ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 476 ค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายของเยี่ยนจ้าวเกอ!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ค่ายกลทรงกลมทั้งสี่ที่มีเยี่ยนตี๋ ผู้อาวุโสม่อ หวงกวงเลี่ย และซ่งอู๋เลี่ยงเป็นศูนย์กลางกำลังลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า

บัดนี้ทุกค่ายกลทำมุมหนึ่งยื่นออกมา และประกอบกันขึ้นเป็นกระบวนทัพรูปสี่เหลี่ยม

กระบวนทัพที่ใช้แกนศิลาวิญญาณชั้นยอดมากมายสร้างขึ้นลอยอยู่ในค่ายกลขนาดใหญ่ ตรงจุดเชื่อมของแต่ละค่ายกล เชื่อมต่อกันเป็นลวดลายกระบวนทัพหลายสาย

แสงวิญญาณสีขาวพุ่งขึ้นมา ขับไล่เพลิงโหมที่อยู่ใกล้ในชั่วพริบตา ทำให้ฟ้าดินถูกครอบคลุมอยู่ในแสงสีขาว

ลวดลายอาคมอันพิสดารจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่กลางฟ้าดินที่กลายเป็นสีขาว สลักใส่อากาศ

จากนั้นลวดลายอาคมสว่างขึ้น ฟ้าดินสั่นไหวในทันใด

อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่ผู้อาวุโสม่อ หวงกวงเลี่ย และซ่งอู๋เลี่ยงต่างรู้สึกหวาดหวั่น ‘ในอดีตโลกแปดพิภพไม่เคยมีกระบวนทัพที่แข็งแกร่งและอัศจรรย์ขนาดนี้มาก่อน!’

บริเวณที่แสงสีขาวสว่างขึ้นเริ่มขยายออกไปรอบๆ

ครั้นประกายแสงส่องถึง ไฟอันยิ่งใหญ่ซึ่งอยู่ระหว่างฟ้าดินก็เริ่มสลายไปอย่างต่อเนื่อง

มหาราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น พุ่งกรงเล็บทั้งสองเข้าหาค่ายกล!

ถึงแม้จะรู้สึกได้ถึงพลังอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงในค่ายกล แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจอัคคีมีนิสัยบ้าคลั่งและรักการต่อสู้ เมื่อเจอคนแข็งแกร่งไม่แสดงความอ่อนแอ

ความน่ากลัวของค่ายกล กลับสะกิดนิสัยดุร้ายและความโกรธของมหาราชันปีศาจอัคคีตัวนั้น กดดันให้มันลงมือต่อสู้โดยใช้พลังทั้งหมด

ขณะมองเยี่ยนตี๋ที่อยู่ในค่ายกล เพลิงโทสะและจิตสังหารที่อยู่ในดวงตาของมันโชติช่วงจนสุดขีด ไม่ว่าด้านหน้าจะมีใครขวางอยู่ มันก็จะฆ่าเยี่ยนตี๋ให้ได้

เพลิงผลาญอันน่าพรั่นพรึงทิ้งร่องรอยไว้ระหว่างฟ้าดิน ถึงขั้นเผาทะลุอากาศได้เลยทีเดียว

เปลวไฟอันรุนแรงหดตัวลง จนถึงขั้นหยุดเคลื่อนไหว การรวมตัวเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างชนิดทุกสิ่งต้องมอดม้วย

ทันใดนั้นเกิดระเบิดสะเทือนเลือนลั่น มีอานุภาพรุนแรงกว่าเดิม!

