จากนั้นก็ได้สติกลับมา ตระหนักขึ้นมาได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองทำอะไรลงไป?
ตัวเองลืมไปว่าตอนนี้คืองานเลี้ยงวันเกิดของท่านย่า ก่อเรื่องในที่สาธารณะแบบนี้ ทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะ
ตอนนี้แขกพวกนี้ คงหัวเราะเยาะว่าเธอไม่มีสมอง ต่ำต้อยมากใช่ไหม!
พิศมัยก้มหน้าลงด้วยใบหน้าและหูที่แดงก่ำ เธอรู้สึกว่ามันน่าอายสิ้นดี
ทั้งๆที่ก่อนออกมา เธอก็บอกกับตัวเองในใจแล้วว่า ต้องทำตัวให้ดี อย่าก่อเรื่อง
เพราะว่าเมื่อก่อน เธอไม่เข้าใจกฎระเบียบของตระกูลร่ำรวย ทำตัวอับอายขายขี้หน้าอยู่บ่อยๆ ทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะ
แล้วเธอก็รู้ด้วยว่าหลายปีที่ผ่านมา ตัวเองทำให้ตระกูลนวบดินทร์ล้าหลัง ทำให้ตระกูลนวบดินทร์อับอายขายขี้หน้าตั้งหลายครั้ง ดังนั้นเธอจึงอยากทำตัวให้ดี ให้คนพวกนี้มองเธอใหม่ ให้คนพวกนี้รู้ว่า เธอก็สามารถเป็นคุณนายที่สง่างามของตระกูลร่ำรวยได้เหมือนกัน
แต่เมื่อเห็นมายมิ้นท์ เธอก็โยนความสง่างามและใจกว้างพวกนั้นไปไว้ข้างหลังทันที ลืมไปว่าตอนนี้คืองานเลี้ยงวันเกิดของท่านย่า เธอเดินเข้ามาหามายมิ้นท์ แล้วก็ทำให้ตระกูลนวบดินทร์อับอายขายขี้หน้าอีกครั้ง
คิดแบบนี้ พิศมัยอยากจะตบหน้าตัวเอง เธอเกลียดตัวเองเป็นอย่างมาก
เกลียดตัวเองที่อดทนไม่ได้ รอให้งานเลี้ยงจบลงแล้ว หรือว่าตอนที่มายมิ้นท์อยู่คนเดียว ค่อยไปหาเรื่องมายมิ้นท์ ทำไมต้องใจร้อนแบบนี้…
“คุณแม่คะ หนูขอโทษ หนูผิดไปแล้ว หนู…”
ท่านย่ายกมือขึ้นขัดจังหวะเธอ “คนที่เธอควรจะขอโทษไม่ใช่ฉัน แต่เป็นมายมิ้นท์ ใครบอกให้เธอหาเรื่องมายมิ้นท์?”
ท่านย่าทำสีหน้ามืดมน เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ขอโทษมายมิ้นท์ซะ!”
“ขอโทษ มายมิ้นท์?” พิศมัยชี้ไปที่มมายมิ้นท์อย่างไม่อยากจะเชื่อ
มายมิ้นท์ไม่อยากเห็นหน้าเธอ เธอหลบหน้าพิศมัย
ทามทอยขยับนาฬิกาข้อมือแล้วพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน “คุณป้าพิศมัยครับ ตอนนี้มายมิ้นท์ไม่ใช่ลูกสะใภ้ที่ให้คุณจะทำอะไรได้ตามอำเภอใจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลนวบดินทร์ของคุณ แต่เธอเป็นแขกที่ตระกูลนวบดินทร์เชิญมาในงาน มาในฐานะแขก แต่กลับถูกเจ้าภาพอย่างคุณทำให้อับอายขายหน้า คุณไม่ควรขอโทษเธอเหรอครับ? หรือว่า นี่คือมารยาทและการสั่งสอนของตระกูลนวบดินทร์?”
