ตอนที่ 552 แปลก

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 552

แปลก

“ที่นี่งั้นเหรอ”ไป๋หลินเฟยพูดขณะลงมาจากรถเมื่อเดินทางมาถึงเมืองทางใต้ที่มีนามว่าฮัวกิง ที่นี่ไม่ได้อยู่ในเขตของอาณาจักรไป๋ แทบจะไม่ได้รับความเจริญของอาณาจักรไป๋มาเลยแม้แต่น้อย เพราะกว่าจะมาถึงที่นี่ก็ต้องข้ามภูเขาข้ามแม่น้ำหลายแห่งเลยกว่าจะเจอสถานที่ที่มีผู้คนอาศัย ทำให้คนในเมืองต่างพากันประหลาดใจเมื่อเห็นรถม้าที่ไม่มีแม้แต่ม้าสักตัวลากเข้ามา

“น่าจะใช่นะ”หลานฮวาว่าพลางเพ่งมองแผนที่อีกรอบ เขตทางใต้นี้ไม่เหมือนที่แถบทางเหนือเลย ที่นั่นแผนที่ชัดเจนจนคนพึ่งเคยออกจากสำนักเป็นครั้งแรกอย่างหลานฮวายังเดินทางได้ไม่ยากเย็นอะไร แถมแผนที่ของทางใต้ยังไม่ระบุทิศทางอีกต่างหาก ทำเอาเกือบหลงไปแล้วเสียด้วยซ้ำ

“พี่ชาย ที่นี่คือฮัวกิงหรือเปล่าเจ้าคะ”ไป๋ชิวซุยพอลงมาจากรถได้ก็เดินเข้าไปถามชายแปลกหน้าด้วยท่าทียิ้มแย้มทันที ท่าทางความหวาดระแวงคนต่างถิ่นจะไม่มีในความคิดของนางเลยแม้แต่น้อย

“ชะ ใช่…ถูกแล้ว”ชายหนุ่มคนนั้นตอบด้วยท่าทีตกใจ แต่ไม่ใช่เพราะแปลกใจกับคนแปลกหน้า แต่เพราะใบหน้าน่ารักน่าชังของตัวชิวซุยต่างหาก บอกตามตรงว่าในเมืองนี้ไม่ค่อยมีหญิงงามอยู่เลย พอได้เห็นว่ารถยนต์ที่แล่นเข้ามามีหญิงงามนั่งมาด้วยถึง 3 คน? ก็ทำเอาเหล่าชาวเมืองผู้ชายลืมเรื่องรถหน้าตาประหลาดและพากันมองสาวๆด้วยใบหน้าเพ้อฝันเสียอย่างนั้น

“แม่นาง เจ้ามาหาอะไรงั้นหรือ”ยังไม่ทันได้เดินเข้าไปในเมือง ชายหนุ่มกล้าตายคนหนึ่งก็เข้ามาหาไป๋ชิวซุยทันที ทำเอาเหล่าชายหนุ่มที่มองอยู่ต่างเงี่ยหูฟังคำตอบของชิวซุยกันทั้งนั้น

“ข้าได้ยินว่าที่นี่มีสมบัติล้ำค่าอยู่เจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบพลางพร้อมรอยยิ้มสบายๆ เป้าหมายที่นางเดินทางมาในครั้งนี้เพราะดันไปได้ยินเรื่องเล่าของท่านตาไก่ฟ้าเข้า พอท่านเล่าเรื่องของเมืองทางใต้ให้ฟังชิวซุยก็ขอให้พี่ชายของนางพามาทันที แน่นอนว่าหลินเฟยที่ว่างอยู่พอดีก็พามานางมาอย่างง่ายดายเช่นกัน

“สมบัติ…..”ชายคนนั้นได้ยินก็หน้าซีดเผือด ก่อนจะรีบถอยห่างจากตัวชิวซุยทันที ทำเอาหลินเฟยที่เตรียมจะเข้ามาขวางได้แต่มองตามชายคนนั้นไปด้วยท่าทีงุนงง นี่มันเรื่องอะไรกันพอบอกว่าจะมาหาสมบัติทำไมชายคนนั้นถึงหน้าซีดแล้วเดินจากไปเสียอย่างนั้นล่ะ

