บทที่ 463 จะปกปิดได้นานแค่ไหน

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

แต่ว่า ชีวิตเรนนี่ก็ไม่เลวเช่นกัน อย่างน้อยก็ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ หัสดินก็แต่งงานกับเธอแล้ว

ไนต์คลับเป็นสถานบันเทิงและแหล่งกลุ่ม เมื่อจู่ๆใครบางคนก็ตบหลังเบาๆ เรนนี่หันไปมอง ก็พบว่าเป็น มาการอง

มาการองกับยู่ยี่เป็นเพื่อน ร่วมชั้นร่วมห้องกัน และรู้จักเรนนี่ด้วย

“สามารถพบเจอกันที่นี่ โชคชะตาจริงๆ มานั่งดื่มด้วยกันไหม” มาการองชี้ไปที่มุมที่ยู่ยี่กำลังนั่งอยู่

เรนนี่ไม่มีการคัดค้าน ทั้งสามคนเดินเข้าไป นั่งลง ยู่ยี่เงยหน้าขึ้นมอง และทักทายกับมาการอง

ทั้งสี่นั่งโต๊ะเดียวกัน ซึ่งอันที่จริง มีเพียงเรนนี่ เนเน่ และมาการองที่พูดเท่านั้น ยู่ยี่ยังคงเงียบตั้งแต่ต้นจนจบ

ไม่ใช่ประเภทเดียวกัน ก็ไม่พูดจาประเภทเดียวกัน การหลักในการคบเพื่อนของยู่ยี่

รู้สึกเบื่อเล็กน้อย มาการองจึงพูดกับเรนนี่ “เมื่อกี้ฉันเห็นประธานหัสดิน ไปทักทายกันเถอะ”

เรนนี่ยิ้มอย่างพอใจเบาๆ และเหลือบมองยู่ยี่ราวตั้งใจและไม่ตั้งใจ”ไม่ดีมั้ง เขากำลังทำงาน เราเข้าไป เกรงว่ามันจะรบกวนเขา”

“ก็แค่ทักทาย อย่าคิดมาก”

เมื่อโดนพูดจนไร้ทางเลือก เรนนี่จึงลุกขึ้น ไปพร้อมกับมาการอง ยู่ยี่หัวเราะเยาะเย้ยอย่างเยือกเย็นสองสามที รู้สึกว่าการคุยโวเช่นนี้ของเรนนี่ช่างน่าเบื่อจริงๆ

ทุกคนในเมืองSทราบกันดีว่าเธอกับหัสดินแต่งงานกันแล้ว อยู่แล้วว่าเธอกับ จำเป็นต้องคุยโอ้อวดด้วยเหรอ

หัสดินมาที่นี่สังสรรค์เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ทางการงาน การเชื่อมความสัมพันธ์ทางการงานของผู้ชายนั่น ก็คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และผู้หญิง

บริษัทอีกฝ่ายที่มานั้นก็คือประธานเช่นกัน ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าสัญญานี้มีความสำคัญมากเพียงใด ผู้จัดทำการเรียกหญิงสาวมาสองสามคน

ซึ่งทำการเซ็นสัญญาก่อน จากนั้นตามด้วยการทานอาหาร แล้วค่อยดื่มที่หลัง

การดื่มเพียงอย่างเดียวนั้นมันไม่มีความหมาย ดังนั้นจึงแนะนำ ว่าให้หาสาวสวยมาป้อนดื่ม ด้วยวิธีพิเศษ

คำบอกใบ้เช่นนี้มันชัดเจนมากแล้ว หัสดินจึงไม่ค่อยสบอารมณ์ ตั้งแต่พบยู่ยี่

นอกจากนี้ ยังมีสถานการณ์พิเศษในการสังสรรค์พิเศษนี้อีก หัสดินจึงทำได้เพียงเงียบไร้คำพูดใดๆ

ผู้แพ้ในรอบแรกคือหัสดิน ทุกคนที่นั่งต่างโห่ร้อง ให้สาวสวยป้อนเครื่องดื่มให้กับเขา

