Dual Cultivation บทที่ 645 ดอกพิษระฆังม่วง
“อะไรนะ นั่นมันคือหายนะ” เจ้าซีกล่าวอย่างรวดเร็ว และเขากล่าวต่อไปอีกว่า “เราจะต้องหาวิธีการปกป้องรากวิญญาณให้ดีเมื่อเรากลับไป”
“ข้ามิคิดว่าเจ้าต้องกังวลเรื่องนั้น” ซูหยางพูดกับเขา
“ทําไมถึงไม่ต้องกังวล” เจ้าซึมองเขาด้วยใบหน้างุนงง
“เพราะรากวิญญาณนั้นอยู่ลึกลงไปใต้ดิน และแม้ว่าเจ้าจะสามารถขุดรากวิญญาณได้ ข้าก็ยังสงสัยว่าพวกเจ้าจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับมันได้หรือไม่”
“รากวิญญาณนั้นมิใช่รากต้นไม้ธรรมดาของพวกเจ้า เว้นแต่ว่าพลังการฝึกปรือของเจ้าจะเข้าถึงเขตบรรพชน ลืมไปได้เลยแม้จะกระเทาะผิวของราก”
“จริงรี นั่นทําให้โล่งอก…” เจ้าซีถอนหายใจหลังจากนั้น เขานึกไม่ออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทวีปตะวันออก หากรากวิญญาณของพวกเขาถูกทําลาย หากพลังปราณไร้ลักษณ์ของพวกเขาลดลงอย่างกะทันหันทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ บางทีการไปถึงเขตอัมพรวิญญาณจะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป อย่าว่าแต่จะเข้าถึงราชัน วิญญาณ
“อย่างไรก็ตาม มีสมบัติวิญญาณที่สามารถทําลายรากวิญญาณได้อยู่ แต่ข้าก็ยังคิดสงสัยว่า จะมีใครที่ตั้งใจจะทําลายรากวิญญาณ ในเมื่อเจ้าอาศัยอยู่แค่ในสถานที่เล็กๆ” ซูหยางกล่าว
และเขาก็กล่าวต่อไปอีกว่า “แม่ในโลกของข้าซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าโลกนี้อย่างน้อยหนึ่งพันเท่า และกว้างขวางพอที่จะมีรากวิญญาณหลายราก ก็ไม่มีผู้ฝึกยุทธที่มีเจตนาจะทําอันตรายรากวิญญาณโดยปราศจากเหตุผลที่ดี และแม้ว่าจะมีเหตุผลที่ดี พวกเขาก็ต้องเสี่ยงต่อการล่วงเกินผู้ฝึกยุทธทุกคนในโลก ในเมื่อการทําลายรากวิญญาณถือเป็นเรื่องต้องห้าม”
“ตราบใดที่เจ้าไม่เปิดเผยการมีอยู่ของมันต่อสาธารณะ ก็ไม่น่าจะมีใครค้นพบรากวิญญาณที่อาศัยอยู่ลึกลงไปในโลกได้ อย่าว่าแต่จะทําลายพวกมัน”
“เอาล่ะ เรามาถึงทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางแล้ว ให้ข้าฟื้นฟูพลังการฝึกปรือของขาก่อนที่เราจะไปที่สถาบันสี่ฤดู”
จากนั้นซูหยางก็นําเอาเรือบินลงจอดใกล้ชายฝั่ง ก่อนที่จะโยนมันเข้าไปในแหวนมิติของเขา
“เจ้าจะว่ายังไง หากข้าจะไปเตร็ดเตร่บริเวณรอบๆนี้ในช่วงเวลานี้” ซีหวังถามเขาหลังจากนั้น
“ไปเถอะ อย่าไปไกลเกินไป และให้กลับมาที่นี่ในอีก 3 ชั่วโมง” ซูหยางพูดกับอีกฝ่ายราวกับว่าเขากําลังพูดกับเด็กที่สวนสาธารณะ
“ข้าจะไปดูรอบๆด้วย” เจ้าซีกล่าวก่อนจะบินจากไป
เมื่อพวกเขาอยู่กันตามลําพัง ซีซิงฟางก็เริ่มรู้สึกประหม่า ส่วนใหญ่นั้นก็เป็นเพราะเธอได้สารภาพความจริงกับเขา
“ถ้าเจ้าต้องการ เจ้าสามารถไปเดินเล่นได้เช่นกัน” ซูหยางพูดกับเธอขณะที่เขานั่งลงและเริ่มฝึกฝน
“ข้าจะอยู่ที่นี่กับท่าน” เธอส่ายหน้าก่อนจะนั่งข้างหลังเขา
“ถึงแม้ว่าข้าจะสนใจในทวีปศักดิ์สิทธิ์ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ข้าตามท่านมาที่นี่ … เธอพูดในใจพร้อมกับรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้า
สามชั่วโมงต่อมา ซึหวังและเจ้าซีก็กลับมาที่ข้างกายพวกเขา
