บทที่436

ผู้แปล : N.

“เป็นเรื่องจริงเหรอเฒ่าลู?!” หยูหลิงได้พูดออกมาด้วยเสียหน้าไม่สู้ดีมากนัก “นายก็คงรู้ว่าบริษัทนี้สำคัญสำหรับฉันมากขนาดไหน!”

พูดมาถึงตรงนี้หยูกัง เฟิงเจิง, และคนอื่นๆเองก็พยักหน้าเป็นการเห็นด้วยกับประโยคนี้ของหยูหลิน ถึงแม้ว่าบริษัทโลจิสติกส์ของพวกเขาจะมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับบริษัทเจ้าอื่นๆในจังหวัด แต่พวกอุปกรณ์และรถที่ใช้ขนส่งนั้นพวกเขาต่างก็ใช้สิ่งที่ดีที่สุดมาโดยตลอด การที่จะให้พวกเขาเลิกทำธุรกิจนี้ไปง่ายๆ มันเป็นอะไรที่เขาไม่สามารถยอมรับได้จริงๆ

และระบบอัจฉริยะอย่าง IOT เองนั้นก็สามารถทำได้เฉพาะบริษัทโลจิสติกส์ขนาดใหญ่เท่านั้น

“ฟังที่ฉันจะพูดให้จบก่อนก็ได้” ลูหยูนได้ถามคำถามบางอย่างขึ้นมา “พวกนายรู้จักรถยนต์ที่ใช้ระบบไร้คนขับไหม?”

“มันใช้รถยนต์ที่สามารถเดินทางไปยังเป้าหมายได้โดยตัวเองใช้ไหม? แต่ฉันคิดว่าเรื่องพวกนี้มันยังคงอยู่ในขั้นพัฒนาอยู่ละมั้ง?” หยูหลิงได้พูดออกมาด้วยความไม่แน่ใจ “ทำไม! นายต้องการจะซื้อรถยนต์แบบนี้ไปใช้เหรอ?”

“ พ่อ! ตอนนี้เทคโนโลยีมันได้ไปไกลกว่าที่พ่อคิด! และเดียวนี้มันก็มีรถยนต์ที่ใช้ระบบรถไร้คนขับออกมาแล้วจริงๆ! มันเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟ!” ยูกังที่เป็นคนรุ่นใหม่ เขาเองก็ได้เห็นข่าวเกี่ยวกับรถยนต์นี้มาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นเขาจึงได้อธิบายเรื่องนี้ให้พ่อของเขาฟังว่า :“ ไม่เพียงแต่รถยนต์ไร้คนขับของบริษัทแพนแพนนั้นจะประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังมีผลวิจัยที่ชี้ชัดว่าการใช้ระบบรถไร้คนขับนั้นมีความปลอดภัยมากกว่าการใช้มนุษย์ขับอีกด้วย! “

“อะไรนะ! แกจะบอกว่าเดียวนี้มีรถประเภทนี้เกิดขึ้นจริงๆเหรอ? แล้วมันเกิดขึ้นมานานหรือยัง” หยูหลินที่ได้ฟังลูกชายพูดออกมาแบบนั้นก็รู้สึกประหลาดใจขึ้น

“ยังไม่นานครับ!” หยูกังได้พูดต่อว่า “และผมยังได้ยินมาว่าสำนักจัดการจราจรจังหวัดเองก็ได้ออกใบอนุญาตให้นำรถประเภทนี้ให้ขึ้นมาขับบนถนนได้แล้ว”

“ฮาฮาฮา! เป็นจริงอย่างที่หยูกังพูด” ลูหยูนได้พยักหน้าออกมา “ตอนมาที่นี้ ฉันเองก็ใช้รถยนต์ที่มีระบบไร้คนขับพามา ฉันจะบอกพวกนายว่ามันทั้งสะดวกสบายและปลอดภัยเป็นอย่างมาก”

“รถคันที่นั่งมา?! อ่า! ฉันรู้ละว่าทำไมฉันไม่เห็นนายตรงที่นั่งคนขับ!” หยูหลินได้พบกับคำตอบของคำถามก่อนหน้านี้ของเขาเข้าให้แล้ว

“เอาละ! งั้นฉันจะพูดเข้าประเด็นเลยก็แล้วกัน” ลูหยูนที่เห็นว่าตอนนี้ทุกคนต่างก็สนใจในเรื่องที่เขากำลังจะพูดขึ้นมาแล้ว เขาจึงได้พูดต่อว่า  “อีกไม่นานรถที่ใช้ระบบไร้คนขับแบบนี้จะเข้าสู่ตลาด นี่ถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอย่างมาก! ถ้านายเต็มใจที่ลงทุนกับธุรกิจนี้ซักสิบล้านหยวน และเปิดร้านค้า 4S (ร้านที่ให้บริการด้านการขาย) หรือไม่ก็บางอย่าง … “

หยูหลิงที่ได้ฟังแบบนี้ก็ถึงกับสถบขึ้นมาในใจทันที นี้ต้องเป็นสิ่งที่ลูกชายของเฒ่าลูบอกมาอย่างแน่นอน ไม่มีทางที่คนอย่างเฒ่าลูจะสามารถมองภาพรวมของธุรกิจขนาดใหญ่แบบนี้ได้!