ทุกคนรู้ดี ว่าชีวิตส่วนตัวของหัสดินนั้น ค่อนข้างจะวุ่นวาย นอกจากนี้ ยังเพิ่งแต่งงาน จึงไม่กล้าทำเกินเลย จึงเชียร์ให้ป้อนเครื่องดื่ม

สาวนั่งดริ้งก์ที่ทำงานอยู่ในสถานที่แบบนี้ ต่างก็มีเจตนาแอบแฝงทั้งนั้น อยู่ที่นี่แม้เคยเห็นผู้ชายมากหน้าหลายตา แต่ก็ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหน ที่โดดเด่น และมีอำนาจเช่นนี้มาก่อน

ผู้หญิงที่แต่งตัวเซ็กซี่ลุกขึ้น ถือแก้วไวน์ ป้อนไปที่ริมฝีปากของหัสดิน ด้วยท่าทางยั่วยวน ร่างกายเข้าใกล้เขา

เมื่อเรนนี่ผลักประตูห้องออก พามาการองเข้ามานั้น ได้เห็นฉากนี้เข้าพอดี

ความโกรธทั่วร่างประสานเข้าหากัน เรนนี่ทนรับเอาไว้ไม่ไหว

เพราะฉะนั้น การเป็นคนรักกับภรรยานั้นมีความแตกต่างกัน เมื่อเป็นคนรัก คุณแค่เกลียดผู้ชายที่ให้คุณเป็นเจ้าของคนเดียวไม่ได้ แต่การเป็นภรรยา จะทนเห็นไม่ได้ที่สุดคือการที่มีหญิงอื่นมาวนเวียนอยู่รอบๆตัวผู้ชาย

ทุกสายตาในห้องต่างจับจ้อง เรนนี่ที่แสร้งทำเป็นใจ โดยการยิ้มจางๆ

แต่ เมื่อเธอกวาดสายตามองหัสดิน ดวงตาคู่นั้น เต็มไปด้วยน้ำตา ปนกับการกล่าวโทษและตำหนิ ซึ่งไม่รู้ว่าน้ำตาจะร่วงออกมาเมื่อไหร่ ช่างน่าสงสารเหลือเกิน

เมื่อหันหลัง เธอก็มุ่งตรงไปที่ประตูห้อง เดินออกไปทันที หัสดินขมวดคิ้ว ลุกขึ้น วิ่งตามออกไป

เมื่อรู้ตัวว่าข้างหลังมีฝีเท้ากำลังเดินตาม ฝีเท้าเรนนี่ก็เร่งความเร็วขึ้น จนเริ่มวิ่งไปข้างหน้า หัสดินวิ่งตามมาติดๆอยู่ข้างหลัง

ขณะนี้ยู่ยี่ยืนขึ้นพอดี เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์บาร์ หวังจะขอน้ำอุ่นสักแก้ว

เรนนี่อยู่ห่างจากยู่ยี่ระยะหนึ่ง แต่สายตากลับหยุดอยู่ตรงที่เธอ ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเส้นทาง วิ่งไปทางยู่ยี่ ตอนที่เดินสวนทางนั้น เธอออกแรงไหล่ให้มีความแรง และหนัก ทันทีที่ชน ยู่ยี่ก็เดินโซเซ ไหล่กระแทกกับเคาน์เตอร์บาร์พอดี และมันเจ็บ .

แต่เรนนี่ไม่ได้สังเกตเห็นเก้าอี้ที่อยู่ใต้เท้า รองเท้าส้นสูงสะดุดโดน จนทำให้ทั้งร่างล้มลงกับพื้น เข่าชนกระแทกพื้นอย่างแรง

เดิมทีเธอแค่ต้องการชนคือการชนยู่ยี่ทีหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้หมายความอย่างอื่น เธอแค่หมั่นไส้ยู่ยี่เท่านั้น

นาโนเดินเข้ามา และเริ่มด่าต่อเรนนี่ ยู่ยี่จับไหล่ตัวเองไว้ พลางมองเรนนี่อย่างเยือกเย็น

