คนที่เหลือที่ไม่ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอรืไปด้วยยังคงตกใจค้างและทำตัวไม่ถูกพวกเขาพึ่งจะรู้ว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ ทหาร 1,500 นาย ซึ่งมีเสบียงอาหารติดตัวกันไปสำหรับระยะเวลาแค่หนึ่งอาทิตย์ ประกอบกับที่เดิมที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าก็ขาดแคลนเสบียงอาหารอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อมีกลุ่มผู้ลี้ภัยขนาดใหญ่เข้ามาในค่าย มันยิ่งทำให้ค่ายเขี้ยวหมาป่าตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด
แม้ว่าเหลาเกาจะเก่งกาจและมีประสบการณ์อย่างมากก็ตามแต่เขาก็ไม่สามารถปลูกมันฝรั่งจำนวนมากให้เพียงพอกับจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าอย่างกระทันหันในเวลาสั้นๆได้
ที่แย่ยิ่งกว่านั้นกองทัพเขี้ยวหมาป่าได้ขาดการติดต่อไปตั้งแต่สองวันก่อน ทำให้ไม่มีคนนำทางในการขนส่งทรัพยากร ทีมขนส่งจึงต้องเดินทางเองและทำให้บางคนหลงหายสาปสูญเข้าไปในป่า
เหตุการณ์ที่รีบเร่งอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวได้นำพาทุกอย่างมาถึงจุดจบและสถานการณ์ของกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็ยิ่งทวีคูณความรุนแรงเข้าไปอีกก
ทว่าในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานหน่วยข่าวกรองลับของกองทัพเขี้ยวหมาป่าจู่ๆก็ส่งทรัพยากร ข้าวของที่จำเป็น เสบียงอาหารมากมายมาให้ช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังอย่างกระทันหัน แม้แต่ซางจิงก็เลือกที่จะทอดทิ้งพวกเขาให้ตายอยู่ที่นี้อย่างไม่เหลียวแล!
แล้วนี้มันจะไม่สุดยอดได้ยังไง?
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเหมิงชีเหว่ยทำได้ยังไง?
”หน่วยข่าวกรองลับมีสมาชิกจำนวนไม่น้อยเรามีคนมีความสามารถหลายคน ทำให้เรามีข้อมูลที่ครอบคลุมมากในวงกว้าง” ซงเสี่ยวยักคิ้ว ก่อนจะส่ายหน้า “แต่ฉันไม่รู้จริงๆว่าเขาหามันมาได้ยังไง” ซางจิ่วตี้อดไม่ได้ที่มองซงเสี่ยวพร้อมกับถอนหายใจ”นายไม่รู้เหรอ? ค่ายจินหยางไม่ใช่สถานที่ที่จะส่งของมากมายขนาดนี้มาให้เราด้วยความเต็มใจ! พวกเขาเกลียดชังชูฮันจะตาย!”
แค่นึก…หัวใจของซางจิ่วตี้ก็รัวด้วยความวิตกความสงสัยมากมายก่อตัวขึ้นในใจจนหน้านิ่วคิ้วขมวด
ค่ายจินหยางและชูฮันมีปัญหากันเรื่องนี้แทบจะรู้ไปทั่วทั้งจีนแล้วเหมิงชีเหว่ยทำอย่างไรกันถึงสามารถส่งข้าวของมากมายขนาดนี้มาได้?
ของพวกนี้โดยไม่คำนึงถึงปริมาณ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นของที่ดีที่สุด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะลอดผ่านตาของค่ายจินหยางมาได้ เธอเกรงว่าค่ายอื่นๆเองก็คงประสบกับสถานการณ์เดียวกันหมดในตอนนี้สินะ…
อย่างนี้มันไม่เสี่ยงต่อการเปิดเผยตัวตนของหน่วยข่าวกรองลับงั้นหรือ?!
