บทที่ 65 ดอกไม้ที่ไม่มีวันร่วงโรย โดย Ink Stone_Fantasy
ในห้องฉุกเฉินเล็กๆ แห่งนี้…
เวลาที่หมุนผ่านไปกับคนที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง
ลั่วชิวปล่อยมือจ้าวหรู เพราะเธอมีเวลามากพอที่จะพูดคุยเปิดอกกับเขาอย่างเต็มที่สักครั้ง
ที่น่าแปลกก็คือ จ้าวหรูไม่ได้ตกใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เธอเผยอปากเล็กน้อย มองไปรอบๆ ตัวอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง ทั้งหมอและพยาบาลพวกนั้นยังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอ ก่อนมองดูบาดแผลบนตัวของเธอเอง
เสื้อผ้าบริเวณแผลเหวอะถูกตัดขาด…ทั้งที่บาดแผลตรงช่วงท้องลึกแบบนี้ แต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิดเดียว
การมองเห็นและความเจ็บปวดที่น่าจะรู้สึกได้ที่ปลายประสาททั่วร่างกาย ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะแยกออกจากกันโดยสมบูรณ์
“การ์ดดำใบนั้นนี่…” จ้าวหรูนิ่งเงียบไปนานพักหนึ่ง ถึงได้เอ่ยปากพูดคำแรก
ลั่วชิวโบกมือ ให้หมอที่ถือมีดผ่าตัดอยู่ข้างๆ ขยับไปเล็กน้อย แล้วเขาก็โน้มตัวเข้าไปใกล้ขอบเตียง “ลูกน้องของผมเป็นคนส่งให้คุณเองครับ ส่วนลูกน้องของผมกำลัง…”
พอพูดถึงตรงนี้ ลั่วชิวก็หยุดพูดทันที แล้วส่ายหน้าบอกว่า “น่าจะเล่นสนุกจนเพลินไปหน่อย”
“เล่นสนุก?”
ลั่วชิวกลับพูดอย่างเฉยเมย “เป็นเพียงความสนใจส่วนตัวของ…ลูกน้อง ไม่ได้เกี่ยวกับคุณลูกค้าหรอกครับ”
จ้าวหรูไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด เธอแค่พยักหน้าตามเท่านั้น…ชายสวมหน้ากากที่นั่งอยู่ข้างหน้าตรงนี้มีบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกสงบลงมาก
มหัศจรรย์มาก…หลายปีมานี้ เธอไม่เคยสงบใจได้อย่างตอนนี้แม้เพียงเสี้ยววินาที แม้แต่จี้เม็ดนั้นก็ไม่อาจทำให้เธอสงบใจได้ขนาดนี้…
แต่มันกลับทำให้เธอสงบจิตใจได้เพียงน้อยนิด ซ้ำยังออกอาการบ้าคลั่งด้วย
จ้าวหรูคิดถึงจี้หยดน้ำอันนั้นแล้ว เธอถึงพบว่า ตัวเองไม่ได้สวมมันไว้…แค่ครั้งนี้ต่างกันออกไป ไม่มีมันแล้ว ก็ไม่รู้สึกกระวนวาย
แต่เธอก็ยังทำท่าเล่นจี้บนหน้าอกของตัวเอง…ตามความเคยชิน ทันใดนั้นเอง เธอก็ตระหนักได้ถึงเรื่องต่างๆ จึงรีบเงยหน้าขึ้นมา “คริสทัลนี้…หรือว่าพวกคุณ…”
ลั่วชิวส่ายหัวเบาๆ “คุณอาจจะเป็นหนึ่งในผู้ถูกเลือก และคุณคงบังเอิญได้รับมาเท่านั้น มันจะดึงดูดคนที่มีความปรารถนาอันแรงกล้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ทีเดียว”
จ้าวหรูหัวเราะเจื่อยๆ พูดว่า “แต่ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ในที่สุดฉันก็ได้รับแล้ว…ฉันขอถามสักคำถามได้ไหม”
“เชิญคุณลูกค้าถามเลยครับ”
จ้าวหรูสูดลมหายใจทีหนึ่งแล้วถามว่า “ทำไมถึงมีคนโชคร้าย แล้วทำไมโลกใบนี้ถึงไม่ยุติธรรม”
“ตอบตามความเห็นส่วนตัวของผมได้ไหมครับ?”
