บทที่ 517 กลายเป็นร่างทรงเทพเจ้าอีกครั้ง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 517 กลายเป็นร่างทรงเทพเจ้าอีกครั้ง

ผลข้างเคียงของการรับพลังศักดิ์สิทธิ์มีอะไรบ้าง?

เมื่อหมดพลังแล้ว ร่างกายของเขาก็จะสูญเสียพลังยุทธ์ไปทั้งหมด

อย่างเช่น ก่อนหน้านี้หลินเป่ยเฉินฝึกวิชาขึ้นมาจนมีระดับพลังสูงส่ง

แต่ครั้งที่แล้วเมื่อได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นร่างทรงเทพเจ้า พลังทั้งหมดของเขาก็หายไป

จนเกือบจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์

โชคดีที่ร่างกายยังคงใช้งานได้ตามปกติ เด็กหนุ่มจึงตั้งอกตั้งใจฝึกวิชาเรียกพลังกลับคืนมา ต่อมาเขาถึงได้รู้ว่าพลังปราณธาตุในร่างกาย เปลี่ยนจากพลังปราณธาตุน้ำ กลายเป็นพลังปราณธาตุไฟที่เขาควบคุมไม่ได้ หากต้องสูญเสียพลังทั้งหมดไปอีกครั้ง หลินเป่ยเฉินก็คงกลายเป็นเซียวปิงในแบบฉบับผอมเพรียว สามารถต่อสู้กับผู้คนได้ด้วยการใช้กำปั้นอย่างเดียวเท่านั้น

เขาเป็นคนส่งข้อความไปบอกเทพีกระบี่หิมะไร้นามเองว่าต้องการพลังศักดิ์สิทธิ์

นางก็เลยส่งพลังศักดิ์สิทธิ์มาให้เขาจริงๆ

เวรเอ๊ย

เดี๋ยวจบจากการต่อสู้ในวันนี้ เขาคงต้องกลับไปฝึกวิชาใหม่ตั้งแต่ต้นอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย?

หลินเป่ยเฉินอดไม่ได้ต้องส่งข้อความไปขอแผ่นยันต์เทพเจ้าแบบที่คุณชายเหลียนซานมีในครอบครองมาเป็นตัวช่วยเพิ่มเติม

เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบข้อความกลับมาอย่างรวดเร็วว่า

“ปัญหาทั้งหมดในครั้งนี้ นับว่าเจ้าเป็นคนก่อขึ้นมาเองนะ ยังจะต้องการอะไรอีก…”

“อ้าว?”

หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ

มันจะเป็นปัญหาที่เขาก่อได้ยังไง?

ในเมื่อนี่ควรเป็นหน้าที่ของเทพีกระบี่ที่จะปกป้องสาวกของตนเองไม่ใช่หรือ?

บนดินแดนทวยเทพ

ณ วิหารที่ใหญ่โตแห่งนั้น ซากศพของกลุ่มเทพวิหคนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นดิน มีบ้างบางคนยังไม่ตาย ก็พยายามคลานตะเกียกตะกายไปข้างหน้า เพื่อหลบหนีการไล่ล่าให้รวดเร็วที่สุด!

หากพลังลมปราณกระบี่ถูกปลดปล่อยออกมา ความตายก็จะมาเยือนทันที

กำลังพลของกองทัพเทพวิหคที่ยกขบวนมาโจมตีวิหารแห่งนี้เสียชีวิตไปหมดแล้วถึง 90 ส่วน

มีเพียงนายทหาร 10 ส่วนเท่านั้นที่หนีรอดได้อย่าหวุดหวิด

“นางเทพขี้เมาผู้นี้ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนนางบาดเจ็บสาหัสใกล้ตายเต็มทน เหตุไฉนถึงกลับมามีพลังแข็งแกร่งได้อีกครั้ง?”

“หรือว่าก่อนหน้านี้นานแค่แกล้งเล่นละครตบตาพวกเรา?”

“ช่างเจ้าเล่ห์เหลือเกิน”

“แม้แต่ท่านแม่ทัพก็ยังรับมือนางไม่ไหว…”

“เรารีบกลับไปรายงานนายท่านกันดีกว่า…”

“ข้าว่านางคงเลื่อนระดับขึ้นมาเป็นเทพเจ้าขั้นที่ 2 เรียบร้อยแล้ว หากนายท่านอยากจะจัดการนางอีกครั้ง คงต้องเปลี่ยนแผนการใหม่ทั้งหมด” นายทหารของกองทัพเทพวิหคที่บินหนีมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น

ดวงตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า แสงสีแดงเหมือนโลหิตอาบไล้ไปทั่วตัววิหาร และวิหารแห่งนี้ก็กลายเป็นสถานที่ต้องห้ามในจิตใจของกลุ่มนายทหารเทพวิหค พวกเขาไม่มีความกล้าหาญที่จะเข้าไปอีกแล้ว พวกเขาไม่กล้ามองกลับไปด้วยซ้ำ สิ่งที่ทำได้คือการรีบบินหนีออกมาให้เร็วมากที่สุด

ด้านในวิหาร

เทพีกระบี่หิมะไร้นามกำลังใช้พลังศักดิ์สิทธิ์อัญเชิญแนวกั้นเขตแดนให้ปรากฏออกมา

ทันใดนั้น ม่านพลังที่เป็นแนวกั้นเขตแดนซึ่งไม่มีผู้อื่นสามารถมองเห็นได้ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า

“พวกมนุษย์ช่างโอหังกันเหลือเกิน เพราะเหตุใดพวกเขาถึงใจกล้ากันขนาดนี้นะ…” เทพีกระบี่หิมะไร้นามแหวกม่านพลังออกให้เกิดเป็นช่องว่างเล็กน้อย นางทอดสายตามองเข้าไปในช่องว่างนั้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เมื่อปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปผ่านช่องว่างในม่านพลังเรียบร้อย เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ปิดช่องว่างลงโดยไม่ลังเล

พลังศักดิ์สิทธิ์เมื่อสักครู่นี้จะถูกส่งตรงเข้าไปที่ร่างกายของหลินเป่ยเฉิน

จึงกล่าวได้ว่าบัดนี้น้องชายปลอดภัยแล้ว

ดังนั้น เมื่อเห็นคำร้องขอจากหลินเป่ยเฉินถูกส่งเข้ามาบนหน้าจอโทรศัพท์ เทพีสาวจึงตอบกลับไปว่า “ปัญหาทั้งหมดในครั้งนี้ นับว่าเจ้าเป็นคนก่อขึ้นมาเองนะ ยังจะต้องการอะไรอีก…”

ทว่า น้องชายหน้าหล่อก็พิมพ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน “ข้าไม่สน ข้าต้องการแผ่นยันต์เทพเจ้า รีบส่งลงมาให้ข้าเดี๋ยวนี้”

เทพีกระบี่หิมะไร้นามพูดอะไรไม่ออก

นางรู้สึกเหมือนเป็นมารดาที่เลี้ยงลูกอย่างตามใจมากเกินไป

แต่นางก็ขัดใจลูกชายไม่ได้

เทพีกระบี่หิมะไร้นามหยิบเศษกระดาษที่วางทิ้งไว้บนโชฟาขึ้นมาแผ่นหนึ่ง จากนั้นจึงโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ใส่ลงไปและเปิดม่านพลังกั้นเขตแดนเป็นช่องว่างอีกครั้ง นางส่งแผ่นกระดาษผ่านเข้าไปทางช่องว่าง และได้แต่หวังว่าน้องชายตัวแสบคงไม่เรียกร้องอะไรจากนางอีก

ณ วิหารบนยอดเขา

ร่างของหลินเป่ยเฉินค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

กระบี่จำนวนหลายร้อยเล่มหมุนวนอยู่ใต้เท้าของเขาเหมือนเป็นข้าติดตามผู้ซื่อสัตย์ และปลายกระบี่ทุกเล่มก็หันไปทางคุณชายเหลียนซานที่ลอยตัวห่างออกไปหลายร้อยวา

ในเวลาเดียวกันนี้

สีหน้าของคุณชายเหลียนซานกำลังแสดงออกถึงความตกใจสุดขีด

หัวใจของเขากำลังปั่นป่วนราวกับเป็นทะเลยามมีพายุ

ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉิน

เหมือนกำลังมองสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง

เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

ก็ไหนว่าเทพีกระบี่ไม่มีทางส่งพลังมาช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินได้แน่นอนไงล่ะ?  ก็ไหนนายท่านรับปากว่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้?

แล้วทำไมพลังของเทพีกระบี่ตัวจริงถึงไหลรินเข้าไปอยู่ในร่างกายของหลินเป่ยเฉินได้อีกแล้ว?