“พวกเจ้า คิดจะมาเอาสมบัติกันงั้นหรือ”ชายคนแรกที่ชิวซุยเข้าไปถามพูดออกมาด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆราวกับไม่อยากให้คนอื่นได้ยินที่มันพูดไม่มีผิด

“เจ้าค่ะถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากจะเอากลับไปด้วย”ชิวซุยตอบด้วยใบหน้าใสซื่อทำเอาชายตรงหน้ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไม่รู้ว่าพวกนางรู้ได้อย่างไรว่าที่เมืองฮัวกิงแห่งนี้มีสมบัติลับล้ำค่าซ่อนอยู่ เพียงแต่พวกที่ครอบครองมันเอาไว้ไม่ใช่คนดีนี่สิ

“แม่หนู ข้าเตือนเอาไว้ด้วยความหวังดีนะ สมบัติที่เจ้าตามหาถูกครอบครองโดยเจ้าของบ้านหลังนั้น”ชายคนนั้นว่าพลางชี้ไปที่บ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเนินสูงที่สุดของเมือง สามารถมองเห็นได้แม้แต่ยังไม่เข้าเมืองเสียด้วยซ้ำ

“เจ้าเมืองหรือเจ้าคะ”ชิวซุยถามออกมาตามที่เห็น ปกติแล้วบ้านหลังใหญ่ที่สุดในเมืองก็มักจะเป็นของเจ้าเมืองหรือไม่ก็เป็นผู้มีอำนาจในเมืองนั้นๆอยู่แล้ว

“ไม่ใช่หรอก หัวหน้าพวกมันมีนามว่าเกาจุน เป็นโจรถ่อยที่คุมเมืองนี้เอาไว้”ชายหนุ่มตอบด้วยซ้ำเสียงเบาหวิวราวกับเสียงกระซิบ ดูเหมือนโจรของเมืองนี้จะมีอำนาจพอจะเอาจวนเจ้าเมืองมาใช้เป็นบ้านของตนเองได้ต้องนับว่าน่ากลัวมาก ยิ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าในเมืองคงมีแต่พวกของมันมากมาย ชาวบ้านคงไม่อาจเตือนเรื่องนี้ได้อย่างโจ่งแจ้งนัก

“งั้นข้าจะลองไปถามท่านเกาจุนดูนะเจ้าคะ”ชิวซุยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเป็นมิตรราวกับไม่ได้ยินคำว่าโจรถ่อยออกมาจากปากของอีกฝ่ายเลย

“เหมียว”เหมาเหมาที่อยู่บนอ้อมกอดของชิวซุยพยายามส่งเสียงร้องเตือนทันที แม้นางจะเป็นอสูรแต่นางก็เข้าใจคำว่าโจรนะ นี่คุณหนูของนางกำลังเข้าไปในรังโจรงั้นหรือ

“ชิวซุย รอพี่ด้วยสิ”หลินเฟยเห็นชิวซุยจะเข้าเมืองไปคนเดียวก็เดินตามเข้าไปทันที เช่นเดียวกับหลานฮวาที่ต้องรีบเดินตามไปด้วยอีกคน

ภายในเมืองฮัวกิงนั้นเป็นอย่างที่เหมาเหมาคิดจินตนาการเอาไว้ไม่มีผิด ภายในเมืองแทบจะแยกออกได้ด้วยสายตาเสียด้วยซ้ำว่าใครเป็นโจร ใครเป็นชาวบ้าน พวกมันไม่ต้องแอบซ่อนอะไรเลยยืนถืออาวุธกันหน้าตาเฉย แถมพอชิวซุยเดินผ่านพวกมันยังหันไปพูดคุยกันพร้อมหัวเราะเสียงดังออกมาจนเหมาเหมาได้ยิน แถมพวกมันยังเลียริมฝีปากด้วยท่าทีหยาบคายอีกต่างหาก

“หมะ เหมียว…..”เหมาเหมาใจหายทันทีเมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ แม้จะเป็นโจรแต่พวกมันยึดเมืองมาเป็นของตนเองได้ก็ต้องเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณอยู่แล้ว และด้วยพลังของนางในตอนนี้คงไม่อาจปกป้องคุณหนูได้แน่ๆ เพราะเจ้าพวกนี้มีท่าทีคิดร้ายอย่างชัดเจนไม่เหมือนอสูรแมงป่องก่อนหน้านี้แน่ๆ

“สวัสดีเจ้าค่ะ”ตลอดทางแม้จะโดนพวกโจรจ้องเอาๆราวกับจะฆ่าให้ได้ด้วยสายตา แต่ชิวซุยกลับไม่รู้สึกร้อนหนาวแต่อย่างไร นางเพียงเดินเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่อันเป็นเป้าหมายของพวกนางก่อนจะเปิดประตูออกเสียเฉยๆอีกต่างหาก

“ชิวซุย เจ้าติดนิสัยท่านน้ามาหรือยังไง อย่าเปิดประตูบ้านคนอื่นเอาเองสิ”หลินเฟยตักเตือนน้องสาวพลางดึงตัวชิวซุยเอาไว้ก่อนที่นางจะเข้าไปในบ้านของพวกโจรหน้าตาเฉย ทำให้เหมาเหมารู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมากเพราะอย่างน้อยก็มีคนห้ามแล้ว

“พวกเจ้าเป็นใคร”ท่ามกลางความแตกตื่นเพราะชิวซุยดันเดินเข้าไปเปิดประตูบ้านของหัวหน้าเกาจุนเข้า ทำให้เหล่าโจรพากันเข้ามาล้อมพวกชิวซุยกันหลายสิบคนเลยทีเดียว

“พวกข้ามาหาสมบัติชิ้นหนึ่ง”หลินเฟยตอบพลางมองไปยังชายที่เปิดประตูบ้านออกมา ในกลุ่มนี้คนที่พลังแข็งแกร่งที่สุดก็คือชายที่เปิดประตูออกมานี่ล่ะ ท่าทางเจ้านี่จะเป็นเกาจุนหัวหน้ากลุ่มโจรกระมัง

“สมบัติ เจ้าหมายถึงสมบัติของข้างั้นหรือ”เกาจุนหัวเราะพลางส่ายหน้าช้าๆ วันนี้ช่างเป็นวันที่แปลกจริงๆ อยู่ๆก็มีสาวงาม 3 คนเดินมาหน้าบ้านแล้วบอกว่าอยากได้สมบัติ

“ได้สิ เจ้าอยากได้อะไรก็เอาไปได้เลย แต่มีข้อแม้”เกาจุนว่าพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทีชั่วร้ายอย่างเห็นได้ชัด

“ได้งั้นหรือเจ้าคะ”ชิวซุยพูดออกมาด้วยท่าทีดีใจเพราะเห็นอีกฝ่ายจะยอมยกให้ทั้งๆที่ตอนแรกชิวซุยคิดว่าจะต้องซื้อเอาอย่างเดียวเสียอีก

“ใช่แล้ว แต่ก่อนจะเอาไปพวกเจ้าต้องมาเป็นเมียข้าก่อน”พูดจบเกาจุนก็เดินเข้าไปหาพวกชิวซุยหมายจะเอามือไปดึงตัวชิวซุยเข้ามากอดเอาไว้เสียหน่อย

โครม!!!

ยังไม่ทันถึงตัวชิวซุยหลินเฟยผู้เป็นพี่ชายก็ถีบเข้าที่อกของเกาจุนเข้าอย่างจังจนร่างของเกาจุนปลิวไปกระแทกตัวบ้านด้านหลังเข้าอย่างจัง

“หัวหน้า”เหล่าลูกน้องต่างพากันใจหายวาบ เกาจุนเป็นโจรที่แข็งแกร่งมาก แต่กลับโดนหญิงสาวคนนั้นเตะเข้าทีเดียวถึงกับกระเด็นเลยงั้นหรือ

“หลินเฟย ท่านตาของเจ้าบอกว่าห้ามใช้ความรุนแรงไม่ใช่หรือยังไง”หลานฮวาพูดพลางเดินเข้าไปดูอาการของเกาจุน เจ้านี่ระดับพลังวิญญาณแค่ระดับเสินเซียนเท่านั้นโดนหลินเฟยที่ตอนนี้อยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 เตะเข้าไม่ตายก็ถือว่าดีนักหนาแล้ว

“แต่ท่านก็เห็นนี่ว่ามันจะเข้ามาจับตัวชิวซุย”หลินเฟยท้วงพลางเดินเข้าไปดูอาการของเกาจุนอีกคน มันเองก็ไม่ได้อยากฆ่าคนหรอกก็เลยเตะไปไม่แรงมาก แต่อาจจะเพราะความหงุดหงิดนิดหน่อยตรงที่เจ้าบ้านี่จะมาแตะต้องตัวน้องสาวของมันก็เลยเผลอใส่แรงมากไปนิดเท่านั้นเอง

