ตอนที่ 551 เสียสละแทนนาย

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 551

เสียสละแทนนาย

ร้อน! ร้อนมาก ไม่ทราบเพราะพลังของพยัคฆ์ขาวหายไปหลายส่วนหรือเพราะนางไม่เคยออกมาในพื้นที่ร้อนขนาดนี้มาก่อนกันแน่ทำให้นางที่นั่งอยู่บนรถของพวกหลินเฟยถึงได้รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวเช่นนี้

“พี่หลานฮวา ท่านแน่ใจนะว่ามาถูกทางแล้ว”ไป๋หลินเฟยถามพลางมองไปที่หลานฮวาที่เป็นคนคุมพวงมาลัยของรถที่พวกตนกำลังนั่งอยู่

“…….ก็น่าจะถูกนะ”หลานฮวาตอบพลางมองไปยังทะเลทรายรอบๆที่มีแต่ทรายสีขาวและน้ำตาลเต็มไปหมด

“น่าจะ…ไหนบอกว่าท่านถามทางคนในเมืองก่อนหน้านี้มาแล้วไม่ใช่หรืออย่างไรกัน”หลินเฟยขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัยเพราะหลานฮวาบอกว่าได้แผนที่ของเมืองแถบนี้มาแล้วมันก็เลยไม่ได้ไปหาข้อมูลเสียเท่าไหร่ แต่กลายเป็นว่าตอนนี้พวกมันกำลังขับอยู่ในทะเลทรายว่างเปล่าเสียอย่างนั้น

“……”ระหว่างพยัคฆ์ขาวกำลังรู้สึกร้อนไปทั้งตัวอยู่นั้น ดูเหมือนมนุษย์ที่พานางมากำลังทะเลาะอะไรกันบางอย่างเรื่องเส้นทาง แต่นางก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอกเพราะนางแทบไม่เคยออกมาจากเขตอสูรมาก่อนเลยเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ตอนนี้นางอยากจะบอกพวกตรงหน้าเสียเหลือเกินว่านางหิวน้ำมาก เพราะพลังของนางเสียหายทำให้นางเปิดช่องมิติของตนเองไม่ได้ แถมในรถยังไม่มีน้ำให้ดื่มเลยอีกต่างหาก

“เหมียว….”พยัคฆ์ขาวร้องพลางส่งสายตาไปยังเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆตนเอง นางคือไป๋ชิวซุยที่ตอนนี้เป็นเหมือนคนเลี้ยงดูนางนั่นเอง

“เหมาเหมา หิวน้ำงั้นเหรอ”ไป๋ชิวซุยยิ้มหวานด้วยท่าทางใจดีก่อนจะนำน้ำออกมาให้พยัคฆ์ขาวที่ตอนนี้โดนตั้งชื่อว่าเหมาเหมาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงจะได้น้ำมาดื่มก็ยังลดท่าทีทรมานของเหมาเหมาได้ไม่มากเพราะนางยังโดนลมร้อนพัดใส่จนเหมือนผิวจะสุกอยู่รอมร่อเลยก็ว่าได้

ปัง!!

ขณะกำลังคิดในใจว่าอยากให้รถหยุดลงสักหน่อยอยู่ๆที่ด้านหน้าของรถก็ปรากฏเสียงระเบิดดังออกมาพร้อมควันสีดำที่เริ่มแข่งกันออกมาจากห้องเครื่องเสียอย่างนั้น

“อะไรกัน”ไป๋หลินเฟยเห็นเช่นนั้นก็รีบลงไปเปิดฝาเครื่องยนต์ดูทันที ตั้งแต่โรงงานของไป๋จูล่งถูกสร้างเสร็จ รถยนต์ก็ถูกสร้างขึ้นใช้งานอย่างแพร่หลาย นับจากวันนั้นก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้วทำให้รถยนต์ถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆจนสามารถใช้งานได้แม้จะอยู่ในทะเลทรายเช่นนี้ก็ตาม

“ทะเลทรายแถบนี้ร้อนไปงั้นเหรอ”ไป๋หลินเฟยว่าพลางมองเครื่องยนต์ที่เกิดรอยร้าวเพราะโลหะผสมที่ท่านน้าจูล่งสร้างไม่อาจรองรับความร้อนที่เพิ่มขึ้นเพราะอากาศร้อนจัดของทะเลทรายทางใต้ได้