จ้าวหรูพยักหน้าทันที
ลั่วชิวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “อันที่จริง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แม้ว่าผมจะหาคำตอบจากที่อื่นได้ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นคำตอบของตัวผมเอง แม้ว่ามีคนลองพิสูจน์ดูแล้ว ก็ยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัด”
“หรือจะบอกว่า…ไม่มีคำตอบ?” จ้าวหรูงุนงง เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ
“ไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้นครับ”
ลั่วชิวยังคงส่ายหน้า “อืม…ทำไมบนโลกใบนี้ถึงมีคนโชคร้าย นั่นก็เพราะว่าบนโลกใบนี้มีคนโชคดี มีคนโชคร้ายมากเท่าไร ก็มีคนโชคดีมากเท่านั้น สรุปก็คือสมดุลกัน ยกตัวอย่างเช่น เราใช้ทรัพยากรจากธรรมชาติซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกรงว่าทรัพยากรคงถูกใช้จนหมดไปสักวัน…แต่ว่า สำหรับโลกใบนี้แล้ว ปริมาณของทรัพยากรไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร สิ่งที่พวกเรารู้ก็คือ สิ่งที่ใช้ไปแล้ว อันที่จริงมันกลายสภาพเป็นอีกสสารหนึ่งเท่านั้น และยังคงดำรงอยู่ที่นี่ตลอด”
“ความหมายของคุณก็คือ เพราะมีความโชคร้าย ถึงมีความโชคดี?”
“ใครบอกล่ะ” ลั่วชิวส่ายหน้าพูดว่า “นี่อาจเป็นแค่ประเด็นที่เข้าใจผิดครับ”
จ้าวหรูกลับเงียบลง
เธอไม่ได้พูดอะไร เวลายังคงหมุนผ่านไปเรื่อยๆ เข็มวินาทีบนนาฬิกาแขวนในห้องฉุกเฉินขยับไปทีละน้อย ไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุด
“จะว่าไปแล้วก็แปลกเหมือนกัน ทำไมฉันยังสงบใจได้ หลังจากมองเรื่องที่ทำมาทั้งหมด” ในที่สุดจ้าวหรูก็เอ่ยปากพูดแล้ว พร้อมทั้งมองเจ้าของสมาคมที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความสงบ
“เคยมีพูดไว้ว่า ความตายก็ทำให้คนเราสงบลงได้เหมือนกัน”
เพราะว่า…เพราะว่าตัวเองก็เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง
เคยผ่านอะไรมามาก เธอทุกข์ยากลำบากมาตลอดชีวิตแล้ว
วันนี้ย้อนมองชีวิตตัวเองอีกครั้ง ก็เป็นแค่ผู้ยืนดูอยู่ข้างๆ
…
จู่ๆ แววตาของจ้าวหรูก็อ่อนโยนขึ้น เธออยากให้เมื่อก่อนมีแววตาแบบนี้บ้างเหมือนกัน
จ้าวหรูส่ายหน้า “แต่ถึงตายไปแล้ว ก็ไม่อาจลบล้างสิ่งที่เคยทำผิดไว้ได้ ก็เหมือนอย่างที่คุณบอก…มันก็แค่เปลี่ยนสภาพและดำรงอยู่ในสภาพอื่นก็เท่านั้น บาปกรรมของฉันแปรสภาพกลายเป็นความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานที่อยู่ในจิตใจพวกผู้รับเคราะห์…ตลอดกาล”
ลั่วชิวไม่ได้พูดต่อ