แต่หลังจากเพลิงผลาญนี้เข้าไปในเขตแดนของแสงสีขาวแล้ว พลันของไฟพลันถูกจำกัด เคลื่อนไหวเชื่องช้าขึ้นมาทันที

ระหว่างที่เปลวไฟโหมไหม้ เพลิงผลาญคล้ายกับเชื่องช้ามาก เบื้องหน้าของพวกเยี่ยนตี๋ที่มีแสงสีขาวครอบคลุมอยู่ ก็เหมือนกับเกิดภาพช้า

เป็นเพลิงผลาญที่รุนแรงสุดขีดแท้ๆ แต่ขณะที่เปลวไฟสั่นไหว กลับดูเฉื่อยและหนักอึ้งยิ่ง

ราชันปีศาจอัคคีตัวอื่นพุ่งเข้ามาโจมตีใส่พวกเยี่ยนตี๋พร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง

แต่ว่าครั้นพวกมันโจมตีเข้าไปในมิติที่แสงสีขาวครอบคลุมอยู่ ก็พลันเปลี่ยนเป็นเชื่องช้าขึ้นมา

เปลวไฟลุกไหม้ที่ราชันปีศาจอัคคีจำนวนมาก ซึ่งมีระดับพลังเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่หนึ่งใช้ ต่างถูกหยุดไว้กลางอากาศ!

ไม่ว่าพวกมันจะพยายามเพียงใด เปลวไฟด้านนอกแสงสีขาวจะคลุ้มคลั่งเพียงใด แต่เมื่อเข้าไปในขอบเขตที่มีแสงสีขาวเป็นเส้นแบ่ง เพลิงอันบ้าคลั่งก็พลันหยุดนิ่งลง!

เปลวไฟที่ขยายตัวออกไปรอบๆ อย่างต่อเนื่องทั้งระเบิดและสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง ครั้นเข้าไปในอาณาเขตพลังจากค่ายกลของพวกเยี่ยนตี๋ครอบคลุมอยู่ ก็พลันหยุดนิ่งลงเช่นกัน

เพลิงที่ก่อนหน้านี้ยังรุนแรง ยามนี้กลับคล้ายกับภาพวาดที่วาดไว้บนกระดาษ

พวกมันสมจริงราวกับมีชีวิต วิจิตรงดงาม เพียงแต่หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว ขัดต่อหลักความเป็นจริง

สถานการณ์ของราชันปีศาจอัคคีชั้นที่สองเช่นพวกจิ่งจงค่อนข้างดี หลังจากการโจมตีของพวกมันเข้าไปในอาณาเขตของแสงสีขาวแล้ว ก็ไม่ได้หยุดลงโดยสิ้นเชิง ยังคงเคลื่อนไหวได้อยู่

แต่ว่าความเร็วก็เชื่องช้ายิ่ง พลังทำลายที่น่ากลัวของพวกมันสลายอย่างต่อเนื่อง

เพราะแบกรับภาระการโจมตีจากราชันปีศาจอัคคีตัวอื่น เพลิงปีศาจอันยิ่งใหญ่ที่มหาราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นส่งออกมา จึงเคลื่อนไหวได้มากขึ้นเล็กน้อยในแสงสีขาว

แต่ว่าภายใต้การครอบคลุมของแสงสีขาว ก็ยังคงติดขัดและเชื่องช้าอยู่ดี

ด้านในค่ายกล เยี่ยนตี๋กล่าวอย่างราบเรียบว่า “ข้าจะโจมตีเอง หากมุทะลุไปบ้าง ทุกท่านโปรดให้อภัยด้วย”

พูดจบเขาก็ไม่รีรอ ฟันดาบหนึ่งออกทันที!

ประกายดาบที่แข็งกร้าวไร้เทียมทานชนิดฟันฟ้าดิน พุ่งมหาปีศาจอัคคีจำนวนมากในชั่วพริบตา

ท่ามกลางแสงสีขาว การโจมตีของปีศาจอัคคีเชื่องช้ายิ่งนัก

กระนั้นประกายดาบของเยี่ยนตี๋ กลับได้รับการส่งเสริมจากค่ายกล ทำให้มันรวดเร็วสุดขีด แค่ในพริบตาเดียวก็พุ่งมาถึงด้านหน้ามหาราชันปีศาจอัคคีแล้ว!