“ฉันเข้าใจในความหวังดีของนายนะเฒ่าลู! แต่พวกเงินที่เราจะต้องลงทุนนั้นมันกว่าร้อยล้านหยวน ฉันเกรงว่าเงินจำนวนนี้จะมากเกินไปสำหรับบริษัทของฉัน!” หยูหลิงถึงกับส่ายหัวออกมาทันทีหลังจากที่เขาคำนวณเรื่องตัวเลขนี้จบแล้ว

“ นี้นายต้องการให้พวกเราปรับเปลี่ยนสภาพการดำเนินงานและหันไปเปิดร้าน 4S (ร้านที่ให้บริการด้านการขาย) แทนเหรอ? สำหรับฉันแล้วความคิดนี้มันมีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก และพวกผู้ถือหุ่นเองจะไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเด็ดขาด!” เฟงเจิงรู้สึกว่าคำพูดของเฒ่าลูนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือเกินไป ในตอนแรกเขายังคิดว่าอาจจะได้รับคำแนะนำดีๆเสียอีก

ลูหยูนที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดออกมาอย่างจริงจัง: “เฒ่าเฟิง นายกับฉันก็เป็นเพื่อนกันมาหลายปีดีดับ นายคิดว่าฉันจะหลอกนายหรือไง! “

“ฉันแค่อยากจะเตือนพวกนายว่า บริษัทโลจิสติกส์แบบดั้งเดิมจะถูกแทนที่โดยบริษัทโลจิสติกส์ที่ใช้ระบบอัจฉริยะในการจัดการในไม่ช้าก็เร็ว และฉันยังได้ข่าวจากลูกว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่าบริษัทดราก้อนโลจิสติกส์ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดส่งพัสดุโดยโดรนจิสติกส์ หนึ่งในบริษัทในเครือของบริษัทลู่เทคโนโลยีจะเข้ามาเปิดทำการที่จังหวัดของเรา ถ้าพูดถึงแค่เรื่องการขนส่งเพียงอย่างเดียว บริษัทของพวกนายก็สู้พวกเขาไม่ได้แล้ว “

“แต่สำหรับร้าน 4S  (ร้านที่ให้บริการด้านการขาย) ของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟนั้นถือว่าเป็นบริษัทน้องใหม่ที่ไม่มีในจังหวัดของเรา แค่นายยอมลงทุนหลายล้านหน่อย นายก็สามารถทำกำไรได้จากมันอย่างแน่นอน “

“นี่ … ที่นายพูดมามันก็เข้าท่าอยู่หรอก แต่เรื่องนี้ … ฉันไม่สามารถตัดสินใจเองได้ทันที มันจะต้องกลับไปปรึกษากับผู้ถือหุ่นรายอื่นก่อน” หยูหลิงได้คิดเรื่องนี้สักครู่ ก่อนที่เขาจะได้ตอบปฏิเสธออกไปก่อน เม็ดเงินที่จำเป็นต้องใช้ในการลงทุนในครั้งนี้มันไม่ใช้น้อยๆเลย ถ้าเขาอยากจะลงทุนกับธุรกิจนี้จริงๆ เขาคงต้องนำบริษัทของเขาไปจำนองกับธนาคารถึงจะได้เงินมามากพอ

ปฏิกิริยาแรกของหยูกังเองก็แสดงออกมาไม่เชื่อเช่นกัน แต่หลังจากที่เขาคิดมันอย่างรอบคอบเขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง

“ไม่! ไม่! วิธีการนี้ใช้ไม่ได้” เพื่อนหลายคนที่มาครั้งนี้กับหยูหลิงได้ตอบปฏิเสธออกมาทันที และพูดว่า “เราไม่สามารถนำเอาเงินหลายสิบล้านมาขายรถยนต์พวกนั้นได้ และมันจะเป็นการดีกว่าที่เราจะนำเงินพวกนั้นมาพัฒนาบริษัทของเรา “

“ฉันเองก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับรถยนต์ยี่ห้อนี้เหมือนกัน ดังนั้นฉันจึงไม่แนะนำให้เอาเงินของพวกเราไปเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้เด็ดขาด”

“เฒ่าลู! ฉันต้องขอบใจนายมากที่คิดหาทางออกให้กับเรา แต่เห็นได้ชัดว่านายนั้นดื่มมากไปแล้ว!”

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เชื่อคำพูดของลูหยูนเลย

ลูหยูนทำได้เพียงยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะพูดออกมาว่า “ฉันหวังว่าพวกนายทุกคนจะเก็บข้อเสนอของฉันไปคิด! งั้นฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน”

เพราะเฒ่าหยูได้ขอความช่วยเหลือจากเขา ดังนั้นเขาจึงได้คิดหาวิธีช่วยเหลือนี้ออกมา แต่สุดท้ายแล้วผลมันจะออกมาเป็นยังไงก็ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าตัวอยู่ดี

……

หลังจากลูหยูนกลับไป พวกของหยูหลิงยังคงคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้

เพื่อนคนหนึ่งได้พูดออกมาว่า “ฉันไม่คิดเลยว่าเฒ่าลูจะเสนอวิธีบ้าๆแบบนี้ออกมา!”