“ซูหยางดูสิ่งที่ข้าพบข้านี่สิ ข้ามเคยเห็นสมบัติแบบนี้มาก่อน มันเปี่ยมไปด้วยพลังปราณ” ซีหวังแสดงสมุนไพรหน้าตาแปลกๆให้เขาดูด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดูเหมือนเด็กที่พบของเล่นตามท้องถนน
ซูหยางเหลือบมองไปที่สมุนไพรสีฟ้าและพูดว่า “นั่นคือดอกพยัคฆ์ฟ้า มันใช้ในการปรุงยาระดับปฐพี”
“แล้วพืชสีม่วงนี้ล่ะ” เจ้าซีเผยให้เขาเห็นพืชสีม่วงพร้อมกับดอกไม้เรืองแสงที่มีลักษณะคล้ายกับระฆัง
“นั่นคือดอกพิษระฆังม่วง มันมีพิษ”
“อ๊ะ ทําไมไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้ล่ะ” เจ้าซีโยนต้นไม้นั้นทิ้งไปด้านข้างทันทีพร้อมกับใบหน้าที่หวาดกลัว
เมื่อเห็นเช่นนี้ซูหยางก็ส่ายหน้า และไปเก็บดอกพิษระฆังม่วงขึ้นมา สร้างความประหลาดใจให้กับเจ้าชี จากนั้นเขาก็โยนต้นไม้ลงในแหวนมิติ และพูดต่อไปว่า “แม้ว่ามันจะมีพิษ แต่ดอกพิษระฆังม่วงก็เป็นสมบัติที่หายาก และมีค่า ที่มีประโยชน์มากมายเมื่อเทียบกับดอกพยัคฆ์ฟ้า มันมีค่ามากกว่าอย่างน้อย 10 เท่า และเมื่อมาคิดว่า เจ้าได้ทิ้งอะไรเช่นนี้ไป ช่างเป็นการสูญเปล่าของทรัพยากรจริงๆ ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการมัน ข้าก็จะรับมันจากมือเจ้าเอง”
เจ้าชีจ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงดาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ อีกฝ่ายใช้คําว่าพิษเพื่อที่จะสร้างความหวาดกลัวให้กับเขาจนทําให้เขากลัวจนโยนสมบัติทิ้งไปอย่างแน่นอน
และก่อนที่ท่านเจ้าซีจะทันต่อว่า ซูหยางก็พูดว่า “อย่างไรก็ตามข้าได้ฟื้นฟูพลังวิญญาณแล้ว เราสามารถเดินทางต่อไปยังสถาบันสี่ฤดูได้”
ในเวลาต่อมาซูหยางก็น่าเรือเหาะล่าเล็กขึ้นมาและขึ้นไปบนนั้น
“มิมีที่ว่างมากนัก ดังนั้นพวกท่านจะต้องนั่งชิดกัน” ซูหยางกล่าวกับพวกเขา
เจ้าซีและซีหวังมองหน้ากันก่อนที่จะมองไปยังซีซิงฟาง
จากนั้นพวกเขาก็ขึ้นยานบินและนั่งข้างกันโดยไม่เปิดปาก ทิ้งที่นั่งข้างซูหยางไปยังซีซิงฟาง
“..” ซีซิงฟางหน้าแดงทันทีกับเจตนาที่ชัดเจนของพวกเขา อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้พูดอะไร และไปนั่งข้างซูหยาง
เมื่อซีซิงฟางนั่งลง ซูหยางก็รู้สึกได้ถึงร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอเบียดด้านข้างของเขา พร้อมกลิ่นหอมหวาน นุ่มนวลบนร่างกายของเธอ ที่ทําให้เกิดความรู้สึกสงบ
“ขออภัย ซูหยาง..” ซีซิงฟางพูดกับเขาด้วยใบหน้าที่มีเลือดฝาด
“อย่าได้ใส่ใจ” เขาตอบด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ไม่กี่อึดใจต่อมายานบินก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและมุ่งตรงสู่สถาบันสี่ฤดู
เมื่อพวกเขาไปถึงสถาบันสี่ฤดูในเวลาต่อมา ซูหยางก็จอดเรือบินตรงหน้าสถาบัน
“พวกเรามาถึงแล้ว” เขาพูดกับตระกูลซี ขณะที่เขาเก็บยานบินไว้ในแหวนมิติ
เจ้าซีและซีหวังพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ขณะที่ซีซิงฟางสวมผ้าคลุมหน้า
พวกเขาเข้าไปที่ประตูในเวลาต่อมา
ในขณะเดียวกันบรรดายามต่างก็พากันงุนงงและประหลาดใจ เมื่อเห็นซูหยางและตระกูลซีเข้ามายังสถาบันของพวกเขา
“จอมยุทธสามคนเขตอัมพรวิญญาณ และยังมีคนที่อยู่ในเขตราชันวิญญาณร่วมกับพวกเขาด้วย พวกเขาเป็นใครกัน”
“ข้าไม่รู้ ข้ามิเคยเห็นชายชราคนนั้นที่อยู่ในเขตราชันวิญญาณมาก่อน”
“รับ ให้คนไปแจ้งท่านผู้นําสถาบัน”
ทั้งหมด