โชคดีที่คุณชายเหลียนซานเป็นคนพลิกแพลงกับสถานการณ์ได้ดี เขาจึงโต้ตอบกลับไปได้อย่างรวดเร็ว

ในเมื่อเสแสร้งแกล้งทำตัวเป็นร่างทรงเทพเจ้าแล้ว คุณชายเหลียนซานก็ไม่มีทางหันหลังกลับได้อีก

เขาอยู่ในจุดที่มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น

ผู้ชนะย่อมเป็นคนเขียนประวัติศาสตร์

แม้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของเขา ณ บัดนี้จะเป็นของปลอม

แต่ถ้าคุณชายเหลียนซานชนะการต่อสู้

มันก็จะกลายเป็นพลังของจริงขึ้นมาทันที

“บาปครั้งนี้ให้อภัยไม่ได้ เจ้ากำลังรับพลังมาจากเทพเจ้าองค์อื่นผู้เป็นศัตรูกับเทพีกระบี่…”  คุณชายเหลียนซานสงบจิตสงบใจ คำรามออกไปด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวจากความโกรธแค้น “นอกจากเป็นผู้ที่ทรยศต่อเทพีกระบี่แล้ว เจ้ายังหันไปรับใช้เทพเจ้าองค์อื่น และทำให้ชาวเมืองหยุนเมิ่งต้องตกอยู่ในอันตราย หลินเป่ยเฉิน เจ้านี่มันชั่วร้ายเกินไปแล้ว”

คุณชายเหลียนซานเจตนาพูดจายั่วยุเพื่อปั่นป่วนจิตใจของฝ่ายตรงข้าม

“ข้าเนี่ยนะเป็นผู้ทรยศ?”

หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็ต้องระเบิดเสียงหัวเราะตอบกลับไป “สุนัขข้างถนนอย่างเจ้า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา… เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ เจ้าคงลงจากหลังเสือไม่ได้แล้วสินะ ในเมื่อเจ้ามีความพยายามที่จะกลับดำให้เป็นขาว… เพราะฉะนั้น วันนี้เจ้าจะรอดชีวิตกลับไปไม่ได้เด็ดขาด”

พูดจบ เด็กหนุ่มก็ก้มมองข้อความบนแอปวีแชทและเริ่มต้นนับถอยหลัง

จากนั้น เขาก็ชูมือขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ข้าแต่เทพีกระบี่ผู้สูงส่ง ได้โปรดมอบแผ่นยันต์เทพเจ้าลงมาให้สาวกผู้หล่อเหลาที่สุดของท่านคนนี้ และได้โปรดมอบประกาศิตเทวะพิพากษาบทลงทัณฑ์ เพื่อกวาดล้างผู้ทรยศให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินนี้ด้วยเถิด”

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำราม

พลังศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจายออกไปจากร่างกาย

แล้วในลมหายใจต่อมา บนท้องฟ้าก็เกิดความปั่นป่วนและมวลอากาศก็เกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่

แผ่นยันต์สีเงินแผ่นหนึ่งลอยลงมาจากช่องว่างนั้นพร้อมกับลำแสงสว่างไสว

แผ่นยันต์ลอยเข้ามาอยู่ในมือของหลินเป่ยเฉิน

เด็กหนุ่มถือแผ่นยันต์ชูขึ้นเหนือศีรษะ

แล้วแสงสว่างสีเงินยวงก็ระเบิดเจิดจ้าปกคลุมรอบบริเวณ

ภูเขาทั้งลูกถูกปกคลุมอยู่ภายใต้ลำแสงสีเงินอันศักดิ์สิทธิ์จากยันต์แผ่นนั้น

บัดนี้ คุณชายเหลียนซานตกตะลึง หัวใจแทบจะกระดอนออกมานอกหน้าอก

บัดซบ

บัดซบที่สุด

หลินเป่ยเฉินไม่ได้เพียงหยิบยืมพลังมาจากเทพีกระบี่เท่านั้น แต่ถึงกับติดต่อรับความช่วยเหลือจากเทพีกระบี่ตัวจริงเลยหรือนี่?

ในที่สุด บรรดานักบวชสาวในวิหารก็เริ่มกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง พวกนางจ้องมองสลับไปมาระหว่างหลินเป่ยเฉินกับคุณชายเหลียนซาน ก่อนที่ดวงตาของทุกคนจะหยุดจ้องมองที่หลินเป่ยเฉินแต่เพียงผู้เดียว

นี่คือสัมผัสจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่พวกนางคุ้นเคย

นี่คือพลังศักดิ์สิทธิ์จากเทพีกระบี่ที่พวกนางเคยรับรู้ได้

งั้นหมายความว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ระเบิดออกมาจากร่างกายของคุณชายเหลียนซานก่อนหน้านี้ เป็นพลังของปลอมอย่างนั้นหรือ?