“ไม่ใช่” เปปเปอร์ตอบกลับเบาๆ จากนั้นก็มองไปที่มายมิ้นท์ “ตระกูลนวบดินทร์ของผม ไม่มีมารยาทและการสั่งสอนแบบนี้”
“ได้ยินไหม ขอโทษ!” ท่านย่าออกแรงกระแทกไม้เท้า รอให้พิศมัยขอโทษ
พิศมัยกลัวท่านย่ามาตลอด ถูกท่านย่าตะโกนใส่แบบนี้ เธอก็ตัวสั่นเทาอย่างแรง จากนั้นก็หันไปทางมายมิ้นท์และพูด “ขอโทษ!” อย่างไม่เต็มใจ
มายมิ้นท์จับเล็บแล้วพูดเบาๆ “ถ้าคุณหญิงพิศมัยไม่อยากขอโทษ ก็ไม่ต้องขอโทษก็ได้ค่ะ คำขอโทษที่ไม่จริงใจแบบนี้ คนที่ไม่รู้อาจจะคิดว่ามีใครกดหัวคุณ หรือถือมีดจ่อที่คอคุณ บังคับให้คุณขอโทษฉัน คำขอโทษแบบนี้ ฉันไม่กล้ารับไว้จริงๆค่ะ ถ้าคุณไม่พอใจฉัน ต่อไปมาหาเรื่องฉันอีกจะทำยังไง”
“เธอ…” ราวกับถูกพูดแทงใจดำ พิศมัยสีหน้าเปลี่ยนไป เธอโมโหและจะพุ่งไปหามายมิ้นท์ แต่กลับมองเห็นสายตาที่เย็นชาและไร้อารมณ์ของท่านย่า
แม้แต่เปปเปอร์ก็ยังขมวดคิ้วและมองไปที่พิศมัยอย่างไม่พอใจ
ถ้าพิศมัยไม่ใช่แม่ของเขา เลี้ยงดูเขามาหลายปี
เขาก็ไม่มีทางไว้หน้าพิศมัย
พิศมัยเห็นสายตาที่เย็นชาของพวกเขาสองคน เธออ้าปากค้างและตัวแข็งทื่อทันที
“ไสหัวออกไป อับอายขายขี้หน้า” ท่านย่าด่าเธออย่างไม่เกรงใจ
พิศมัยรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เธอไม่มีหน้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป ตอนนี้เธอไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าสายตาของคนที่อยู่ในงานเลี้ยงล้วนแต่มองเธอแบบไหน
เธอปิดหน้าตัวเองด้วยความอับอาย จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาวิ่งออกไป
แต่คนที่อยู่ข้างหน้าเธอก็คือมายมิ้นท์
ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่เดินผ่านมายมิ้นท์ เธอชนไหล่มายมิ้นท์อย่างแรง
“โอ๊ย!” มายมิ้นท์ตะโกนออกมา เธอทรงตัวไม่อยู่ เท้าที่ใส่รองเท้าส้นสูงเดินโซซัดโซเซไปข้างหลัง
เพราะว่ารีบถอยเกินไป แก้วไวน์ในมือของเธอก็จับไม่แน่น แก้วเอียง ไวน์แดงที่อยู่ในแก้วก็สาดออกมา กระเซ็นใส่หน้าอกของเธอเต็มๆ มันเย็นๆทำให้เธอไม่สบายตัว
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญก็คือ เธอทรงตัวไม่อยู่แล้ว จากนั้นก็จะล้มลงกับพื้นด้วยสีหน้าที่ตกใจ
เห็นแบบนี้ สีหน้าของท่านย่า เปปเปอร์และทามทอยก็เปลี่ยนไป
“มายมิ้นท์!” ท่านย่าตะโกน
เปปเปอร์และทามทอยได้สติกลับมาก่อน พวกเขาสองคนยื่นมือออกไปจับมายมิ้นท์ไว้พร้อมกัน
แต่คนที่จับมายมิ้นท์ไว้ได้คือเปปเปอร์ ทามทอยช้าไปก้าวหนึ่ง
หลังจากที่เปปเปอร์จับมือมายมิ้นท์ได้ เขาก็ออกแรงดึงเธอ
มายมิ้นท์ที่กำลังจะล้มลง ถูกเขาดึงขึ้นมากระแทกเข้าไปในอ้อมแขนของเขา
เพราะว่ากระแทกแรงเกินไป หน้าอกของเปปเปอร์ถูกเธอกระแทกใส่จนเจ็บ เขาอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมา ขมวดคิ้ว หน้าผากก็เหงื่อตก ขยับถอยหลังไปสองก้าว สุดท้ายเอวของเขาชนกับโต๊ะอาหารข้างหลัง เขาถึงได้ทรงตัวได้