“ซ่อมไหวหรือเปล่าน้องหลินเฟย”หลานฮวาถามพลางเดินลงมาดูเครื่องยนต์ด้วยเช่นกัน

“ไม่น่าไหวขอรับ เครื่องยนต์มีรอยแตกแบบนี้รถคันนี้คงจะแล่นต่อไม่ไหวแล้ว”หลินเฟยส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีช่วยไม่ได้

“เหมาเหมา เจ้าตกใจหรือเปล่า”ระหว่างพี่ชายและหลานฮวากำลังตรวจสอบสภาพรถ ไป๋ชิวซุยที่นั่งอยู่เบาะหลังก็พลันก้มลงลูบเส้นขนของพยัคฆ์ขาวด้วยท่าทีเป็นห่วงพร้อมส่งสายตากังวลมาทางพยัคฆ์ขาวอย่างเห็นได้ชัด

“……..”น้ำตาหยดน้อยๆไหลออกมาจากตาของพยัคฆ์ขาวเสียอย่างนั้น ไม่ใช่เพราะตกใจกลัวแต่เพราะตื้นตันที่มีคนเป็นห่วงนางเช่นนี้ ตั้งแต่ท่านพ่อจากไป พี่ชายของนางก็เกือบจะฆ่านางทิ้ง แถมโดนคนในเขตอสูรหมางเมินไม่มาช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายยังโดนนายพรานจับไปขาย หลายวันที่ผ่านมานี้สิ่งเดียวที่ทำให้ใจของพยัคฆ์ขาวรู้สึกดีคือความใจดีของไป๋ชิวซุยผู้นี้เท่านั้น ประกอบกับอำนาจดึงดูดเหล่าอสูรของตระกูลไป๋ทำให้พยัคฆ์ขาวอดรู้สึกซาบซึ้งใจและเริ่มประกาศในใจว่าจะอยู่ดูแลหญิงสาวคนนี้ไปตลอด ต่อให้พลังกลับมาแล้วนางก็จะคุ้มกันหญิงสาวคนนี้ไม่ไปไหนทั้งนั้น

“ไม่ต้องกลัวนะ ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรหรอก”ไป๋ชิวซุยยิ้มออกมาช้าๆพลางอุ้มเหมาเหมาขึ้นมานั่งบนตักด้วยท่าทีอ่อนโยน ทำเอาเหมาเหมาแทบอยากจะกลายร่างเป็นพยัคฆ์ขาวอีกครั้งแล้วให้พวกชิวซุยขี่หลังเดินทางต่อหลังจากรถที่พวกนางนั่งมาพักไปแล้ว

“ชิวซุย เราต้องเปลี่ยนรถแล้วลงมาเถอะ”หลินเฟยว่าพลางเปิดช่องมิติของตนเองนำรถคันใหม่ออกมาอย่างง่ายดาย

“เจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบรับพลางพาเหมาเหมาเดินลงมาจากรถคันเก่าแล้วขึ้นรถคันใหม่ในทันที ไหนๆหลินเฟยก็เป็นหลานชายเจ้าของบริษัทผลิตรถยนต์อยู่แล้ว ทำไมมันจะเอารถใส่มาในช่องมิติหลายๆคันพร้อมกันไม่ได้ ทำเอาความหวังดีที่เหมาเหมาคิดจะคืนร่างอาสาเป็นยานพาหนะล่มไม่เป็นท่า

แต่ถึงจะไม่ได้สละตนเองแต่เหมือนกับว่าความดีของเหมาเหมาจะได้รับผลตอบแทนจากสวรรค์ เพราะเครื่องยนต์ทนความร้อนของทะเลทรายไม่ไหว ทำให้หลินเฟยนำหินธาตุน้ำแข็งออกมาติดตั้งที่เครื่องยนต์ของรถเพื่อลดอุณหภูมิที่รถจะต้องรับ และนั่นก็ทำให้ไอเย็นจากหินพวกนั้นส่งผ่านมาถึงที่นั่งผู้โดยสารด้วย หรือก็คือแค่นั่งอยู่ในรถก็ไม่รู้สึกร้อนอีกต่อไปแล้ว ทำเอาเหมาเหมาสบายขึ้นหลายเท่าเลย