น่าเสียดายซางจิ่วตี้ไม่มีทางรับรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ได้เลย อย่างเดียวที่เธอรู้ก็คือเหมิงชีเหว่ยส่งเฮลิคอปเตอร์ 5 ลำที่บรรทุกไปด้วยของมากมายจากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
———–
ณตอนนี้มันเป็นเวลากลางดึก ในถิ่นทุรกันดารซึ่งอยู่ห่างไกลจากค่ายเขี้ยวหมาป่า กองทัพเขี้ยวหมาป่าที่หายตัวไปในที่ที่ห่างไกลออกกไปเรื่อยๆตลอดสองวันที่ผ่านมา ตอนนี้พวกกเขาได้เข้ามาอยู่ใจกลางหุบเขา ถูกรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่มากมาย หญ้าที่สูงมืดหัวบดบังวิสัยทัศน์ของพวกเขาอย่างสมบูรณ์แบบ พวกเขาหลงทางอยู่ในป่าลึกที่ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนด้วยซ้ำ
ในเวลาเดียวกันในช่วงดึก สถานที่แห่งนี้ซึ่งเดิมทีเคยเงียบสงัด กลับมีแต่เสียงเเข่นฆ่าต่อสู้ไม่จบสิ้น!
เสียงคำรามกึกก้องของซอมบี้ที่ก่อตัวเป็นคลื่นเสียงสะท้อนไปทั่วบริเวณพวกมันค่อยๆเข้ามาใกล้ยังตำแหน่งที่กองทัพเขี้ยวหมาป่าตั้งค่ายพักอยู่ขึ้นเรื่อยๆทุกขณะ ฟังจากเสียงของพวกมัน ทำให้พอจะเดาได้ว่าจำนวนของซอมบี้และระดับของพวกมันนั้นไม่ใช่ธรรมดา
จากการประชุมก่อนหน้านี้เหอเฟิงตระหนักได้แล้วว่าการคาดเดาของเขาก่อนหน้านี้ได้รับการยืนยันแล้ว ตั้งแต่แรกเริ่มที่ตีนเขา พวกเขาตามเส้นที่ซอมบี้วางไว้และเข้าไปติดกับพวกมันและจากนั้นก็ถูกพวกมันลอบโจมตี พวกเขาถูกบีบให้ถอยทัพหนีร่นจนมาถึงกลางหุบเขานี้และไม่สามารถไปไหนได้อีกแล้ว
แต่ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ได้ฆ่าซอมบี้ไปไม่น้อยเหมือนกัน พวกเขากำลังรอให้เกิดปาฏิหาริย์กับกองทัพเขี้ยวหมาป่าอีกครั้ง!
ตอนนี้ทุกอย่างมันเรียบง่ายไม่มีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ใดๆเลย
พวกเขาถูกล้อมปิดล้อมจนไม่เหลือทางแล้ว!
”รายงานครับ”เจียงเทียนวิ่งหอบเข้ามา”ฝูงซอมบี้ได้ปิดล้อมถนนด้านหลังเราเเรียบร้อยแล้วครับ เราไม่มีหนทางจะหนีออกไปได้เลย พี่น้องทีมลาดตระเวนของเราตายไปหลายคน ทำให้ตอนนี้เราไม่มีหนทางคาดเดาได้เลยว่าพวกลูกผสมอยู่ที่ตำแหน่งไหน”
”ทั้งสี่ทิศถูกล้อมไปด้วยซอมบี้หมดเลย?”แววตาของเหอเฟิงเต็มไปด้วยความกังวล ในความคิดของเขา ถ้าอย่างจะสู้ ก็ควรจะสู้กันตรงๆซึ่งหน้า ความแตกต่างในด้านของจำนวนทำให้กองทัพเขี้ยวหมาป่าไม่มีข้อได้เปรียบอะไรเลยในจุดนี้
”ครับ!ทุกด้านเราถูกล้อมเอาไว้หมดแล้ว!” เจียงเทียนชิงปาดเหงื่อที่หน้าผากออก เขาสบตากับเหอเฟิงด้วยความกระตือรือร้น
เหอเฟิงกระพริบตาจากนั้นกระซิบเสียงเข้ม “ถอยทัพ! ถอยทัพกลับมาที่หุบเขา!”
สถานที่แห่งเดียวในพื้นที่บริเวณนี้ที่มีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์คือหุบเขาที่พวกเขาถูกโจมตีเมื่อสองวันก่อนในเมื่อตอนนี้พวกเขาถูกซอมบี้ล้อมเอาไว้หมดแล้ว ดังนั้นมันก็ดีกว่าถ้าเขาจะเลือกตำแหน่งที่เคยสู้มาแล้วละก็สามารถฆ่าพวกมันได้!
