บทที่ 5 บทที่ 64 วัยเด็กไม่เห็นคุณค่าของเวลา เมื่อโตมาก็สายไปเสียแล้ว

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 64 วัยเด็กไม่เห็นคุณค่าของเวลา เมื่อโตมาก็สายไปเสียแล้ว Ink Stone_Fantasy

จ้าวหรูขมวดคิ้ว

ด้วยเพราะเธอคลำเจอของทในกระเป๋าเสื้อคลุมที่เธอจำไม่ได้เลยและไม่รู้ว่ามาจากไหน…การ์ดสีดำใบหนึ่ง

เธอรู้ดีว่าตัวเองพกอะไรไว้บ้าง แต่มีเพียงการ์ดดำใบเดียวที่เธอไม่รู้ว่ามาจากไหน

ตอนออกจากซอยเล็กๆ นั้นเหรอ? หรือว่าก่อนหน้านั้นอีก?

เป็นใครใส่ไว้ในกระเป๋าเธอ?

ความไม่รู้ทำให้เธอหยุดฝีเท้าลง

แต่เธอกลับหยุดเดินในเวลาที่เหลือไม่ถึงสิบนาที

การ์ดที่ทำให้ความปรารถนาเป็นจริง…แลกเปลี่ยนความปรารถนาให้เป็นจริงได้ ส่วนของแลกเปลี่ยนคือ ‘อะไรก็ได้’

‘ขอเพียงมีค่าเทียบเท่ากัน ก็ใช้เป็นของแลกเปลี่ยนได้’

หลังจากเธอคลำเจอการ์ดดำใบนี้ ความคิดเหล่านี้ก็โผล่พรวดเข้ามาในหัวของเธอ ก่อนเธอจะเริ่มสาวเท้าของตัวเองอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

เธอปลูกเมล็ดพันธุ์ รดน้ำอย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้เหลือเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็จะได้เวลาเก็บเกี่ยวแล้ว

เธอจะปล่อยให้ความลังเลหยุดเธอลงได้อย่างไร

เธอต้องการเก็บเกี่ยวผลพวงนี้

ในใจเธอมีรูโบ๋ขนาดใหญ่รูหนึ่ง…เธอรู้ว่า มีเพียงผลพวกจากการเก็บเกี่ยวนี้ ถึงจะอุดรูโบ๋นี้ได้ช่วงหนึ่ง

‘ผลพวงแห่งความตาย’

ผลพวงที่ถือกำเนิดขึ้นยามที่คนมีความสุขจมดิ่งสู่ความสิ้นหวัง

ผลพวงที่เกิดจากการตกผลึกของความทุกข์ความเสียใจ และความโกรธแค้นก่อนพวกเขาตาย

มีเพียงการอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง มีเพียงการมองเห็นด้วยตัวเอง มีเพียงเสี้ยววินาทีที่ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นแตกสลาย เธอก็จะได้ความปีติยินดีมาเติมเต็มรูโบ๋ในใจของตัวเอง

เธอเริ่มเห็นเงาคนเลือรางบนดาดฟ้าตึก…สูงเกินไปแล้ว เธอมองเห็นลักษณะของเงาคนได้ไม่ชัดเจน แต่เธอรู้ว่าใครนั่งอยู่ตรงนั้น

กำลังหวาดกลัว กำลังเสียใจภายหลัง กำลังโทษตัวเอง กำลังผิดหวัง…ราวกับเธอได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กผู้หญิงบนดาดฟ้าคนนั้น

มุมปากของเธอเชิดขึ้นเล็กน้อย…เธอกำลังรอวินาทีที่ผลผลิตของเธอสุกงอม…เธอไม่ได้เสพสุขกับความหวานและความบริสุทธิ์แบบนี้เป็นครั้งแรก

ด้วยเพราะไม่ใช่ครั้งแรก เธอจึงเข้าใจความเอร็ดอร่อยของมัน!