“ท่านยังมีหน้ามาว่าข้าอีกเหรอ เตะคนอื่นเขาแบบนี้เสียมารยาทกว่าเปิดประตูบ้านเฉยๆอีกนะ”ชิวซุยว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีน่าเอ็นดู

“นั่นข้าทำเพราะจำเป็นต่างหาก แต่อยู่ๆไปเปิดประตูบ้านคนอื่นเขามันแปลก เข้าใจหรือเปล่า”หลินเฟยถอนหายใจออกมาพลางใช้นิ้วจิ้มไปที่ช่องท้องของเกาจุน ยังไงเจ้านี่ก็เป็นโจร หากไม่ฆ่าแล้วปล่อยให้มันรักษาตัวได้อาจจะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน หลินเฟยเลยทำลายแก่นพลังวิญญาณในร่างของมันทิ้งเสีย ก่อนจะพาชิวซุยเข้าไปในตัวบ้านของเกาจุนท่ามกลางสายตาของพวกโจรที่ไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามาใกล้พวกตนอีกแล้ว

“ข้าไม่แปลกสักหน่อย ท่านต่างหากที่แปลกขนาดท่านยายยังบอกเลยว่าพี่แปลกกว่าคนอื่นๆเขา”ชิวซุยว่าพลางเดินตามหลินเฟยต้อยๆทั้งๆที่ยังอุ้มร่างของเหมาเหมาเอาไว้ในอ้อมกอด ยามนี้พยัคฆ์ขาวต้องมองหลินเฟยเสียใหม่แล้ว หญิงสาวผู้นี้ท่าทางจะมีพลังวิญญาณสูงมากทีเดียว ถึงขั้นถีบหัวหน้าโจรทีเดียวล้มได้

“เจ้าอย่าเอามาตรฐานตระกูลไป๋มาเทียบกับคนทั้งอาณาจักรสิ”หลินเฟยถอนหายใจออกมาเมื่อชิวซุยเอาคำพูดของท่านยายมาอ้าง ก็จริงที่หลินเฟยแปลกไปจากคนตระกูลไป๋คนอื่นๆ แต่สำหรับชาวบ้านปกติแล้วคนตระกูลไป๋ต่างหากที่แปลกออกไป

“ไม่เถียงกับท่านแล้ว เราไปหาของที่ท่านลุงไก่ฟ้าบอกเถอะ ถ้าเอากลับไปให้ท่านแม่ได้ท่านแม่ต้องดีใจแน่ๆ”ชิวซุยเปลี่ยนเรื่องพลางใช้ดวงตาสีเขียวและสีทองเพื่อตรวจสอบของภายในบ้านร่วมกันกับพี่ชาย

“เหมียว…..”เหมาเหมาที่อยู่ในอ้อมกอดของชิวซุยมองกองสมบัติตรงหน้าด้วยท่าทีตกใจ ภายในบ้านของเกาจุนมีสมบัติอยู่มากมายจนน่าตกใจเลย ในบ้านหลังใหญ่เช่นนี้กลับประดับของล้ำค่าเอาไว้เต็มพื้นที่ไปหมด ทั้งเพชรนิลจินดาเครื่องเรือนจากทองคำรวมทั้งโลหะหายากต่างๆ นอกจากนั้นยังมีสมุนไพรหายากเก็บเอาไว้อีกหลายชิ้นอีกต่างหาก ทำเอาเหมาเหมาที่มาจากเขตอสูรเองยังต้องทึ่งเพราะสมบัติที่เกาจุนเก็บเอาไว้นับว่ามีค่ามากสำหรับเมืองเล็กๆเมืองนึงเลยทีเดียว

“ท่านพี่ ไม่เห็นมีเลย”ชิวซุยว่าพลางมองไปรอบๆด้วยท่าทีผิดหวัง

“นั่นสิ เราออกไปถามพวกข้างนอกดูดีไหม”หลินเฟยพูดจบก็เดินออกไปนอกตัวบ้านก่อนจะเรียกพวกลูกน้องโจรเข้ามาด้านในหลายคน พวกมันต่างเห็นหลินเฟยเตะหัวหน้าของพวกมันแล้วมีใครเล่าจะกล้าขัดขืน