ตอนที่ 179: หน้าด้านเสียจริง โดย Ink Stone_Romance
เดิมทีเฉินเยี่ยนกำลังทักทายแขกอยู่ คนที่มาวันนี้มากมายจริงๆ เธอไม่ได้ไปนั่งเบียดกับแขกคนอื่นๆ ให้แขกกินไป เดี๋ยวเธอไปหาพ่อครัวขอข้าวกินชามหนึ่งก็ได้แล้ว ได้ยินเสียงมาจากฝั่งนี้ เฉินเยี่ยนเดินเข้าไป
“เจ้าว่าพวกเจ้าทั้งบ้านจะมากินของคนอื่น เจ้าวางแผนไว้แล้ว เอาของขวัญมาให้ นี่เอากระดาษสีแดงมา ข้างในว่างเปล่า ไม่ใส่อะไรเลย นี่หมายความว่ายังไง! แล้วนี่ยังพาคนทั้งบ้านมากิน ดูสิง่าข้างในยังมีที่นั่งไหม? นี่ไม่ทำเรื่องหน้าไม่อายแบบนี้ได้ไหม”
ปู่หวางจวนพูดไม่ออก คิดว่าป้าซิ่วเอ๋อร์ทำเรื่องนี้นี่เกินไป
ถึงแม้เฉินเยี่ยนจะได้ยินแค่สองประโยค แต่เธอคิดว่าเธอเข้าใจเรื่องราวแล้ว ป้าซิ่วเอ๋อร์นี่พาทั้งครอบครัวคิดจะมากินโต๊ะจีน แต่เธอกลับเอาอั่งเปาซองเปล่ามาให้ ข้างในไม่มีอะไรเลย
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่มี เฉินเยี่ยนก็เคยได้ยินมาก่อน บางบ้านจนจริงๆ ไปร่วมงานแต่งแต่ไม่มีเงิน เลยเอากระดาษสีแดงเขียนตัวเลขไว้ ปกติคนที่บันทึกก็จะเข้าใจ เจอแบบนี้จะไม่โวยวาย จะจดลงไป อีกหน่อยถ้าครอบครัวนี้มีเงิน ก็จะเอาเงินมาให้ที่บ้าน นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
แต่ป้าซิ่วเอ๋อร์ไม่ใช่แบบนี้เสียหน่อย? ยังไม่ต้องพูดถึงตอนนั้นที่เธอตีเฉินหู่ ต่อมาเธอกับบ้านเฉินก็ทะเลาะกัน หลายปีนี้ไม่ได้ไปมาหาสู่กัน เมื่อวานเฉินหู่ให้ลูกสองคนของป้าซิ่วเอ๋อร์กิน แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะพาทั้งบ้านมากินได้
อีกอย่างบ้านเฉินและพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เอากระดาษสีแดงเปล่าๆ มา แล้วคนทั้งบ้านมากินมาดื่ม แล้วบ้านเฉินก็เพิ่มโต๊ะแล้วเพิ่มโต๊ะอีกจนไม่มีที่จะนั่งแล้ว แบบนี้ไม่ขายขี้หน้าหรือ?
“หน้าไม่อายยังไง? ปู่พูดมามีอะไรหน้าไม่อาย! พวกเราเอาของขวัญมาให้เพราะเห็นแก่พวกเขา อย่ามาพูดมั่วๆ รีบให้บ้านเฉินเพิ่มโต๊ะให้พวกเรา โต๊ะพวกเราก็ไม่ต้องให้คนอื่นมานั่ง พวกเรานั่งกันทั้งครอบครัว สะใภ้ฉันอยู่บ้านไม่ยอมมา แม่สามีฉันก็ไม่ได้มา เดี๋ยวฉันจะต้องตักกลับไปให้พวกเขาหน่อย”
ป้าซิ่วเอ๋อร์กลับทำหน้ารำคาญ ขึ้นเสียงสูงด้วย เห็นแบบนั้นไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกขายขี้หน้า เธอยังทำเหมือนมีเหตุผลด้วย
เฉินเยี่ยนเห็นปู่หวางจวนโกรธจนหน้าแดง แต่ทำอะไรป้าซิ่วเอ๋อร์ไม่ได้ เธอเลยเดินเข้าไปใกล้
“ขอโทษด้วย ไม่มีที่นั่งแล้ว เชิญกลับไปเถอะ ส่วนเงินค่าของขวัญ พวกเราไม่ได้ให้พวกคุณกิน พวกคุณก็เอากลับไปเถอะ”