แววตาของบรรดานักบวชสาวเริ่มกลับมาแจ่มใสเหมือนเดิมอีกครั้ง

คุณชายเหลียนซานพลันเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าและระเบิดเสียงหัวเราะกึกก้อง

“ให้ตายเถิด เจ้าช่างเลียนแบบพลังจากเทพีกระบี่ได้เหมือนจริงเสียเหลือเกิน เจ้าทำได้อย่างไร? เจ้าแน่ใจนะว่าสามารถปิดบังสวรรค์ได้?  วันนี้ล่ะ ข้าจะเป็นตัวแทนเทพีกระบี่… ประหารผู้แอบอ้างอย่างเจ้าเอง จงตายซะ!”

ขาดคำ

แผ่นยันต์ที่อยู่ในมือของคุณชายเหลียนซานก็ระเบิดแสงสว่างสีเงินครอบคลุมร่างกายของเขา เพียงไม่กี่ลมหายใจต่อมา ปีกกระบี่สีเงินขนาดใหญ่สี่ข้าง ก็งอกออกมาจากกลางแผ่นหลังของคุณชายจอมชั่วร้าย

ปีกกระบี่มีความยาวหลายร้อยเซี๊ยะ

พลังศักดิ์สิทธิ์ไหลทะลักออกมาจากปีกกระบี่เหล่านั้น

นี่คือสิ่งที่ยืนยันต่อทุกคนว่าคุณชายเหลียนซานคือร่างทรงเทพเจ้าตัวจริง

หากหลินเป่ยเฉินไม่รู้อยู่ก่อนแล้วว่าหมอนี่มันเป็นตัวปลอม เขาก็คงต้องเข้าใจเหมือนทุกคนว่า คุณชายเหลียนซานได้รับพลังมาจากเทพีกระบี่จริงๆ

แม้แต่รูปทรงของปีกกระบี่ก็เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน

นี่แสดงว่าพวกของเว่ยหมิงเฉินคงตั้งใจวางแผนไว้เป็นอย่างดี และระยะเวลาที่ใช้ในการวางแผนครั้งนี้คงไม่น้อยแน่ๆ

ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าเพราะเหตุใด เทพีกระบี่หิมะไร้นามถึงบอกว่าปัญหาครั้งนี้เป็นเขาก่อขึ้นมาเอง

“หลินเป่ยเฉิน เจ้าเป็นผู้ทรยศต่อเทพีกระบี่ จงยอมรับการลงทัณฑ์เดี๋ยวนี้”

คุณชายเหลียนซานกระพือปีกบนแผ่นหลัง แล้วลำแสงกระบี่หลายร้อยเล่มก็พุ่งตรงเข้ามาที่หลินเป่ยเฉินอย่างเร็วไว

แม้แต่ฉุยเฮาเฟิง ติงซานฉือ และคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่บนลานหินหน้าวิหารด้านล่าง ก็จะพลอยได้รับลูกหลงตามไปด้วย

หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอ ก่อนจะโยนแผ่นยันต์ที่ถืออยู่ในมือขึ้นไปในอากาศ

แผ่นยันต์นั้นกลับกลายเป็นลำแสงกระบี่หลายสิบเล่ม พุ่งหายเข้าไปในรูปปั้นเทพีกระบี่สิบตัวที่ตั้งเรียงรายอยู่ในลานหน้าวิหารด้านล่าง

และในจังหวะนั้น สิ่งที่ไม่น่าเชื่อพลันเกิดขึ้น

รูปปั้นเทพีกระบี่ที่แกะสลักจากก้อนหินทั้งสิบตัวนั้นระเบิดแสงสว่าง ผิวหนังที่เป็นหินแข็งกระด้างสว่างเรืองรองและเต็มไปด้วยอักขระโบราณน่าพิศวง มวลพลังสีเงินเหล่านั้นไหลเวียนขึ้นไปหล่อเลี้ยงใบหน้า จนกระทั่งในที่สุด รูปปั้นหินก็ลืมตาขึ้นมา

รูปปั้นหินยิงลำแสงออกมาจากดวงตา

วูบ! วูบ!

กระบี่หินที่ถูกแกะสลักอยู่ข้างเอวก็ถูกชักออกมาจากฝักแล้วเช่นกัน

ตัวกระบี่สะท้อนประกายแวววาวเหมือนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้เหมือนก้อนหินที่ถูกแกะสลักอย่างหยาบกระด้างแม้แต่น้อย

“ผู้แอบอ้างนามของเทพีกระบี่… ต้องถูกประหาร!”

รูปปั้นหินทั้งสิบตัวนั้นพลันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและพุ่งเข้าไปหาคุณชายเหลียนซานเป็นจุดเดียว

ลำแสงจากปีกกระบี่ที่คุณชายเหลียนซานโจมตีมาก่อนหน้านี้ สูญสลายหายไปด้วยการระเบิดพลังของรูปปั้นหินทั้งสิบตัว