“ว่าแต่แถวนี้มันไม่มีอะไรเลย จะรู้ได้ไงว่ามาถูกทางแล้ว”ไป๋หลินเฟยถามพลางใช้ดวงตาสีน้ำเงินมองไปรอบๆ แม้จะมองไกลหลายกิโลก็เห็นแต่เพียงทรายเท่านั้น ทำเอาหลินเฟยเริ่มรู้สึกว่าตนเองกำลังจะหลงทางหรือไม่

แม้การหลงทางในทะเลทรายจะไม่ได้ร้ายแรงอะไรสำหรับผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณอย่างพวกตนก็ตาม เพราะทั้งน้ำอาหารพวกตนก็ไม่ต้องกินมากมายอะไร แถมในมิติของแต่ละคนก็มีทั้งน้ำและอาหารหลายอย่างอยู่แล้ว รวมถึงอากาศเองก็ทำอันตรายอะไรผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณชั้นสูงไม่ได้เช่นกัน หากพยัคฆ์ขาวเหมาเหมาได้รับพลังแต่เดิมคืนมาก็คงไม่รู้สึกร้อนกับความร้อนแค่นี้หรอก แต่หากเสียเวลาไปมากๆกับการหลงทางเป้าหมายของหลินเฟยและชิวซุยคงไม่สำเร็จแน่ๆ

“งั้นทำไมเราไม่ถามทางล่ะเจ้าคะ”ไป๋ชิวซุยถามพลางเอียงคอสงสัย แต่เหมาเหมาที่นอนอยู่บนตักของนางกลับกะพริบตาปริบๆด้วยท่าทีตกใจ นางจะถามทางใครกัน ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ทรายไม่ใช่หรือ

“งั้นก็ได้ พี่หลานฮวาหันหัวรถไปทางซ้ายหน่อย”หลินเฟยตอบพลางชี้ให้หลานฮวาขับรถไปบนเส้นทางที่ตนบอก แน่นอนว่าหลานฮวาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าหลินเฟยจะถามทางกับใคร แต่นางอยู่กับคนตระกูลไป๋มาเป็นสิบปีแล้ว แค่ความหมายของดวงตาสีน้ำเงินของหลินเฟยทำไมนางจะไม่รู้

“……..”ขับรถต่อมาทางที่หลินเฟยบอกได้ไม่เท่าไหร่ อยู่ๆเหมาเหมาก็สัมผัสได้ถึงพลังอสูรจำนวนมากที่ปกคลุมทะเลทรายแถบนี้เอาไว้ ความรู้สึกเช่นนี้นางคุ้นเคยดีทีเดียวเลย

“เหมียววว”เหมาเหมาพยายามร้องเตือน แต่ก็เผลอร้องภาษาแมวออกมาเสียอย่างนั้น ไม่ทราบเพราะนางตกใจหรือหลานวันมานี้ใช้แต่เสียงนี้จนชินก็ไม่ทราบ แต่สิ่งที่นางจะบอกพวกชิวซุยก็คือเขตทะเลทรายที่พวกนางกำลังจะเข้าไปคือเขตอสูรนะ และแน่นอนว่าในเขตดังกล่าวต้องมีราชาอยู่ด้วย และราชาของเขตอสูรแต่ละที่ก็ไม่ใช่อสูรธรรมดาๆเลย

คลืนนนนน……

เหมาเหมายังไม่ได้ออกคำเตือนอีกรอบ อยู่ๆที่ใต้พื้นทรายก็ปรากฏการเคลื่อนไหวของร่างขนาดใหญ่ที่ทำเอาฝุ่นทรายตลบฟุ้งไปทั่วเสียแล้ว

วูบ…

พลังอสูรที่แผ่ออกมานั้นมหาศาลมากจนน่าตกใจ แม้เหมาเหมาจะเสียพลังอสูรไปจำนวนมากจนไม่อาจวัดพลังของอสูรตรงหน้าได้ก็ตาม แต่เชื่อว่ามันต้องเป็นราชาของเขตนี้แน่ๆเพราะไม่ว่าจะดูอย่างไรมันก็เป็นแมงป่องยักษ์ที่มีหางสีแดงเพลิงที่ดูอันตรายอย่างมาก หากโดนหางนั่นโจมตีละก็ต่อให้เป็นนางสมัยยังไม่บาดเจ็บก็อาจจะรับไม่ไหวเสียด้วยซ้ำ