เฉินเยี่ยนไม่สนใจที่จะล่วงเกินอีกฝ่าย แต่วันนี้เป็นวันดี เธอไม่อยากทะเลาะให้ขายหน้า
“เธอทำแบบนี้ได้ยังไง? พวกเธอมีงานมงคล พวกเราเอาของขวัญมาให้ พวกเธอควรต้องรับให้พวกเราเข้าไปดีๆ จัดแจงให้ดี เธอทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าจะไม่มีโต๊ะแล้ว เธอก็ควรหาให้พวกเรา พวกเราไม่เรื่องมาก เอามาให้เราแปดชามสิบชาม พวกเราก็พอกินแล้ว”
กับเฉินเยี่ยน ป้าซิ่วเอ๋อร์ไม่ได้หยาบคายเท่ากับปู่หวางจวน
เฉินเยี่ยนมองครอบครัวป้าซิ่วเอ๋อร์เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
สามีป้าซิ่วเอ๋อร์ลุงลิ่วจื่อหน้าเริ่มแดง เขาไม่อยากมา โดนภรรยาลากมา เขาก็คิดว่าน่าขายหน้า
“ผมไม่เข้าไปแล้ว พวกเรากลับบ้านกัน ครั้งหน้าผมไม่มีหน้าไปเจอหู่จื่อแล้ว”
เจ้าอ้วนลูกชายคนที่สามของป้าซิ่วเอ๋อร์ไม่ค่อยพอใจ แม่เขาบอกว่าจะมาให้ของขวัญบ้านเฉิน พาพวกเขามากิน เจาดีใจมาก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ เขาคิดว่าเรื่องนี้แม่เขาทำไม่ถูก ให้เขาหิวแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถกินของคนอื่นฟรีๆ ได้
“ผมก็ไม่เข้าไปแล้วเหมือนกัน”
ลูกชายคนที่สี่ก็ถอยหลัง เมื่อวานพวกเขาได้กินแล้ว เนื้อชิ้นใหญ่นั้นหอมจริงๆ แต่พวกเขาไม่อยากเสียหน้าเพราะเรื่องนี้ ไม่อยากให้เฉินหู่ไม่เล่นกับพวกเขา
“พวกเรากลับกันก่อน”
ลูกชายคนโตของป้าซิ่วเอ๋อร์พูดจบก็หันหลังกลับ ตอนเขาออกมาภรรยาเขาก็ห้ามไว้ บอกว่าไม่มีเรื่องแบบนี้ น่าขายหน้ามาก แต่เขาเชื่อแม่เขาเลยมา ตอนนี้โดนคนมองเขารู้สึกหน้าร้อนผ่าว เขาไม่กล้าจะเงยหน้า
“พวกเราไปกันเถอะ ไม่มีใครเป็นแบบพวกเราจริงๆ”
ลิ่วจื่อลากภรรยา เขาก็รู้สึกขายหน้า
“ดูพวกคุณนี่ไม่ได้เรื่องแบบนี้ คุณเข้าไปยังจะกล้าไล่ออกมาหรือ เธอกล้าไล่ ฉันก็กล้านั่งร้องไห้อยู่หน้าประตูบ้านพวกเขา ฉันจะดูว่าเธอกล้าไม่กล้า! ทุกคนฟังฉัน ข้าววันนี้ฉันจะต้องกินให้ได้”
ป้าซิ่วเอ๋อร์คิดว่าสามีไม่มีความสามารถ เลยพูดพาลขึ้นมา
เฉินเยี่ยนไม่เคยเจอคนแบบนี้จริงๆ ทุกหมู่บ้านจะมีคนนิสัยดีอยู่ ทุกบ้านจะมีคนนิสัยดีหนึ่งหรือสองคนหรือญาติที่นิสัยดีๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นมาก่อน แต่คนหน้าด้านขนาดนี้เจอได้น้อยมาก
“เยี่ยนจื่อ เดี๋ยวฉันไปเรียกพ่อเธอให้”
ปู่หวางจวนกลัวว่าเฉินเยี่ยนจะรับมือไม่ไหว การแต่งงานถือเป็นงานมงคลงานใหญ่ ถ้าโดนคนมาร้องไห้อยู่หน้าประตูบ้าน นั่นเป็นเรื่องอัปมงคล ปกติถ้าไม่ได้มีความแค้นใหญ่ ก็จะไม่ทำแบบนี้เด็ดขาด
“ไม่ต้องค่ะ ลุงลิ่วจื่อ พวกลุงอุ้มป้ากลับไปเถอะ พวกเธอสองคนเอาแม่กลับไป ตอนบ่ายไปเล่นกับหู่จื่อ ให้หู่จื่อเลี้ยงเนื้อพวกเธอ”