“เป็นอะไรไม่ทราบ ฉันมองออกว่าเธอจงใจมีเจตนาแอบแฝงในการทำเช่นนี้”

“ใครจะเชื่อคำพูดบ้าๆนี้ ท้องของยู่ยี่มีเด็กอยู่นะ ถ้าแกทำให้เด็กนี้เป็นอะไรไปแม้แต่น้อย เรนนี่ แกได้ตายในมือฉันแน่ๆ” นาโนเตะเก้าอี้อย่างตั้งใจ จนทำให้เก้าอี้ล้มลง โดนกับร่างเรนนี่ ยิ่งดูแย่ ตกระกำลำบากเข้าไปอีก

เรนนี่ปฏิเสธอย่างรุนแรง และพูดอย่างแน่วแน่ด้วยท่าทีที่จริงจัง: “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ มันโดยเจตนา หากใจฉันต้องการทำร้ายลูกของเธอจริงๆ งั้นก็ลงโทษฉันไม่ให้มีบุตรไปตลอดชีวิตเลย ออกจากบ้านก็ถูกรถชนตาย”

เธอไม่เคยมีความคิดเช่นนี้เลยซ้ำด้วย เธอไม่ชอบยู่ยี่ จนถึงขั้นต้องทำร้ายลูกของยู่ยี่ เธอจะไม่ทำแน่นอน เธอก็ไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย

ฉันทัชมีพลังงานอำนาจมากมายขนาดนี้ หากเธอทำร้ายเด็กไป อนาคตจะมีชีวิตที่สุขสบายได้อย่างไรล่ะ

ตอนนี้ เธอเพิ่งได้นั่งตำแหน่งคุณนายน้อยตระกูลภูษาธร ชีวิตแสนสุขเพิ่งกำลังจะเริ่มต้น เธอจะโง่ขนาดนั้นเหรอ

“การสาบานถือว่าโหด ไม่เลวเลยทีเดียว ฉันชอบ”นาโนหัวเราะ เมื่อคว่ำแก้วน้ำในมือเธอลง น้ำอุ่นสาดลงบนเสื้อผ้าของเรนนี่

ตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดี ใครให้ยายบ้าเรนนี่รนหาที่เองล่ะ ช่วยไม่ได้

หัสดินเดินเข้ามา ผลักนาโนออกไป อุ้มเรนนี่ไว้บนอก มองนาโนอย่างเยือกเย็น ถ้าเธอไม่ใช่ภรรยาของดนัย เขาคงปล่อยหมัดออกไปนานแล้ว “จะจบได้ยัง”

นาโน ฮึอย่างเย็นชา “ยังไม่จบ”

“อีกอย่าง คุณคิดว่าใครจะสนใจเด็กในท้องของคุณ ถ้าทำร้ายเด็กในท้องคุณ ต้องดูว่าเขามีความสำคัญพอไหมด้วย” คำพูดนี้ คือหัสดินพูดใส่ยู่ยี่

เขามีความเกลียดเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ในใจยิ่งหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม!

สองมือเรนนี่โอบรอบคอเขา ซบหน้าลงที่นั่น อ่อนโยน และบอบบาง ไม่น่าสงสารเลย

“คุณควรดีใจนะที่คุณเป็นภรรยาของดนัย ไม่อย่างนั้น”สภาพของเรนนี้ในตอนนี้ทำให้หัสดินตาขุ่น

“ฉันกลัวมาก”นาโนบิดสะโพก อย่างไม่ใส่ใจ

“และคุณ มันน่าขยะแขยงมากขึ้นเรื่อย ๆ ถูกแต่จะทำตัวเองถูก ว่าร้ายแต่คนอื่น” หัสดินมองยู่ยี่อย่างเย็นชา ยิ่งมองยิ่งหงุดหงิด และความเกลียดชังก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น