“มีความสุขมากใช่ไหมล่ะ”

คำพูดดังมาจากข้างหน้า…จ้าวหรูพลันขมวดคิ้วแน่น เธอเองก็รู้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินมาทางเธอ

ยิ่งเป็นตอนนี้ เธอก็ยิ่งระวังเนื้อระวังตัว แต่เธอมั่นใจว่าตัวเองไม่เคยเจอเจ้าแว่นหน้าตาธรรมดาคนนี้

ความจำของเธอดีมาก ตอนที่เธอถูกจับไปสถานีตำรวจครั้งแรก เธอก็จำลักษณะใบหน้าของตำรวจทุกคนที่เธอพบได้เกือบทุกคน

ผู้ชายตรงหน้าเธอไม่ถึงหนึ่งก้าว กำลังจะเดินผ่านซ้ายมือของเธอไป…นอกจากนี้ เขายังไม่ได้หยุดฝีเท้าของตัวเองลง

เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างเป็นธรรมชาติยิ่ง

แต่ชายคนนั้นกลับพูดอีกว่า “น่าเสียดายนะ เรื่องน่ายินดี มีความสุข สุดท้ายก็กำลังจากเธอไป เธอไม่มีวันได้มาหรอก…ขอบใจเธอที่ให้…วัสดุดิบดีเลิศขนาดนี้กับฉัน”

จ้าวหรูก็ได้ยินเพียงเท่านี้ หัวสมองของเธอพลันว่างเปล่า รีบหันกลับไปมองเห็นเบื้องหลังของผู้ชายคนนี้ที่หายลับไปจากหัวโค้งอย่างเผลอไผล

เธอจับจี้คริสทัลสีดำตรงหน้าอกของตัวเองอย่างล่องลอย จี้ที่ช่วยให้เธอสงบจิตใจได้เหมือนเช่นเคย

แต่เธอกลับพบว่า ครั้งนี้เธอจับไว้ไม่ได้แล้ว

หายไปแล้ว

หายไปแล้ว

หายไปแล้ว

ความเจ็บปวดบางอย่าเริ่มแผ่ไปทั้งตัวเธออย่างรวดเร็ว จ้าวหรูคลำไปที่ส่วนท้องตัวเองทันที…ของเหลวอุ่นๆ กำลังไหลออกมาจากตัวเธอเหมือนน้ำไหล

จู่ๆ เธอก็ได้เห็นเหวลึกที่มองไม่เห็นก้นเหว

“เซอร์หม่า เป้าหมายผิดปกติไป! เธอหยุดเดินอีกแล้ว!”

“สะเพร่าซะจริง! ออกปฏิบัติการ! ปฏิบัติการทันที! ตามหาผู้ชายคนเมื่อกี้กลับมาเดี๋ยวนี้!” หม่าโฮ่วเต๋อทิ้งกล้องส่องทางไกลในมือลงทันที เขาใช้มือหนึ่งชักปืนพกของตัวเองออกมา แล้วรีบนำกำลังคนวิ่งพุ่งลงไปที่ลิฟต์ชั้นล่าง!

ส่วนตำรวจที่ดักซุ่มอยู่บนถนนคนนี้ ก็มาอยู่ตรงหน้าจ้าวหรูได้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง

“หยุดตรงนั้น อย่าขยับ!”

ตำรวจกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากร้านค้าข้างๆ ตลอดจนฝั่งตรงข้ามของถนนทันที! พวกเขายกปืนขึ้นชี้ไปทางจ้าวหรูพร้อมกัน “ยอมจำนนเสียเถอะ!”

แต่เธอกลับไม่ขยับเขยื้อน…ราวกับทำอะไรหายไปอย่างนั้น

ตำรวจนายหนึ่งพยักหน้า แล้วตำรวจอีกนายที่อยู่ด้านข้างเขาก็พยักหน้าตอบรับ ก่อนเดินไปอยู่ด้านข้างจ้าวหรูทีละก้าว พร้อมกับถือกุญแจมือไว้ในมือข้างหนึ่ง

แต่ตอนที่มือของเขากดลงไปบนบ่าของจ้าวหรู นักโทษสาวหนีคดีคนนี้กลับล้มลงไปกองบนพื้นทันที

ตำรวจจึงรีบเปิดเสื้อคลุมของเธอออก ถึงพบว่าท้องของเธอถูกมีดเล่มเล็กปักอยู่สักพักแล้ว คงห้ามเลือดเอาไว้ไม่ทันแล้ว

“สมควรตาย! ผู้ชายคนเมื่อกี้นี้! เขาลงมือได้ยังไงกันแน่!”