และในระหว่างนี้ เปปเปอร์ก็ไม่ปล่อยมายมิ้นท์ออกเลย ถึงแม้ว่าหน้าอกจะเจ็บแค่ไหน แต่เขาก็กอดเธอแน่น ไม่ยอมปล่อยเธอ
ราวกับว่าถ้าเขาปล่อยเธอ เธอก็ล้มลงอีกครั้ง
ข้างๆ ท่านย่าและทามทอยเห็นว่ามายมิ้นท์ไม่เป็นอะไร พวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ถึงแม้ว่าทามทอยจะเสียดายที่ตัวเองช้ากว่าเปปเปอร์ จับมายมิ้นท์เอาไว้ไม่ทัน แต่เห็นว่ามายมิ้นท์ไม่เป็นอะไร เขาก็สบายใจ
ทามทอยยิ้มอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ล้วงมือกลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง
หน้าโต๊ะอาหาร เปปเปอร์ปล่อยมายมิ้นท์ออกแล้วก้มหน้ามองเธอ เขาขยับปากเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่เขายังไม่ทันได้พูด มายมิ้นท์ก็จับแขนเขา มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วถามด้วยความเป็นห่วง “เปปเปอร์ คุณกระแทกโดนอะไรรึเปล่า เมื่อกี้ฉันได้ยินคุณร้อง กระแทกโดนอะไรไหม?”
เห็นท่าที่เป็นห่วงเปปเปอร์ของมายมิ้นท์ ท่านย่าก็ตกใจ จากนั้นมือที่จับไม้เท้าของเธอก็สั่นเทาด้วยความตื่นเต้น “มายมิ้นท์…”
ทามทอยก็เหมือนกัน
เขากำลังดื่มไวน์อยู่ เห็นมายมิ้นท์เป็นห่วงเปปเปอร์ขนาดนี้ มือที่ถือแก้วไวน์ของเขาก็สั่นเทา แทบจะเขย่าไวน์กระเซ็นออกมาข้างนอก
มายมิ้นท์…
เธอกับเปปเปอร์…
สายตาของทามทอยมืดมนลง เขาจับแก้วไวน์แน่นแต่ก็ไม่พูดอะไร
แต่เปปเปอร์ เขาก้มหน้ามองมายมิ้นท์ด้วยสายตาที่ทำให้คนมองข้ามไม่ได้
มายมิ้นท์ไม่เห็นปฏิกิริยาของพวกเขาสามคน เธอใจจดใจจ่ออยู่กับเปปเปอร์ อยากรู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า
เห็นเปปเปอร์ไม่พูดไม่จา เอาแต่มองดูตัวเอง เธอก็รู้สึกอึดอัด เธอเม้มปากแล้วพูดว่า “คุณพูดสิ กระแทกโดนตรงไหนรึเปล่า?”
เปปเปอร์ถูกเธอตะโกนใส่ ไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แล้วยังยิ้มมุมปากแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งและไพเราะ “ผมไม่เป็นอะไร ไม่ได้กระแทกที่ไหน”
“ไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว เธอยังเป็นห่วงเขา “เมื่อกี้ฉันได้ยินคุณ…”
“ไม่เป็นอะไรจริงๆ ผมรับรอง!” เปปเปอร์ตอบกลับอย่างอ่อนโยน
มายมิ้นท์เห็นสีหน้าที่จริงจังของเขา เธอก็ต้องยอมแพ้
และในตอนนี้เอง เปปเปอร์กลับถามเธอว่า “แล้วคุณล่ะ คุณเป็นอะไรไหม?”
มายมิ้นท์ขยับข้อเท้าที่พลิกเมื่อกี้ เธอส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นอะไร”
แต่ว่าท่าทางของเธอถึงแม้ว่ามันจะไม่ชัดเจน แต่เปปเปอร์ก็มองเห็น
สายตาของเปปเปอร์มืดมนลง “เท้าของคุณ … “
“มายมิ้นท์” เขายังพูดไม่จบ ก็ถูกท่านย่าขัดจังหวะ
ท่านย่าถือไม้เท้าเดินเข้ามาหามายมิ้นท์แล้วถามว่า “มายมิ้นท์ หนูกับเปปเปอร์…”
“ท่านย่าครับ!” รู้ว่าท่านย่าจะถามอะไร เปปเปอก็รีบเรียกหยุดเธอด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม