ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 477 สถานการณ์กลับตาลปัตร

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

พวกเยี่ยนตี๋รุกคืบไปด้านหน้าตลอดทาง โดยมีการส่งเสริมจากค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย

พลังแห่งค่ายกลกลายเป็นโลกที่มีแสงสีขาวเข้มข้น ซึ่งเคลื่อนตัวไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง ปะทะกับโลกที่กลายเป็นทะเลเพลิง

เขตแดนของโลกทั้งสองต่างเบียดใส่กันและกันอย่างไม่หยุดยั้ง

กลิ่นอายปีศาจอัคคีที่ถูกครอบคลุมอยู่ด้านในแสงสีขาวพลันเปลี่ยนเป็นเชื่องช้าลง จากนั้นไฟก็แหลกสลายอย่างต่อเนื่องภายใต้การโจมตีของพวกเยี่ยนตี๋

พวกปีศาจอัคคีส่งเสียงร้องติดต่อกัน ขณะเดียวกันก็ถูกพวกเยี่ยนตี๋กดดันให้ถอยหลังไม่หยุด

ในโลกเปลวไฟนี้ ปีศาจอัคคีครองความได้เปรียบจากด้านสถานที่ มีพลังเพิ่มขึ้นมามาก

แต่ว่าเมื่อพลังของค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายไปถึง ก็ได้ทำลายความได้เปรียบทางด้านสถานที่ของปีศาจอัคคีเรื่อยๆ

แสงสีขาวชำระล้างเพลิงปีศาจเหมือนกับใช้น้ำดับไฟ ทำให้ฟ้าดินของโลกแปดพิภพที่ถูกเพลิงปีศาจกัดกร่อน ฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง

สำหรับปีศาจอัคคีแล้ว เมื่ออยู่ในบริเวณของแสงสีขาว เวลาคล้ายกับกำลังจะหยุดลง

แต่สำหรับพวกเยี่ยนตี๋ที่อยู่ภายในแสงสีขาว ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือการป้องกัน ต่างก็แม่นยำขึ้นกว่าเดิม จนปีศาจอัคคีลงมือตอบโต้

มหาราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นคำรามด้วยความโกรธ พาปีศาจอัคคีทั้งหมดถอยร่นไป จนกระทั่งไปถึงประตูทางเชื่อมเขตแดนที่เชื่อมระหว่างโลกแปดพิภพกับโลกปีศาจอัคคี

เยี่ยนตี๋ใช้ความได้เปรียบโจมตีต่อ จากนั้นก็เห็นประตูทางเชื่อมเขตแดนที่เป็นสีแดงฉานไปทั้งผืน

ทางเชื่อมเต็มไปด้วยหินหนืดและเปลวไฟ พวกมันทะลักออกมาจากในประตูทางเชื่อม ไหลเข้ามาในโลกแปดพิภพอย่างต่อเนื่อง

เมื่อตั้งใจมอง จะพบว่านั่นมิใช่หินหนืดและเปลวไฟทั่วไป แต่เป็นลวยลายอาคมสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนที่รวมตัวกัน ทำให้ดูเหมือนหินหนืดและเปลวไฟ

พลังไฟอันไร้สิ้นสุดส่งออกมาจากด้านใน แล้วจับตัวกัน ก่อนจะทะลักเข้ามาในมหาอำนาจแปดพิภพ เปลี่ยนแปลงภาพของฟ้าดินบริเวณรอบๆ

ทั้งสี่ทิศเต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างกับภัยพิบัติ แม้แต่ฟ้าดินยังสั่นสะเทือน

เมื่อพวกปีศาจอัคคีถอยไปถึงประตูทางเข้าแล้ว ก็หยุดยั้งครู่หนึ่ง จัดตั้งกระบวนทัพใหม่ ไม่ถอยต่ออีก

ณ ที่แห่งนี้ พวกมันไม่ต่างอะไรกับการอยู่ในโลกปีศาจอัคคี

ถึงแม้มหาราชันปีศาจจะเดือดดาลขนาดไหน แต่ตอนนี้ก็ไม่โจมตีพวกเยี่ยนตี๋อย่างหน้ามืดตามัวอีก เริ่มกระตุ้นให้เพลิงปีศาจจากโลกปีศาจอัคคีกลืนกินฟ้าดินของโลกแปดพิภพ

เปลวไฟสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง ปีศาจอัคคีเคลื่อนไหวโดยใช้เพลิงผลาญไร้สิ้นสุดตบตายอดฝีมือเผ่ามนุษย์ ที่ทำให้พวกมันหวาดกลัว

เยี่ยนตี๋ไม่กริ่งเกรงแม้แต่น้อย ยังคงนำค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายเคลื่อนไปเบื้องหน้า กดดันใส่ประตูทางเชื่อมเขตแดน เปิดสงครามแห่งยุคกับเผ่าพันธุ์ปีศาจอัคคี

เมือมาถึงตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ใช้ความสามารถที่แท้จริงประหัตประหารกัน ทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยการต่อสู้

หลังจากมหาราชันปีศาจต้องล่าถอยเพราะการโจมตีของเยี่ยนตี๋ ในที่สุดจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ก็พลิกสถานการณ์บนมหาสมุทร เปลี่ยนจากอันตรายให้กลายเป็นปลอดภัยได้แล้ว

ยอดฝีมือด้านวรยุทธ์เผ่ามนุษย์จากแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เริ่มโต้กลับอย่างเต็มที่ พากันล้างบางปีศาจอัคคีที่กระจายกันเคลื่อนไหวหลังจากรุกรานเหล่านั้น

ปีศาจอัคคีจำนวนมากถูกสังหาร ยังมีส่วนอื่นๆ ถูกกดดันจนต้องถอยกลับมายังบริเวณทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก คิดยืมความได้เปรียบด้านสถานที่ที่เต็มไปด้วยเปลวไฟ เพื่อต่อสู้กับพวกจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ที่ไล่เข่นฆ่าพวกมัน

การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายมาถึงขั้นดุเดือดแล้ว

ตราบใดที่มหาราชันปีศาจอัคคียังมีชีวิตอยู่ จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ก็ไม่กล้าผ่อนคลาย หากไม่กำจัดเพลิงปีศาจที่รุกรานโลกแปดพิภพ มันก็จะส่งผลกระทบอย่างไร้ที่สิ้นสุด

ถ้าไม่ถึงนาทีที่กำจัดการคุกคามจากปีศาจอัคคีได้โดยสิ้นเชิง ก็ยากจะนึกถึงโชคชะตาของโลกแปดพิภพ

ที่ประตูทางเชื่อมเขตแดน ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์กับยอดฝีมือเผ่าปีศาจอัคคีจำนวนมากได้เปิดศึกกันแล้ว

สงครามนี้ยังไม่ถึงช่วงตัดสิน

แต่โชคดีที่ช่วงเวลาที่ยากลำบากและอันตรายที่สุดผ่านพ้นไปแล้ว ในตอนนี้พวกจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์จึงมีความหวังมากขึ้น

สถานการณ์ของทะเลตะวันออกได้เปลี่ยนนจากอันตรายเป็นปลอดภัย รอจนหยวนเจิ้งเฟิงและเฉินลี่ซึ่งเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แก้ไขวิกฤติการณ์ที่ปฐพีพิภพเสร็จ แล้วตามมาสนับสนุนที่นี่ สถานการณ์จะเป็นต่อให้โลกแปดพิภพมากขึ้น

ณ ก้นบึ้งที่ลึกที่สุดใจกลางเหวลึกของปฐพีพิภพในตอนนี้ พวกหยวนเจิ้งเฟิงกับเฉินลี่กำลังผนึกการเคลื่อนไหวที่มาจากนพยมโลกด้วยพลังทั้งหมดที่พวกเขามี

หากมองจากด้านนอกปฐพีพิภพ จะเห็นว่าบัดนี้เส้นสายธารแสงที่กระจายไปทั่วปฐพีพิภพที่กว้างใหญ่ไพศาลหายไปแล้ว

ด้านในพลังชั่วร้ายที่อยู่ในเหวลึกเบื้องล่าง ธารแสงสีทองและสีดำยังคงเคลื่อนไหวไปทั่วสี่ทิศแปดทางอย่างไม่หยุดยั้ง

แต่ว่าทั้งสองฝ่ายลากกันลงด้านล่างเรื่อยๆ ภายใต้การสะกดของผนึก

มาตรว่าจะอยู่ในเหวลึก แต่ดวงอาทิตย์สีทองก็ยังคงมีประกายแสงเจิดจ้า

ความมืดมนที่อยู่เบื้องล่างโจมตีใส่ดวงอาทิตย์สีทองอย่างต่อเนื่อง

ในตอนนี้หยวนเจิ้งเฟิงแยกขาทั้งสองข้างเหยียบอยู่กลางอากาศเหนือดวงอาทิตย์สีทอง ทั้งสองมือประสานกันเบื้องหน้าทรวงอก ทำเป็นมุทราฝ่ามือท่าหนึ่ง

เขาไม่ได้เคลื่อนไหว แต่ว่าเมื่อยืนตัวตรงแล้ว คนคล้ายกับมือขนาดยักษ์ที่พุ่งลงจากท้องฟ้า ฟาดใส่ดวงอาทิตย์สีทอง เพื่อช่วยประคับประคองผนึก

เสื้อคลุมนภาที่คลุมอยู่บนร่างของหยวนเจิ้งเฟิงขยายขนาดขึ้น ทั้งยังแฝงไว้ด้วยความอัศจรรย์ไร้สิ้นสุด คล้ายกับบิดที่ว่างรอบๆ ให้กลายเป็นอาภรณ์

เสื้อคลุมสีขาวสั่นไหวปราณพิสุทธิ์หลายสาย เหยียดขยายออกไปด้านนอก

ประกายแสงเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ หยวนเจิ้งเฟิงเหมือนเมล็ดข้าวโพด

แสงมีทั้งสีดำสีเหลือง ไม่ได้ส่องสว่างและไม่ได้มืดสลัว แต่กลับแฝงไว้ด้วยความหนักอึ้งซึ่งยากจะทนทาน ท่ามกลางจิตพลังที่กว้างใหญ่ไพศาลดุจท้องนภา

หยวนเจิ้งเฟิงช่วยเหลือซึ่งๆ หน้า เสริมพลังของตนเองและเสื้อคลุมนภาไปบนดวงอาทิตย์สีทอง เพื่อช่วยสะกดเอาไว้

รอบๆ เขากับดวงอาทิตย์สีทอง มีสายฟ้าสีเขียวสายหนึ่งเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวมืดมัว มันสว่างวาบไม่หยุด และเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

สายฟ้าสีเขียวเดี๋ยวเคลื่อนไหวเดี๋ยวชะงัก การเคลื่อนไหวรวดเร็วดุจสายฟ้า ทำให้คนมิอาจมองการเคลื่อนไหวของเขาได้ชัดเจน

ตอนที่หยุดลงก็ปรากฏร่างของชายชราหัวล้านผู้หนึ่ง เป็นเจ้าตำหนักอัสนีสวรรค์เฉินลี่นั่นเอง

หยวนเจิ้งเฟิงช่วยเหลือตรงๆ ส่วนเฉินลี่รับหน้าที่เคลื่อนตัวไปรอบๆ เขาอ้อมรอบดวงอาทิตย์สีทอง ทุกครั้งที่ก้าวเท้าจะผลักฝ่ามืออกหนึ่งครั้ง

เจตจำนงกระบี่และเจตจำนงดาบอันดุดันตัดสลับ หมุนวนรอบดวงอาทิตย์สีทองพร้อมกัน ช่วยทำลายการกัดกร่อนและตอบโต้พลังมารที่อยู่เบื้องล่าง

ท่ามกลางความมืดมิด ลวดลายอาคมที่เกิดจากการรวมตัวกันของแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน กลายเป็นแถบแสงสีดำลักษณะเหมือนโซ่หลายสาย เหยียดออกมาด้านบน พันแสงสีทองที่ดวงอาทิตย์ปล่อยออกมาไว้

ด้านบนโซ่สีดำมีมารร้ายจำนวนมากเกิดขึ้นมา คิดจะรบกวนการสะกดของพวกหยวนเจิ้งเฟิง

ครั้งนี้พวกยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์จากสำนักต่างๆ ที่เข้าสู่เหวลึกของปฐพีพิภพช่วยกำจัดเหล่ามารร้ายอยู่เรื่อยๆ

หลังจากดวงอาทิตย์จมลงไปยังก้นเหวลึกอย่างช้าๆ คนที่ต่อสู้กับมารร้ายอยู่ต่างรู้สึกได้ว่า ความเร็วในการเกิดใหม่ของมารร้ายค่อยๆ ช้าลง

แต่ว่ามารร้ายที่เกิดขึ้นมากลับยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง

พลังการสะกดของผนึกค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น การดิ้นรนของมารร้ายเบื้องล่างเริ่มอ่อนแอลง

แต่ว่าในขณะเดียว ยิ่งเข้าใกล้ก้นเหวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าใกล้นพยมโลกมากขึ้นเท่านั้น

พวกเยี่ยนจ้าวเกอที่เป็นจอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์ต่างรู้สึกวิตก เพราะได้รับผลกระทบจากพลังแห่งนพยมโลก ทำให้อารมณ์ด้านลบในใจยิ่งมายิ่งหนักหนา

ทุกคนพยายามสงบจิตใจอย่างเต็มที่ ขัดขืนการรบกวนจากยมโลก

ขณะที่เห็นความหวังอยู่ตรงหน้า ทุกคนต่างรู้สึกยินดี

แต่ว่าในตอนนี้เอง ในความมืดของส่วนลึกเบื้องล่างพลันมีคลื่นกลิ่นอายที่แข็งแกร่งสุดขีดสายหนึ่งระเบิดออกมา!

ดวงอาทิตย์สีทองสั่นสะเทือนเลือนลั่น ขณะเดียวกันความรู้สึกเย็นเยียบน่าพรั่นพรึงก็ครอบคลุมหัวใจของทุกคนอีกครั้ง