เขาแค่อยู่เป็นเพื่อนเธอ มองดูเข็มวินาทีที่ขยับบนหน้าปัดนาฬิกาเงียบๆ
“ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแล้ว พาฉันไปที่ไหนสักที่ได้ไหม” จู่ๆ จ้าวหรูก็เอ่ยขึ้น
“อยากไปที่ไหนงั้นหรือครับ”
…
ในห้องพักเรียบง่ายสิบกว่าตารางเมตร ประกอบด้วยห้องครัว ห้องรับแขก ห้องน้ำ และห้องนอน ทั้งหมดไม่ได้ต่างไปจากแต่ก่อนเลย มีก็แต่ฝุ่นเขรอะเท่านั้น
ที่นี่ก็คือสถานที่ที่เธอเคยอาศัยอยู่มานานแสนนาน ‘ห้องพักเดี่ยวขนาดเล็กๆ สำหรับเช่าอยู่ห้องหนึ่ง’
เธอลงมาจากเตียงผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน ก้าวต่อมาก็มาถึงใน ‘บ้าน’ ของตนเองด้วยเท้าเปลือยเปล่า
เจ้าของร้านลั่วมองแล้วพูดยิ้มๆ “ผมชอบการออกแบบที่นี่นะครับ”
“ฉันตั้งใจมากเลยค่ะ” จ้าวหรูยิ้มน้อยๆ แล้วเธอก็เดินมาตรงหน้าหน้าต่างเพียงบานเดียวของที่นี่ ก่อนเปิดมันออก
จากจุดนี้มองไม่เห็นวิวสวยงามอะไร เป็นเพียงวิวจากตึกเตี้ยๆ ดูเก่ากึก ถูกอาคารสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านในเขตเมืองเจริญบดบังวิวจนมิด
สำหรับเธอแล้ว วิวแห่งเดียวของที่นี่ น่าจะเป็นดอกไม้ในกระถางใบเล็กๆ สามสี่กระถางที่แขวนอยู่ตรงหน้าหน้าต่างบานนั้น
แต่ทุกวันนี้พวกมันกลับเหี่ยวเฉา เพราะไม่มีใครรดน้ำดูแลมานานแล้ว…สิ่งเดียวที่เหลือมีเพียงแค่ต้นสโตนฟลาวเวอร์กระถางเล็กๆ เท่านั้น มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนับตั้งแต่เธอจากไปจนถึงตอนนี้
เธอมองดูมันเงียบๆ อยู่นาน
“ยังไงที่นี่ก็ยังเหมาะกับฉันมากกว่า”
เธอหันตัวกลับมา มองดูชายที่พาเธอกลับมาอยู่ตรงนี้ “ที่นี่ทั้งแคบทั้งเล็ก มีแสงแดดส่องเข้ามาวันละชั่วโมงสองชั่วโมงเท่านั้น แต่ว่า…”
เธอหัวเราะอย่างอ่อนแรง “แต่ว่าที่นี่ก็ยังเหมาะกับฉันมากกว่า”
ลั่วชิวก็พูดว่า “เหมาะกับคุณเมื่อก่อน”
จ้าวหรูส่ายหน้า “ฉันในตอนนี้ก็เหมือนกัน”
แต่เจ้าของร้านลั่วกลับพูดเตือนว่า “เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว พอเลยระยะคุ้มครองแล้ว คุณก็จะกลับไปอยู่ในสภาพเดิม”
จ้าวหรูกลับพูดว่า “ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว เหลือเพียงวิญญาณที่เป็นรูพรุนนี้ ฉันแลกอะไรได้บ้างคะ”
เจ้าของร้านลั่วตอบว่า “ชีวิตอันแสนสั้น ความปรารถนาเล็กๆ บางอย่าง ความร่ำรวย ความรอบรู้ อะไรประมาณนั้นครับ หรือจะเป็นอุปกรณ์สนุกๆ ก็ได้เหมือนกันครับ ต้องการรายการแสดงสิ่งที่คุณซื้อได้ตอนนี้ไหมครับ”
จ้าวหรูคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า “งั้นขอความร่ำรวยแล้วกัน”