“ใช่! เขาได้บ้าไปแล้ว! เขาคิดจริงๆเหรอว่าธุรกิจบริษัทโลจิสติกส์ของเราจะต้องปิดกิจการลง! “คนที่อยู่ถัดจากเขาเองก็ได้ส่ายหัวออกมา

เฟิงเจิงเองก็ได้พูดออกมาเช่นกัน “ลืมมันไปเถอะ! ฉันเองก็ไม่ได้คาดหวังเกี่ยวกับการขอความช่วยเหลือจากเฒ่าลูอยู่แล้ว มันจะเป็นการดีกว่าถ้าเราจะคิดหาทางออกด้วยตัวเอง”

หยูหลิงที่เป็นคนเชิญเฒ่าลูมากับไม่คิดแบบนั้น เขาได้พูดออกมาว่า: “เฒ่าลูจะไม่พูดอะไรที่เป็นการทำร้ายเพื่อนออกมาอย่างแน่นอน ฉันเชื่อแบบนั้น แต่จะให้ฉันตัดสินใจทำตามวิธีของเขาเลยมันก็มีความเสี่ยงเกินไป”

“ ฉันคิดว่าความคิดนี้คงเป็นของลูกชายของเฒ่าลูอย่างแน่นอน! เห็นได้ชัดว่าครอบครัวของเขาได้ใช้จ่ายเงินหลายสิบล้านไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา!” เฟิงเจิงได้พูดออกมา

“รถยนต์ไร้คนขับของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟกำลังจะเปิดขาย?” หยูกังไม่ได้ฟังการโต้เถียงระหว่างพวกเพื่อนพ่อเขาเลย เพราะตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในความคิดของตัวเอง เขาจำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้พวกเพื่อนๆของเขาต่างก็พูดถึงเรื่องนี้ และพวกเขายังพูดอีกว่าถ้ารถยนต์นี้ออกมาขาย พวกเขาจะซื้อมันทันที

ดังนั้นเขาจึงคิดว่ารถยนต์ประเภทนี้อาจจะได้รับความนิยมก็เป็นไปได้

หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว หยูกังก็ไปตรวจสอบข้อมูลเรื่องนี้อย่างละเอียด และเขายังได้สอบถามเพื่อนบางคนเกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟอีกด้วย

“พ่อ! พ่อคิดว่าสิ่งที่ลุงลูพูดมานั้นน่าเชื่อถือไหม?” หยูกังที่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้มาแล้วก็ได้เดินมาถามพ่อของเขา

“อ่า! แกไม่ต้องไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอีกแล้ว ตอนนี้แกควรจะคิดหาวิธีทำให้บริษัทของเรากลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุดดีกว่า!” หยูหลิงได้ตอบปัดเรื่องนั้นออกไป

“งั้นผมขอถามพ่อคำถามหนึ่ง! จริงไหมที่ลูกของลุงลูนั้นเป็นแกนหลักของบริษัทลู่เทคโนโลยี ” หยูกังยังคงถามซ้ำอีกครั้ง “เพราะผมได้ไปค้นข้อมูลมาว่า บริษัทที่ผลิตรถยนต์ไร้คนขับนั้นเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือของบริษัทลู่เทคโนโลยี ถ้าเรื่องที่ลุงลูพูดออกมาก่อนหน้านั้นเป็นจริง เรื่องนี้ก็น่าสนใจเป็นอย่างมาก “

“แน่นอนว่าลูกชายของเฒ่าลูนั้นเป็นแกนหลักของบริษัทลู่เทคโนโลยีจริง! แกต้องไปดูบ้านพักตากอากาศและเครื่องบินส่วนตัวที่เขาซื้อให้พ่อแม่ ถ้าคิดรวมๆแล้วมันเป็นเงินมากถึงร้อยล้ายหยวนเลยที่เดียว” หยูหลินได้พูดออกมา

“แต่พ่อไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์อะไร ถึงแม้ว่าลูกชายของเฒ่าลูจะเป็นถึงแกนหลักของบริษัท แต่เขาก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่า ถ้าเราทำตามที่เขาบอกแล้วมันจะประสบผลสำเร็จ”

“ผมคิดว่าจะลองทำตามวิธีที่ลุงลูเสนอมา!” ยูกังที่ได้รับการยืนยันจากพ่อของเขาแล้วก็ได้พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น “พ่อต้องรู้ว่าไม่มีสินค้าไหนที่ผลิตออกมาจากบริษัทลู่เทคโนโลยีที่ขายไม่ได้! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้รถยนต์ที่ใช้ระบบไร้คนขับนั้นเป็นอะไรที่ร้อนแรงอย่างมากบนโลกออนไลน์! มีหลายคนที่ไม่มีโอกาสได้เป็นดีลเลอร์ในครั้งนี้ แต่ลุงลูกับมาเสนอเรื่องนี้ให้เรา! “

“พ่อ! นี่เป็นโอกาสของเราที่จะยกระดับไปอีกขั้น!”