เฉินเยี่ยนห้ามปู่หวางจวนไว้ จัดการกับป้าซิ่วเอ๋อร์เธอไม่กลัว
พอเด็กสองคนบ้านป้าซิ่วเอ๋อร์ได้ยินก็ดีเลย เฉินหู่เลี้ยงพวกเขากับพวกเขามาเองมันไม่เหมือนกัน ดังนั้นเขาเลยมองพ่อเขา แล้วดึงพี่ชายเขากลับ ทั้งสี่คนรุมกันแบกป้าซิ่วเอ๋อร์กลับไป
ป้าซิ่วเอ๋อร์ด่าทอไม่หยุด แต่เธอคนเดียวสู้สี่คนได้ที่ไหน ปากก็โดนสามีอุดไว้แล้ว ต่อต้านไม่ได้ เธอโดนหามออกไป
เฉินเยี่ยนส่ายหน้า นี่มันเรื่องอะไรกัน
ปู่หวางจวนตกใจอ้าปากค้าง แบบนี้ก็ได้? เขาได้เรียนรู้เพิ่มอีกมุขแล้ว
พวกคนที่เห็นที่ได้ยิน ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา ในชั่วพริบตาเรื่องบ้านป้าซิ่วเอ๋อร์มาแย่งซีนเฉินกุ้ยและหลัวเหมยสามีภรรยาคู่ใหม่ก็กลายเป็นหัวข้อถกเถียงกันในวันนี้
กินข้าวเสร็จ ส่งครอบครัวบ้านเจ้าสาวเสร็จแล้ว เหล่าป้าๆ พี่สะใภ้ที่มาช่วยงานก็เริ่มเก็บกวาด
บ้านเฉินแบ่งสองอ่าง เอากับข้าวที่เหลือแต่ละโต๊ะมาเทลงอ่างหนึ่ง เหล่าญาติที่มาทีหลังแล้วยอมเอากลับ ก็ให้เขาเอากลับไป แล้วยังมีคนในหมู่บ้านที่ช่วยเหลือ คนที่อยากเอากลับก็ให้เอากลับไปเหมือนกัน
ตอนบ่ายเฉินหู่เลี้ยงลูกชายของป้าซิ่วเอ๋อร์สองคนนั้นกินข้าวจริงด้วย ตักมาชามใหญ่เลย เด็กสองคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย นอกจากอร่อยแล้ว เป็นเพราะเฉินหู่เลี้ยง ไม่เหมือนกับที่เขามาแบบนั้น พวกเขารู้สึกว่าเฉินหู่มีน้ำใจ พูดคำไหนคำนั้น ตั้งแต่นี้ต่อไปจะยิ่งให้เฉินหู่เป็นผู้นำ เชื่อฟังเฉินหู่
เห็นเพื่อนๆ เฉินหู่พวกนั้นที่กินกันอย่างตะกละตะกลาม เฉินเยี่ยนรู้ อีกหน่อยในใจของเด็กพวกนั้นเฉินหู่จะยิ่งสูงส่ง แบบนี้ก็ดี อีกหน่อยเฉินหู่มีเรื่องอะไร จะไม่มีใครไม่ช่วยเหลือ
ตอนเย็นครอบครัวเฉินนั่งกินข้าวด้วยกัน หลัวเหมยก็มานั่งด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะเขินอยู่ แต่เพราะก่อนหน้านี้เจอคนบ้านเฉินมาแล้ว ดังนั้นเลยลดความระมัดระวังตัวได้หน่อยเทียบกับเจ้าสาวใหม่คนอื่น
แต่เธอนั่งติดกับหวางจวน ไม่ได้นั่งข้างเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนรู้สึกได้ว่า เธอไม่ได้คิดเป็นศัตรูกับเฉินเยี่ยน น่าจะรู้สึกซาบซึ้ง และคงมีความเกรงกลัวอยู่บ้าง
ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรเธอเสียหน่อย เธอกลัวตัวเองทำไม?
ตัวเองทำแบบนั้นกับบ้านหลัวทำให้เธอตกใจหรือ? น่าจะไม่เกี่ยวนะ แต่เฉินเยี่ยนไม่ได้ถาม ระหว่างคนสองคนต้องอาศัยพรหมลิขิต ส่วนพี่สะใภ้คนนี้ เธอไม่อยากให้เธอมาสนิทกับตัวเองมา ขอแค่เธอทำดีกับพี่ชาย กับพ่อแม่ก็พอแล้ว