ยู่ยี่ยิ้ม นวดไหล่เบาๆ และเอนตัวพิงเคาน์เตอร์บาร์ด้วยอย่างไม่ยอมเล็กน้อย “ก็จริงค่ะใครมันจะไปเทียบนีนี่บ้านคุณได้ค่ะ ดูท่าทางนั้นสิคะ จิตใจดี น่ารัก บอกบาง ฉันเองยังคิดเลยค่ะว่าเทียบไม่ได้ สายตาคุณดีจริงๆเลยนะคะ เพียงคุณรู้สึกว่านีนี่ว่าดีก็พอแล้วค่ะ ผู้หญิงคนอื่นเลวยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของคุณนะคะ”

นาโนก็ยิ้ม ยิ้มอย่างมีเสน่ห์“ใช่ค่ะ เด็กในท้องของยู่ยี่นี่ไม่มีความสำคัญอะไรสำหรับเธอค่ะ แต่ว่า ลูกคนแรกละคะ ฉันคิดว่า ลูกคนแรกคงมีความสำคัญและความสนใจมากเพียงพอ ที่จะทำให้ใครบางคนลงมือกับเขาได้ค่ะ…….”

หัสดินไม่ฟังที่นาโนพูดเลยสักนิด เพียงแต่นัยน์ตาดอกท้อสีแดงเข้ม จ้องมองยู่ยี่ไม่กะพริบ

ตรงกันข้าม สีหน้าเรนนี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่มาก เขาแสร้งทำเป็นอ่อนแอ อยากไปเข้าห้องน้ำ

ในตอนนั้น เรนนี่คิดว่า มันเกี่ยวพันกับเธอไม่มากมากขนาดนี้ ตอนนั้นที่เธอโทรหายู่ยี่ แค่คิดว่าอยากยั่วโทสะยู่ยี่เท่านั้น

ในเวลาต่อมา ยู่ยี่หกล้ม กระแทกโดนท้อง จนเลือดออก ลูกของเธอตาย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเหนือความคาดหมาย

ซึ่งโทษเธอไม่ได้ พูดได้เพียงว่ายู่ยี่โชคไม่ดีเอง ชีวิตเด็กนั้นไม่ดีเอง และสวรรค์ช่วยเธอ

นาโนพูดเรื่องเหล่านี้ มันไม่สามารถทำให้เรนนี่รู้สึกหวาดกลัวและตื่นตระหนกได้เลย เพียงแต่ เรื่องนี้ทำให้หัสดินรู้สึกผิดกับเธอในขณะนี้ เธอต้องการใช้มันให้เกิดประโยชน์เสียหน่อย ไม่มีเวลามาทะเลาะกับพวกเขาที่นี่.. .

นาโนต้องการใช้สิ่งเหล่านี้มาใส่ร้ายเธอ เรนนี่ยิ้มเยาะ ช่วยไม่ได้ เธอไม่ได้ใส่ร้ายยู่ยี่ เป็นเพียงคำพูดเปล่าๆ ไม่มีหลักฐานใด เธอจึงไม่ได้ใส่ใจ

หัสดินยังคงหรี่ตา จ้องมองยู่ยี่นิ่งอย่างเช่นเดิมไม่เปลี่ยน

ยู่ยี่ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่อีกต่อไป ที่เธอมาไนต์คลับ แค่ในใจเธออดเป็นห่วงนาโนไม่ได้

ยู่ยี่หันหลัง เดินจากไป ภายในรูจมูกของนาโนกระจายความเย็นออกไป ดวงตาของเธอกวาดมองพวกเขาสองคนด้วยความรังเกียจและขยะแขยง จากนั้นก็ตามไป

หลังจากที่ทั้งสองจากไป เรนนี่ถึงจะปล่อยอารมณ์ออกมา กระโดดออกจากอ้อมแขนหัสดินทันที โดยเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ข้อเท้าแพลงอยู่

เมื่อกี้อารมณ์เสียเพิ่งจะจางหายไป แต่ตอนนี้จู่ๆมันก็พุ่งออกมา เหมือนกับน้ำท่วมที่แตกออก ทำให้เกิดคลื่นมหึมาหลายชั้น