พอนายตำรวจคนนี้ด่าบันดาลโทสะไปแล้ว ก็รีบพุ่งไปข้างหน้า แล้วไล่ตามไปตรงบริเวณหัวโค้งนั้น!

พวกของหม่าโฮ่วเต๋อรีบตามมา สุดท้ายก็จับจ้าวหรูได้แล้ว

แต่หม่าโฮ่วเต๋อไม่ได้ยิ้มยินดีเลยแม้แต่น้อย

“อดทนเอาไว้! เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาถึงแล้ว! อดทนไว้!”

เซอร์หม่าจับมือของผู้หญิงคนนี้ พูดอย่างหนักแน่นว่า “อดทนเอาไว้! บอกผมมาว่าคนที่ฆ่าคุณเป็นใครกันแน่! เป็นใครกัน!”

แต่ผู้หญิงที่เขาจับได้คนนี้ กำลังอ้าปากค้าง ไม่เอ่ยปากพูด

เธอเอาแต่เหม่อมองท้องฟ้า มองความมืดมิดเหนือเมืองนี้…คล้ายทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสีดำ

ตัวเธอเย็นเฉียบโดยพลัน ราวกับรูโบ๋ในใจของเธอใหญ่ขึ้นกะทันหัน…และกำลังกลืนกินเธออย่างเชื่องช้า

เธอค่อยๆ หลับตาลง

เป็นสายตาสิ้นหวังที่สุดที่หม่าโฮ่วเต๋อเคยเห็นมาทั้งชีวิต

“เซอร์หม่า รอรถพยาบาลไม่ไหวหรอกครับ!  พวกเราขับรถไปส่งเถอะ!” ตำรวจนายหนึ่งพูดเสนอ

หม่าโฮ่วเต๋อพยักหน้า  แล้วกำชับให้คนหามจ้าวหรูขึ้นรถยนต์ส่วนตัวไป หลังจากนั้นหม่าโฮ่วเต๋อก็ทุบรั้วกั้นทางเดินข้างๆ อย่างแรง ก่อนถามผ่านไมค์ไร้สายว่า “ตามผู้ชายคนนั้นได้ไหม?”

“ขอ ขอโทษครับเซอร์หม่า หาตัวไม่เจอแล้ว!”

“บัดซบ!” หม่าโฮ่วเต๋อตบมือแรงๆ แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “หวังเย่ว์ชวนล่ะ? หวังเย่ว์ชวน? หวังเย่ว์ชวน?”

“เซอร์หม่า เหมือนเขาจะออกไปจากดาดฟ้าแล้ว…พวกเราติดต่อเขาไม่ได้เลย!”

เซอร์หม่าตบรั้วเป็นครั้งที่สาม แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “ไร้ประโยชน์จริงๆ!”

“ความผิดหวัง ความผิดหวัง…ความผิดหวังช่างดีจริงๆ”

เฉาอวี้ถอดแว่นตาออก ตอนนี้เขายินดีที่จะถอดแว่นตาของตัวเองออกมาสังเกตดู

เขาสังเกตดูจี้คริสทัลสีดำในมือด้วยสายตาลุ่มหลง พิงตัวไปกับป้ายรถเมล์ ยกสร้อยขึ้นมาในระดับสายตา แล้วแกว่งไปมาอย่างอิสระ

หากมีของสิ่งนี้อยู่ในมือ เขาเชื่อว่าเวทมนตร์ของเขาจะต้องพัฒนาขึ้นอีกขั้นแน่นอน…วิชาบางอย่างที่ยังไม่สามารถใช้ได้ในหนังสือโบราณเล่มนั้น ก็คงจะเริ่มฝึกได้แล้วล่ะมั้ง?