พรึบ!
ทันทีหลังจากเหอเฟิงออกคำสั่งทหารทุกคนในกองทัพเขี้ยวก็จัดขบวนแถวตัวเองและออกเท้าเดินหน้าไปยังทิศทางที่กำหนดทันที โดยที่ครั้งนี้มันไม่มีการเตรียมการล่วงหน้าให้ของทีมลาดตระเวนเหมือนทุกครั้งแล้ว ทั้งสี่ทีมหลักเป็นทีมนำทัพ
ฝีเท้าของทุกคนคงที่และพร้อมเพรียงมุ่งหน้าไปยังหุบเขาด้วยความเร็วสูงสุดพร้อมจิตสังหารแรงกล้า!
————–
ณค่ายจินหยาง เรียกได้ว่ามันเป็นค่ำคืนที่โกลากลที่สุดตั้งแต่มีมา สัญญาณเตือนภัยที่ดังขึ้นกกระทันหันกลางดึกก เหล่าผู้รอดชีวิตในค่ายก็แตกตื่นตกใจกันถ้วนหน้า
จงคุยปรากฏตัวขึ้นที่ห้องโถงของค่ายทันทีเมื่อเขาไปถึงมันก็มีเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหมดของค่ายยืนเรียงแถวตั้งอยู่แล้ว ทุกคนต่างมีสีหน้ากังวลและไม่เข้าใจ แต่ละคนอยู่ในชุดนอนรุ่ยร่าย ผมเผ้ายุ่งเหยิง
สัญญาณเตือนภัยที่ทันสมัยที่สุดของค่ายดังขึ้นมันเกิดอะไรขึ้น?
หรือว่ามีซอมบี้บุกมา?ถ้างั้นพวกเขาก็ต้องรีบหนีไปสิ ไม่ใช่มาประชุมแบบนี้?
ท่ามกลางความคิดหลากหลายของหลายคนจงคุยกระแอมขึ้นมาและพูดขึ้น “สถานการณ์คืออะไร? ไม่มีใครออกมามารายงานเลยรึไง? อยู่ดีๆสัญญาณเตือนภัยมันไม่ร้องออกมาเองหรอก!”
ทันทีที่เสียงของจงคุยจบลงประตูห้องโถงก็ถูกเปิดออกทันที จงไคซึ่งสวมชุดพลเอกเต็มยศและนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นโดยมีเจียงเหว่ยเข็นรถให้เข้ามา
ทุกคนในห้องโถงชะงักค้างมองภาพตรงหน้าตาโตไม่กระพริบตาอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง จงไคได้รับการตั้งแต่ขึ้นเป็นพลเอกพูดได้ว่าจู่ๆสัญญาณเตือนภัยที่ดังขึ้นกระทันหันกลางดึกสงัด สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดเลยสักนิดคือภาพการปรากฏตัวของจงไคด้วยภาพเช่นนี้
จงไคที่อยู่ในชุดของพลเอกเต็มยศพร้อมกับตราตำแหน่งวาววับเด่นสง่าตรงหน้าอก!
ราวกับเตรียมตัวมาล่วงหน้า?
หลายคนสมองโล่งเป็นเวลาชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะสังเกตได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ เห็นได้ชัดเลยว่าจงไคเตรียมตัวมาไม่น้อย รอให้ทุกคนมาถึงห้องโถงก่อนแล้วค่อยแสดงตัว!
”จงไค!”จงคุยคำรามลั่น ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ ความโกรธของจงคุยปะทุอัดแน่นเต็มอก “แกจงใจสร้างเรื่องใช่มั้ย? ที่สัญญาณเตือนภัยร้องเป็นฝีมือแกใช่มั้ย?!”
จงไคยิ้มและมองพ่อตัวเองโบกมือเป็นสัญญาณให้เจียงเหว่ยปล่อยเขาหลังจากระยะห่างที่จงคุยประมาณหนึ่งเมตร จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างยั่วเย้า “ใช่ ผมเอง” ”$%^&*()(*&^%!!!”