หัสดินเร่งฝีเท้า ไม่กี่ก้าวก็ตามเรนนี่ทัน พลางคว้าข้อมือของเธอจากด้านหลัง

เรนนี่สะบัดออกอย่างแรง ด้วยความโกรธในหัวใจที่ไม่สามารถระงับได้ยิ่งนานอีกเพิ่งมากขึ้น จึงเพิ่มแรงสะบัดเขาออกมากขึ้น

เมื่อก่อนที่ยังไม่ได้แต่งงาน แม้ว่าจะเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ๆ ก็ไม่เคยโกรธมากมายขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยแค่รู้สึกร้อนรุ่ม ยอมไม่ได้เล็กน้อย แต่ตอนนี้ กลับรู้สึกว่าไฟแห่งโทสะมันกำลังร้อนรุ่ม จนร้อนระอุไปทั่วร่างกาย

แท้จริงแล้ว นี่คือข้อแตกต่างระหว่างการเป็นคู่รักกับการเป็นภรรยา ความแตกต่างนั้นมันชัดเจนเป็นอย่างมาก และในขณะเดียวกัน มันก็รุนแรงมากเช่นกัน

“กลับคฤหาสน์ภูษาธรใช่ไหม” หัสดินไม่สนใจกับความโกรธเรนนี่ เพราะว่า เมื่อก่อนเรนนี่ไม่เคยอารมณ์เสียกับเขาเลยสักครั้ง เขาเลยไม่สนใจมัน

ประโยคคำถามนี้ ทำให้ไฟโกรธของเรนนี่ยิ่งพุ่งสูงขึ้นอย่างกับขี่จรวด “นี่ไม่แคร์ฉันเลยใช่ไหมคะ”

หัสดินขมวดคิ้วเล็กน้อย ด้วยความไม่เข้าใจ

“ฉันเป็นภรรยาของคุณ เป็นถึงภรรยาของคุณ แต่เมื่อกี้กลับเห็นฉากแบบนั้น ไม่ควรอธิบายอะไรเหรอคะ”

“อย่างที่คุณเห็น มันเป็นเพียงการป้อนดื่มเหล้าเท่านั้น เรื่องก็มีอยู่แค่นั้น ยังต้องอธิบายอีกหรือไง”หัสดินถามกลับไป

“ใช่ค่ะ สถานการณ์ที่ฉันเห็นเป็นแค่การดื่ม แต่ถ้าฉันไม่โผล่มาล่ะ ใครจะรู้ว่ามันจะเกินเลยไปถึงมาถึงจุดนั้นละคะ”

ทั้งสองอยู่บนถนนยามราตรี ผู้คนรอบข้างต่างเดินไปมา บวกกับเสียงพูดของเรนนี่ ทำให้หลายคนหันกลับมามองบ่อยๆ

ต่อมา หัสดินพูดขึ้นอีกครั้ง: “อารมณ์คุณนี่มันไม่เบาเลยนะ ถามเป็นครั้งสุดท้าย ว่าจะกลับคฤหาสน์ภูษาธรหรืออยู่ที่นี่คนเดียว”

อารมณ์เขากำลังไม่ดี บวกกับตอนนี้ยังคงหงุดหงิดเล็กน้อย ดังนั้นคำพูดคำจาถึงได้เยือกเย็นเช่นนี้

ความเยือกเย็นนี้เอง ที่ทำให้เรนนี่ดึงสติที่กำลังวิ่งไปไกลไว้ ราวกับตื่นจากความฝัน เพิ่งจะแต่งงาน ความโกรธของเธอก็รุนแรงมากเช่นนี้ ถ้าเธอยังดำเนินต่อไป มันจะขนาดไหนล่ะ

เธอระงับอารมณ์ หายใจเข้าลึกๆ และยกยิ้ม พลางพูด “หัสดิน ขอโทษนะคะ ที่เมื่อกี้ฉันอารมณ์ร้อนมากไปหน่อย”