“แกชอบความผิดหวังไหม?”

“แน่นอน”

จี้คริสทัลยังคงกวัดแกว่งไปมาอยู่ด้านหน้าของเฉาอวี้ มันน่าหลงใหลขนาดนี้ พอได้ยินคำถามแล้ว ก็เผลอพูดคำตอบในใจออกไปตรงๆ

แต่ใครกันพูดกับเขากันล่ะ?

เฉาอวี้ขมวดคิ้ว แต่ไม่นานก็คลายออก เขาหัวเราะเสียงเบา แล้วหยิบของขนาดเท่าหมัดที่มียี่สิบมุมออกมาจากตัว “แกยังมีแรงพูดได้อีกเหรอ? ใช้ได้เลยนี่ ว่าไปแล้ว เอาแกไปกลั่นเป็นอุปกรณ์ชั้นเยี่ยมได้เลยนะเนี่ย”

“แกยังไม่ได้ตอบฉันเลย แกชอบความผิดหวังใช่ไหม?”

“สำคัญด้วยเหรอ?” เฉาอวี้ส่ายหน้า พร้อมกับตอบทันที “แต่ว่า ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันเพิ่งเคยเห็นผีเร่ร่อนสุดโต่งอย่างแกเป็นครั้งแรก ฉันอยากจะศึกษาแกให้ดีๆ หน่อย”

“ตอบฉันมา แกชอบความผิดหวังใช่ไหม?”

เฉาอวี้ไม่ได้ตอบคำถาม เขาแสยะยิ้ม แล้วเก็บวัตถุที่มียี่สิบมุมนี้เข้าไปในเสื้อตัวเอง…แต่ตอนที่มันกำลังจะถูกเก็บนั้น เฉาอวี้กลับรู้สึกถึงความผิดปกติเล็กน้อย

ตอนนี้ความสะเทือนใจเล็กน้อยบางอย่างกำลังแพร่กระจายอยู่ในฝ่ามือของเขา…วัตถุที่มียี่สิบมุมนี้กำลังแยกออกจากกัน!

สีหน้าของเฉาอวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาล้วงมันออกมาดูอีกครั้ง แต่ตอนนี้มันกลับแตกออกจากกันโดยสิ้นเชิง แล้วกลายเป็นฝุ่นเล็กฝุ่นน้อย!

เงานั้นมาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าของเขาแล้ว…เหมือนว่าเธอไม่เคยถูกกักขังแต่อย่างใด!

“แก…แกใช้เวทมนตร์กับฉัน?” เฉาอวี้หรี่ตาลง เขากลัวก็จริง แต่ไม่ลุกลี้ลุกลนเลย

ที่นี่ไม่มีของที่เขาวางแผนไว้…เขาทำบางอย่างผิดพลาดไป เขาประเมินพลังของผีเร่ร่อนตัวนี้ต่ำไปอีกแล้ว! เขาวางแผนจะใช้ไม้แข็งกับอีกฝ่ายซึ่งๆ หน้า แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องหาโอกาสหลบหนี

“เวทมนตร์?” ภูตดำหมายเลขสิบแปดอย่างเหยียดหยาม “แกมีคุณสมบัติมากพอให้ฉันลงแรงด้วยเหรอ? แค่ไอ้ของนี่ของแก…ก็ใช้กักขังฉันไม่ได้อยู่แล้ว ฉันแค่รอเวลาให้แกทำธุระจนเสร็จเท่านั้น”

“แกพูดอะไร?” เฉาอวี้ขมวดคิ้ว

ภูตดำหมายเลขสิบแปดพูดอย่างเฉยเมย “เจ้าโง่…แกรู้ไหม? ทูตภูตดำที่แท้จริงต้องเก่งเรื่องใช้ประโยชน์จากคนอื่น ในเมื่อแกคิดจะบีบให้ผู้หญิงคนนี้ไปสู่เหวลึกแห่งความสิ้นหวัง ก็แสดงว่ามีเป้าหมายเดียวกัน…แล้วทำไมฉันต้องไม่ดีใจด้วยล่ะ? ฮึๆๆ…”

เฉาอวี้ไม่รู้ว่าทูตภูตดำคืออะไร เขาแค่รู้สึกได้ว่า เงามืดมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว…เขามองเห็นใบหน้าราวกับแม่มดอัปลักษณ์ภายใต้หมวกสีดำใบนั้น!

