมตร ภูตดำตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็วระดับเดียวกับเธอ

ใกล้ถึงช่วงเวลาเก็บเกี่ยวของภูตดำหมายเลขสิบแปดแล้ว

มนุษย์รับรู้จิตใจของตัวเองก็จริง แต่กลับมองข้ามความคิดที่แท้จริงของตัวเองเสมอ…ทว่าเธอเข้าใจความคิดของมนุษย์ดีกว่ามนุษย์ด้วยกันเสียอีก

โดยเฉพาะกับพวกที่เธอแทรกซึมเข้าไปในฝันเมื่อครั้งอดีต

แต่ภูตดำหมายเลขสิบแปดกลับต้องชะงักไป

เธอหยุดอยู่ที่เดิมโดยไม่หันกลับไป พลางพูดอย่างเฉยเมยว่า “จิ๊ๆ ครั้งที่แล้วยังได้บทเรียนไม่พอหรือไง ยังจะรนหาที่ตายอีก นักเวทมือสมัครเล่น”

เธอเดินตามจ้าวหรู และก็มีคนตามมาเธอเช่นกัน…ผู้ชายที่เธอเรียกว่ามือสมัครเล่น ผู้ชายที่สวมแว่นตาคนนั้น

เฉาอวี้

“แค่ทำลายคาถากระจกเงาของฉันได้ ก็กระหยิ่มยิ้มย่องเสียแล้ว อย่างแกไม่เท่าไรหรอก”

“งั้นหรือ”

ภูตดำหมายเลขสิบแปดพูดอย่างเฉยชา แล้วหันหลังกลับอย่างช้าๆ เพียงแต่ก่อนที่จะหันหลังกลับ เธอยังสะบัดนิ้วชี้เบาๆ หนึ่งที จากนั้นแสงสีดำเลือนรางก็พุ่งไปด้านหน้า ก่อนเข้าไปอยู่ในเสื้อของจ้าวหรูผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร

เฉาอวี้มองทุกการกระทำของภูตดำหมายเลขสิบแปด

เขาไม่ได้ดูผ่อนคลายเหมือนอย่างที่พูด

เขาพยายามใช้คำพูดยั่วยุฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้เธอหมดความอดทน และเผยจุดอ่อนในที่สุด แน่นอนว่าเฉาอวี้ก็ไม่คิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายโกรธจนเผยช่องโหว่ง่ายดายขนาดนั้นหรอก…แต่ยังไงการลงมือทำก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

“ดูท่าครั้งนี้แกจะเตรียมตัวมาดีแล้วสินะ…ฮ่าๆๆ…”

เฉาอวี้แค่นหัวเราะ “ฉันระวังตลอดนั่นแหละ”

ภูตดำหมายเลขสิบแปดทำท่าทางแปลกใจ “อ้อ? งั้นหรือ งั้นให้ฉันเดา…ฉันเดาว่า…ครั้งนี้แกมาด้วยร่างจริงใช่ไหม”

เฉาอวี้ยังคงพูดอย่างนิ่งเฉย “ครั้งแรกที่ฉันเจอแก แกก็ทำลายโล่สี่ดาวของฉันได้แล้ว อีกอย่าง คาถากระจกเงาก็ใช้ไม่ได้ผลกับแก…ฉันไม่คิดว่าเวทมนตร์แบบเดียวกันจะจัดการกับแกได้หรอก ฉันเลยมายืนยันอะไรสักหน่อย”

ภูตดำหมายเลขสิบแปดระเบิดเสียงหัวเราะอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ราวกับเสียงปลายมีดกรีดกระจก “แกใช้ร่างจริงมาที่นี่ แต่ดูไม่ค่อยมั่นใจเลยนะ”

เฉาอวี้ขยับแว่นตา พยักหน้าแล้วพูดว่า “แกพูดถูก ฉันต้องลงมือเอง ว่ากันจริงๆ แล้วก็ไม่เหมาะสม แต่ว่าแกมองข้ามบางอย่างไปนะ”

“อ้อ? ฉันอยากรู้จังเลย”

เฉาอวี้ไพล่สองมือไว้ข้างหลังตลอดเวลา ในตอนนี้ มือทั้งสองข้างของเขาพนมขึ้นอยู่ด้านหลัง แต่สีหน้านิ่งเฉยไม่เปลี่ยน “แกมองข้ามมันไป ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ฉันที่ฉันเลือกบ่มเพาะมา ฉันเข้าใจเธอมากกว่าใครๆ ฉันรู้ท่าทางการเคลื่อนไหวของเธออย่างแจ่มแจ้ง”

ภูตดำหมายเลขสิบแปดยิ้มเยาะ

เฉาอวี้พูดต่อช้าๆ “ในเมื่อฉันเข้าใจเป้าหมายของเธอ เข้าใจท่าทางของเธอ…ก็ต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าคืนนี้เธอจะเลือกเส้นทางแบบไหน อย่างเช่น ที่นี่”

ภูตดำหมายเลขสิบแปดมองไปรอบๆ ซอยนี้ทันที

ในขณะเดียวกัน มือทั้งสองข้างของเฉาอวี้ก็กางออกทันที เขาคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับใช้สองมือกดลงไปบนพื้น!

เวลานี้ ใต้เท้าของภูตดำหมายเลขสิบแปดมีวงกลมสีฟ้าอ่อนวงใหญ่หนึ่งวง วงเล็กหนึ่งวงลอยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว! บนกำแพงในซอยทั้งด้านซ้ายและด้านหลังของเธอก็เกิดแสงระเบิดออกมาหกจุด!