แม้มหาราชันปีศาจอัคคีจะมีพลังอันแข็งแกร่ง ทว่าเผชิญหน้ากับดาบที่รวดเร็วถึงเพียงนี้ก็ยังรับมือไม่ทัน

ด้วยอารามรีบร้อน มหาราชันปีศาจอัคคีฝืนป้องกัน พลางคำรามร้องด้วยความเจ็บปวด

มีเปลวไฟจำนวนนับไม่ถ้วนลอยว่อนบนแขนของมันเหมือนกับเลือดฉีดพุ่ง ลวดลายแสงหลายสายที่กระจายอยู่บนผิวหนังแตกสลายอย่างต่อเนื่อง!

เยี่ยนตี๋สาวเท้าไปด้านหน้า ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ที่จัดกระบวนทัพอีกสามคน พากันประคองค่ายกลตามการเคลื่อนไหวของเขา

ประกายดาบของเยี่ยนตี๋ตัดสลับครอบคลุมฟ้าดิน ราชันปีศาจอัคคีขั้นที่หนึ่งสองตัวที่อยู่ตรงประกายดาบอันแข็งกร้าวเคลื่อนผ่าน พลันถูกฟันเป็นสองส่วน ตายคาที่

ส่วนจิ่งจง ราชันปีศาจอัคคีที่มีระดับพลังเทียบเท่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สองของเผ่ามนุษย์ บัดนี้มันคำรามอย่างโกรธแค้น เพราะแขนข้างหนึ่งของมันถูกฟันขาด กระเด็นไปกลางอากาศ!

ประกายดาบของเยี่ยนตี๋ยังไม่หยุดยั้ง ฟันอีกดาบหนึ่งใส่มหาราชันปีศาจอัคคี สภาวะโจมตีรวดเร็วจนอีกฝ่ายคิดจะหลบก็ยังยาก

มหาราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นโดนอีกดาบหนึ่ง บนตัวเปิดเป็นบาดแผลน่ากลัว!

ชั่วขณะนั้น เผ่าพันธุ์ปีศาจอัคคีทั้งตกใจทั้งโมโห แม้จะเป็นจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ก็ยังรู้สึกสั่นสะท้าน

ค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายเข้าถึงการเปลี่ยนแปลงของการ ‘เคลื่อนไหว’ และ ‘หยุดนิ่ง’ อย่างถ่องแท้ ขยายความอัศจรรย์อันไร้สิ้นสุด และแสดงถึงอานุภาพอันน่าทึ่ง!

ฉู่เหยียนกับขวานจามสวรรค์ได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป จึงเคลื่อนไหวไม่ได้ชั่วคราว ส่วนเมิ่งหวานนำมงกุฎแห่งจันทราเข้าไปในค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายพร้อมกับอันชิงหลิน

ทุกคนป้องกันพลังโจมตีของปีศาจอัคคีภายในค่ายกล

ปีศาจอัคคีที่พังทลายฟ้าดินเหมือนกับภัยพิบัติในวันสิ้นโลกก่อนหน้า หลังจากถูกลดทอนพลังโดยค่ายกลแล้ว ถึงแม้จะยังดุร้าย แต่ก็มิได้น่ากลัวเหมือนเดิมอีกแล้ว

เมื่อมีคนช่วยป้องกันการโต้กลับของปีศาจอัคคี เยี่ยนตี๋ก็ละทิ้งการป้องกันตัว ใช้การโจมตีอันพลิกแพลงและบ้าคลั่งถึงขีดสุด ไล่ตามโจมตีพวกปีศาจอัคคีโดยใช้พลังของตัวเอง