จู่ๆ ร่างกายก็ขยับไม่ได้!

เม็ดคริสทัลที่เพิ่งกลิ้งออกมาจากแขนเสื้อเขา พวกมันตกมากระเด็นกระดอนบนพื้นทันที

นี่คือครั้งแรก…เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าพลังของตัวเองต่ำต้อยตั้งแต่เขาได้หนังสือโบราณประหลาดนั้นมา!

“แก…เป็นใครกันแน่?”

“แกไม่จำเป็นต้องรู้” ภูตดำหมายเลขสิบแปดใกล้เข้ามา เธอยื่นมือหยาบกร้านราวกิ่งไม้ออกมา…ก่อนดีดนิ้วมือที่เหมือนกับกระดูกขาว

นิ้วมือภูตดำหมายเลขสิบแปดวาดผ่านหน้าของเฉาอวี้ไปเบาๆ เธอหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันบอกแกได้ นั่นก็คือแกไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด ในโลกใบนี้ มีคนเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติรวบรวมสรรพสิ่งสวยงามบนโลกใบนี้ได้… นายท่านคนใหม่ของฉัน”

“แกเป็นใครกันแน่!”

“แกชอบความผิดหวังไหม?”

เงามืดปกคลุมตัวเฉาอวี้ทันที

ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล

 “คุณหมอ อุณหภูมิร่างกายคนไข้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว…”

ภายใต้แสงไฟสว่างจ้า หมอกับพยาบาลกำลังเร่งช่วยชีวิตผู้หญิงที่ถูกมีดแทงตรงช่วงท้อง

แต่ในตอนนี้เอง พยาบาลที่กำลังเปลี่ยนถ่ายพลาสมาเลือด*ก็หยุดมือลงกะทันหัน เธอไม่ได้หยุดลงเพราะว่าเธอเจออะไรที่ทำให้เธอต้องเป็นฝ่ายหยุดมือ แต่เธอไม่มีทางรู้ได้ว่าตัวเองได้หยุดลงแล้ว

หมอเองก็หยุดมือลงด้วยเช่นกัน แต่มือทั้งสองของเขายังคงยกค้างไว้ พยาบาลที่ดูค่ามิเตอร์อยู่ก็หยุดชะงักด้วยเช่นกัน

ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ได้หยุดลงแล้ว…มีเพียงมิเตอร์พวกนั้นที่กำลังทำงานอยู่อย่างปกติ

“คุณหาผมอยู่หรือครับ? คุณลูกค้า”

จู่ๆ จ้าวหรูก็ได้ยินเสียงแบบนี้บนเตียงผ่าตัด

เธอลืมตาขึ้นช้าๆ

เธอเห็นโคมไฟผ่าตัดเหนือเตียงสว่างแยงตา…แล้วยังมีเงาคนรางๆ อีกเงาหนึ่ง

เธอรู้สึกว่ามีใครกำลังจับมือของเธอเบาๆ

สิ่งนี้ให้พลังมหัศจรรย์อย่างหนึ่งกับเธอ การมองเห็นของเธอชัดเจนขึ้นมาแล้ว แต่เธอก็รู้ว่าชีวิตของเธอกำลังจะถึงจุดจบ

เพราะว่าก่อนตื่นมาในครั้งนี้ เธอก็มองเห็นชีวิตของตัวเองแล้ว

ชีวิตที่เป็นดั่งโคมไฟ

*พลาสมาเลือด เป็นของเหลวใสสีออกเหลือง ๆ เป็นส่วนประกอบของเลือดภายในร่างกาย