พริบตานั้นเหมาเหมารู้สึกกังวลเรื่องความปลอดภัยของชิวซุยทันที นางหลงเข้ามาในเขตอสูรแบบนี้ต้องเป็นอันตรายแน่ๆ ทำให้เหมาเหมาไม่รอช้ากระโดดออกจากตักของชิวซุยไปยืนบนพื้นข้างๆรถทันที

“ฟ่อออ”เหมาเหมาส่งเสียงขู่ออกมา แม้จริงๆแล้วเสียงขู่ของนางควรจะเป็นเสียงคำรามก็ตาม แต่ยามนี้นางก็พึ่งรู้นี่ล่ะว่าตนเองไม่มีพลังพอจะเปลี่ยนคืนเป็นร่างพยัคฆ์เสียด้วยซ้ำ ท่าทางอาการบาดเจ็บที่แก่นอสูรจะหนักกว่าที่นางคิดไปมากถึงได้เสียพลังไปมากขนาดนี้

แต่….หญิงสาวผู้แสนจะใจดีและมีเมตตากับนางยามนี้กำลังอยู่ในอันตราย แม้นางจะมีพลังอสูรไม่พอแต่ถึงอย่างไรนางก็จะสู้ อย่างน้อยก็ถ่วงเวลาให้ชิวซุยหนีไปก็พอ

ฟุบ!!

ร่างของเหมาเหมาวิ่งเข้าไปหาแมงป่องยักษ์ด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว แม้พลังอสูรจะมีไม่มากแต่ท่าทีคุกคามของเหมาเหมากลับทำให้เจ้าแมงป่องต้องหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น แต่..

หมับ!

ยังไม่ทันจะได้ไปไหน ร่างของเหมาเหมาก็โดนชิวซุยจับเอาไว้เสียก่อน ตัวชิวซุยที่เป็นหลานสาวตระกูลไป๋นั้นย่อมมีพลังติดตัวมาไม่ใช่น้อยๆ แค่จับตัวอสูรที่มีพลังเหลือไม่มากนางต้องสามารถทำได้ไม่ยากอยู่แล้ว

“เหมาเหมา อย่าซนสิ”ชิวซุยอุ้มเหมาเหมาขึ้นมาจ้องตา ก่อนจะตักเตือนเหมาเหมาของนางด้วยท่าทีดุเล็กน้อยก่อนที่นางจะพาเหมาเหมาที่อุ้มเอาไว้ในอ้อมกอดเดินเข้าไปหาอสูรแมงป่องด้วยท่าทีสบายๆราวกับไม่ได้เห็นความน่ากลัวของมันเลย

“ท่านลุง ไม่ทราบว่าพอจะรู้ทางหรือเปล่าเจ้าคะ”ชิวซุยถามพลางหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอสูรแมงป่องพอดี นั่นหมายความว่าทั้งชิวซุยทั้งเหมาเหมากำลังยืนอยู่ตรงระหว่างก้ามอันใหญ่ทั้งสองข้างของแมงป่องนั่นเอง

“…..”แต่แทนที่จะโจมตีตามประสาอสูรทั่วไป เจ้าแมงป่องกลับขยับหัวเหมือนจะบอกว่ารู้ทางให้ชิวซุยสามารถถามมาได้เลยเสียอย่างนั้น ทำเอาเหมาเหมาได้แต่มองตาค้างด้วยท่าทีตกใจ

“ข้ากำลังตามหาเมืองที่ชื่อว่า ฮัวกิง เจ้าค่ะ ท่านลุงรู้หรือเปล่าว่าต้องไปทางไหน”ชิวซุยถามพลางยิ้มหวานออกมาด้วยใบหน้าน่ารักน่าชัง ไม่เหมือนใบหน้าที่เด็กผู้หญิงจะมีให้กับอสูรตัวเท่าบ้านแบบนี้เลย

“…..”แมงป่องไม่ได้ส่งเสียงตอบ แต่มันกลับใช้หางสีแดงเพลิงของมันชี้ไปทางที่จะไปถึงเมืองฮัวกิงแทน ทำเอาเหมาเหมาที่ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ได้แต่กะพริบตาปริบๆ นี่นางไม่ได้ออกมาโลกภายนอกนานขนาดนั้นเลยงั้นหรือราชาของเขตอสูรถึงได้ใจดีเป็นคนบอกทางให้เช่นนี้