ด้านละประมาณหกจุด ทั้งหมดสิบสองจุด!

คริสทัล…พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว! ดูเหมือนว่าถ้าเร็วกว่านี้อีกก้าวพวกมันก็จะถูกฝังเข้าไปในกำแพงแล้ว! เวลานี้ คริสทัลสีดำเล็กและใหญ่ทั้งสิบสองเม็ดรวมตัวกันเป็นลูกบาศก์ทรงยี่สิบมุม!

ตอนนี้ภูตดำหมายเลขสิบแปดตกลงไปในช่องว่างของลูกบาศก์ทรงยี่สิบหน้านี้เข้าแล้ว!

“แกวางกับดักไว้งั้นเรอะ!”

เสียงตะโกนแหลมนั่นเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เฉาอวี้ไม่ได้สนใจ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลังเวทในตัวก็ปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง!

ไม่นานนัก เฉาอวี้ก็พ่นลมหายใจออกมาทางปาก ลุกขึ้นยืนช้าๆ ทรงยี่สิบหน้าที่ห่อตัวภูตดำหมายเลขสิบแปดตรงหน้าเขาค่อยๆ หดเล็กลง สุดท้ายก็กลายเป็นลูกบาศก์ทรงยี่สิบมุมขนาดเท่ากำปั้น ลอยไปในฝ่ามือของเฉาอวี้ช้าๆ

เฉาอวี้เซไปเล็กน้อย หลังจากรับลูกบาศก์ทรงยี่สิบหน้านี้แล้ว เขาก็พิงไปกับกำแพงราวกับต้องการพักสักหน่อย

เขาก้มหน้ามองเงาดำกลางลูกบาศก์ทรงยี่สิบหน้านี้ ถึงอีกฝ่ายกระแทกอยู่ข้างในเท่าไรก็ไร้ประโยชน์ เขายิ้มเยาะพูดว่า “ฉันเตรียมเวทมนตร์นี้ถึงสามวันเชียวนะ เป็นยังไงบ้าง ฝีมือของนักเวทที่แกดูถูกหนักหนา”

เงาดำใจกลางลูกบาศก์ทรงยี่สิบมุมกลับไม่สนใจ สักพักก็เงียบเสียงลง

เฉาอวี้พูดอย่างเฉยเมย “ไม่ต้องรีบร้อน พวกเรายังมีเวลาสนุกกันอีก…ตอนนี้ พวกเราไปเก็บผลไม้ที่ใกล้จะสุกกันดีกว่า”

เฉาอวี้เดินออกจากซอยเล็กๆ นี้อย่างรวดเร็ว

20.37 น.

20.50 น.

หลินเฟิงมองไปยังช่องประตูแวบหนึ่ง นักเรียนหญิงมัธยมและตำรวจหญิงยังแอบอยู่ข้างในเงียบๆ

เขาไม่ได้มองนานนัก จากนั้นก็มองไปที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง…อีกแค่สิบนาทีก็จะสามทุ่มแล้ว

เซอร์หม่าที่ดูกล้องส่องทางไกลอยู่ตรงหน้าต่างยกมือขึ้น พูดผ่านไมค์ลอยที่ติดอยู่บนปกเสื้อของเขา สื่อสารกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนในห้อง ไปจนถึงเพื่อนร่วมงานที่ซุ่มอยู่ตามตรอกซอกซอยต่างๆ และหวังเย่ว์ชวนที่ยืนกินลมอยู่บนดาดฟ้าตึกว่า “ทุกคนระวังตัวให้ดี เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว! ย้ำอีกครั้ง เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว! เตรียมตัวเข้าชาร์จได้…อาหลง ใครเดินผ่านคุณไปน่ะ”

น้ำเสียงเซอร์หม่าเปลี่ยนไปทันที

นายตำรวจชื่ออาหลงที่ซ่อนตัวอยู่สะดุ้งทันที เขาโผล่หัวออกไปดู กลับเห็นเพียงเงาของอีกฝ่าย “ไม่ทราบครับ อาจจะเป็นคนเดินถนนครับ”

“คนเดินถนน?” หม่าโฮ่วเต๋อขมวดคิ้ว เขามองตามด้วยกล้องส่องทางไกล กลับเห็นอีกฝ่ายก้มหน้า จึงเห็นท่าทางของอีกฝ่ายไม่ชัด

ผู้ชายคนนี้เดินไปยังถนนตรงหน้าจ้าวหรูพอดี…ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เขาต้องประจันหน้ากับจ้าวหรูอย่างจัง

หม่าโฮ่วเต๋อมีลางสังหรณ์แปลกๆ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าลางบอกเหตุนี้ต้องการบอกอะไรกันแน่

คนเดินถนนธรรมดาๆ หรือว่า…

และในเวลานี้ คนที่ซุ่มโจมตีอยู่อีกจุดหนึ่งก็ส่งข่าวมาว่า “เซอร์หม่า เป้าหมายเข้าใกล้วงล้อมที่จับกุมได้แล้ว! เหลืออีก…สิบเมตร!”

ระยะทางสิบเมตร หากคำนวณจากระยะก้าวที่รวดเร็วแล้วจะเท่ากับกี่วินาทีนะ?

แต่จ้าวหรูกลับหยุดเดินกะทันหัน