กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 958
ในเวลาเดียวกันนี้ ขณะที่สเตฟานีจ้องไปที่แคลร์ แววตาของเธอก็มีความหึงหวงและปวดร้าว
เธอชอบชาร์ลีตั้งแต่ยังเป็นเด็กและใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าสาวของชาร์ลีมาโดยตลอด เธอไม่ได้ลืมความฝันนี้ แต่จากภาพที่เห็น ความฝันของเธอไม่มีวันเป็นจริง
นั่นคือเหตุผลที่เธออิจฉาแคลร์มากยิ่งขึ้น ในความเห็นของเธอ แคลร์เป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกเพราะเธอแต่งงานกับผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก
คุณนายลูอิสยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า “มันก็ใช่ การทำงานของหนูเป็นสิ่งสำคัญ แต่ครอบครัวก็เช่นกัน มีลูกตั้งแต่ยังเด็กจะดีกว่า เพราะไม่อย่างนั้นจะส่งผลต่อสุขภาพเชียวนะ”
แคลร์พยักหน้า เธอหน้าแดงราวกับแอปเปิ้ล
สเตฟานีกล่าวแทรกขึ้นว่า “คุณนายลูอิส เจ้าของร้านเพิ่งโทรมาบอกว่าไฟฟ้าในร้านมีปัญหา วันนี้เลยต้องปิดร้านน่ะค่ะ ดูเหมือนเราต้องไปหาร้านอื่นกัน”
คุณนายลูอิสกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฉันดีใจที่ได้พบพวกเธอทุกคนในวันนี้ ฉันไม่ได้เจอพวกเธอมานานแล้ว ฉันมีความสุขมาก”
แม็กซ์ผู้ซึ่งถูกละเลยมาโดยตลอด กระพริบตาอย่างซุกซนเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาเดินไปข้างหน้าและโพล่งทันทีว่า “คุณนายลูอิส ให้ผมได้จัดการเรื่องมื้อเย็นของพวกเราในคืนนี้นะครับ”
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออก จากนั้นจึงประกาศกับทุกคนว่า “เฮ้ ฉันได้จองโต๊ะไว้ที่โรงแรมระดับห้าดาว ของโรงแรมไฮแอทแล้ว ไปกันเถอะ!”
ทุกคนต่างประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน!
มีคนเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเคอะเขิน “ไฮแอทเป็นโรงแรมห้าดาว มันไม่แพงเกินไปที่จะทานอาหารที่นั่นใช่ไหม? ราคาอย่างน้อยสองถึงสามหมื่นต่อมื้อไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่! มันจะมีราคาประมานหนึ่งหรือสองพันต่อคน! เราไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายที่สูงขนาดนี้ได้กับเงินเดือนปัจจุบันของพวกเราหรอกนะ!”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน พลางขมวดคิ้วและพึมพำ
เฉพาะคนที่มาจากสังคมชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถไปสถานที่ต่าง ๆ เช่น โรงแรมระดับ 5 ดาวและซื้อความหรูหราที่ทางโรงแรมจัดให้ได้
แต่สำหรับพวกเขานั้น พวกเขาเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไม่ได้มีการศึกษาที่ดี อีกทั้งยังไม่มีครอบครัว ดังนั้นพวกเขาจึงมีเงินเดือนที่ไม่สูงเท่าไหร่นัก
งานที่พวกเขาทำส่วนใหญ่ก็เป็นงานทั่ว ๆ ไป เงินเดือนของพวกเขาจึงเพียงพอสำหรับรายจ่ายในชีวิตประจำวันของพวกเขาและพวกเขาไม่สามารถซื้อสิ่งฟุ่มเฟือยอื่นในชีวิตได้
ดังนั้นพวกเขาจึงกังวลมากเมื่อได้ยินเกี่ยวกับการรับประทานอาหารในโรงแรมระดับ 5 ดาวเพราะกลัวว่าจะเกินงบประมาณรายเดือนและเพิ่มภาระทางการเงินของพวกเขา
แม็กซ์หัวเราะคิกคัก และพูดพร้อมกับตบหน้าอกของเขา “พวกนาย ใจเย็นเถอะน่า ฉันจะจ่ายค่าอาหารครึ่งหนึ่ง และพวกนายก็จ่ายอีกครึ่งหนึ่งได้ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพียงไม่กี่ร้อยต่อคนเท่านั้นแหละ พวกนายคิดว่าไง?”
ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
ตามคำแนะนำของแม็กซ์ พวกเขาสามารถประหยัดเงินได้มากขึ้นและรู้สึกเป็นภาระน้อยลง
มีคนเริ่มพูดว่า “เฮ้ นี่นายช่วยจ่ายครึ่งหนึ่งได้จริงเหรอ? มันดูไม่แฟร์สำหรับนายเลยนะ”
แม็กซ์โบกมืออย่างเฉยเมย “อื้ม ไม่มีปัญหา! เรามาที่นี่เพื่อฉลองการฟื้นตัวของคุณนายลูอิสเป็นหลัก มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก!”
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือค่าอาหารและความบันเทิงเป็นค่าใช้จ่ายที่เบิกได้ในบริษัทของเขา
แม็กซ์มีแผนการอยู่ในใจของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะใจกว้างมากที่จะจ่ายครึ่งหนึ่งของบิลในขณะที่คนอื่นต้องช่วยจ่ายอีกครึ่งหนึ่ง เพราะในความเป็นจริง เขาจะขอบิลจากร้านอาหารในภายหลังและไปขอเบิกได้จากบริษัทของเขา เมื่อถึงตอนนั้น ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับเงินที่ใช้ไปคืนเท่านั้น แต่เขายังได้รับเงินอีกครึ่งหนึ่งที่ได้รับจากพวกเขาอีกด้วย!
ในกรณีนี้ ถ้าค่าอาหารมีราคาสามหมื่น เขาจ่ายหมื่นห้าและทุกคนจ่ายหมื่นห้า จากนั้นเขาจะได้เงินคืนสามหมื่นจากบริษัท หากทำแบบนี้ เขาสามารถรักษาภาพลักษณ์ของเขา และได้รับความน่าเชื่อถือ รวมทั้งได้รับเงินอีกหมื่นห้าในเวลาเดียวกันด้วย!
แล้วทำไมจะไม่ทำล่ะ?