นอกจากดาบคลั่งทำลายสวรรค์ของตนแล้ว ในวินาทีนี้เยี่ยนตี๋ยังใช้วรยุทธ์ทุกอย่างที่ถนัดออกมาจนหมดสิ้น ทั้งดาบนภาไร้จำกัด ยอดวิชาแปดพิภพ หรือแม้แต่กระบวนท่าอื่นที่เขากว่างเฉิงรวบรวมไว้ เหมือนกับคลื่นคลั่งลูกแล้วลูกเล่าซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด

เยี่ยนตี๋ใช้สิ่งที่ตนเองได้เรียนรู้มาได้อย่างหมดจด

ระหว่างฟ้าดิน ไฟจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายว่อน มีนิ้วที่ขาดแหว่งและซากศพของปีศาจอัคคีหล่นลงสู่มหาสมุทร

เขตแดนของแสงสีขาวที่เกิดขึ้นจากค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายขยายไปทางตะวันออกอย่างต่อเนื่อง ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจอัคคีต้องถอยร่นติดต่อกัน

ถึงแม้ว่าปีศาจอัคคีจะมีนิสัยบ้าคลั่งมาก แต่ตอนนี้ได้แต่ต้องล่าถอย

เพราะบัดนี้ปีศาจอัคคีจำนวนมากถูกสังหารไม่หยุดยั้ง

ขณะที่ถอยไปเรื่อยๆ ฟ้าดินที่อยู่ไกลออกไปพลันมีความร้อนขีดสุดส่งมา

ไม่ทันไร เส้นแบ่งฟ้าดินก็เลอะเลือนโดยสิ้นเชิง

เบื้องหน้าของทุกคนคล้ายกับปรากฏโลกสองใบขึ้น

ด้านหลังเป็นฟ้าสีครามและทะเลสีมรกต ทว่าด้านหน้ากลับเป็นโลกที่เต็มไปด้วยเปลวไฟสีแดงฉาน!

ท้องฟ้าและผืนดินประกอบขึ้นจากไฟ

ท้องทะเลได้หายไปแล้ว ระหว่างฟ้าดินมีเพียงแต่พลังไฟและกลิ่นอายทำลายล้างอันไร้สิ้นสุดเท่านั้น!

ปีศาจอัคคีพากันล่าถอยมาถึงขอบเขตของทะเลชั้นนอกของทะเลมรกตก่อนหน้า ที่นี่ได้ถูกโลกปีศาจอัคคีกลืนกินกลายเป็นโลกแห่งไฟไปแล้ว!

เมื่อเหยียบเข้าสู่โลกแห่งนี้ ปีศาจอัคคีทั้งหมดต่างส่งเสียงกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง เต็มไปด้วยความยินดีและความรู้สึกหลุดพ้น

พลังของยอดฝีมือฝ่ายปีศาจอัคคีทั้งหมดเพิ่มขึ้น บาดแผลบนร่างเริ่มฟื้นฟู โดยมีมหาราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นเป็นผู้นำ

ปีศาจอัคคีทั้งหลายที่ได้โอกาสระบายแค้นคิดจะโต้กลับ

แต่สิ่งที่เจอคือดาบที่แข็งกร้าวกว่าเดิม

ประกายดาบอันบ้าคลั่งฉีกกระชากทะเลเพลิง ฟันเขาอีกข้างหนึ่งบนศีรษะของมหาราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นทิ้งไป!

จากการส่งเสริมของค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย ไม่มีผู้ใดต้านทานทิศทางที่คมดาบของเยี่ยนตี๋ไปได้!

เขตแดนของแสงสีขาวเคลื่อนไหว ปีศาจอัคคีซึ่งอยู่ในบริเวณที่ประกายแสงครอบคลุมอยู่กลายเป็นเชื่องช้า

ในวินาทีนี้ เปลวไฟเหมือนกับกลายเป็นของแข็ง

เยี่ยนตี๋กระทืบเท้าลงครั้งหนึ่ง เปลวไฟที่เหมือนกับรูปปั้นทรายพลันแหลกเป็นผุยผง