DND.
“อะแฮ่มแม่นาง เราคุยกันได้นะ เราไม่เคยเจอกันมาก่อน แม่นางจะต้องจำข้าผิดเป็นคนอื่นแน่ ดึงตัวข้ามาเช่นนี้ไม่เหมาะสมนักหรอก”
ซือหยูพูดกับนางอย่างสุขุมเยือกเย็น
ม่อเทียนฉวนถอนหายใจแรงราวกับเพิ่งจะเจอคู่อริตลอดกาล
“ข้ายังจำเจ้าได้…ต่อให้เจ้ากลายเป็นกองเถ้าข้าก็จำได้…ตามข้ากลับตำหนักโลหิตเดี๋ยวนี้!”
ไม่เพียงแต่นางจะปิดกั้นพลังของซือหยูนางยังใช้ผนึกพิเศษปิดปากซือหยูไม่ให้พูดด้วย
ฉั่วะ!
ม่อเทียนฉวนฉีกมิติพาซือหยูข้ามมิติออกไปเพียงไม่กี่ชั่วยามทั้งสองก็เดินทางข้ามครึ่งดินแดนพรสวรรค์กลับมาเหนือตำหนักในแห่งตำหนักโลหิต
เขามองป่าขังภูติที่คุ้นเคยและอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมาเขาใช้ทางอ้อมแต่กลับถูกจับตัวบังคับให้กลับมา เขาไม่อยากจะเชื่อเลย
“ท่านเจ้าตำหนัก!”
จ้าวเทวะระดับเก้าสองคนบินมาจากตำหนักในเพื่อต้อนรับ
ทั้งสองเป็นเจ้าสำนักซ้ายขวาพวกเขามองชายแก่ที่ถูกม่อเทียนฉวนกระชากคอเสื้อเอาไว้อย่างประหลาด ทั้งสองสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น
ม่อเทียนฉวนถาม
“ข้าออกจากตำหนักไปทั้งวันมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นหรือไม่?”
เจ้าสำนักซ้ายพยักหน้า
“มีอยู่สองเรื่อง…อย่าแงรกก็คือเว้นแต่ราชาเขตกลาง ราชาเขตอื่นทั้งหมดส่งคนมาสืบข้อมูลเรื่องความตายขององครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าว่าเกี่ยวข้องกับตำหนักโลหิตหรือไม่”
ในโลกอันกว้างใหญ่นี้มีเพียงม่อเทียนฉวนที่ต้องสงสัยมากที่สุด นั่นก็เพราะว่าองครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าตายในอาณาเขตของตำหนักโลหิต และม่อเทียนฉวนเองก็มีความเหตุผลและพลังมากพอที่จะสังหารทั้งหมด
“ข้าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวแล้วมันยังไง?นอกจากราชาเขตจะมาถามเอง ไม่ต้องสนใจพวกมัน”
ม่อเทียนฉวนถอนหายใจแรงแต่นางก็เจอเบาะแสมาบ้างเมื่อไปสืบด้วยตัวเอง
เจ้าสำนักซ้ายตกใจเล็กน้อย
“แล้วเราจะตอบราชินีอู๋เชิงอย่างไรดี?
เจี๋ยนอู๋เชิงมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับตำหนักโลหิตนับได้ว่าเขตของเจี๋ยนอู๋เชิงนั้นเป็นผู้หนุนหลังของตำหนักโลหิต
“นางน่ะหรือ?”
ม่อเทียนฉวนครุ่นคิด
“ก็ได้กระจ่ายข่าวไปว่าคนที่ฆ่าองครักษ์แสงกระจ่างแห่งเขตกลางคือบุรุษวิถีอสูรคนเดียวกับที่ฆ่าซือตี๋”
ใบหน้าของเจ้าสำนักซ้ายขวาเปลี่ยนไปโดยพลัน
“ท่านเจ้าตำหนักท่านกำลังวพูดถึงชายที่ร่ำลือคนนั้นรึ? ผู้ที่มีเนตรแดงดั่งโลหิตแล้วยังมีทะเลเลือดตามหลัง?”
เจ้าสำนักขวาหายใจเข้าลึก
ไม่เพียงแต่ซือตี๋ที่ตายแต่ห้าองครักษ์แสงกระจ่างก็ตายด้วยมือของเขาด้วย คนผู้นี้มีพลังพิเศษอันยากที่ราชาเก้าเขตจะเทียบได้
“เป็นฝีมือเขาจริงๆ ข้าเห็นร่องรอยของกายย้อนเวลาเป็นวงกว้าง มันแทบจะเหมือนกับตอนที่ซือตี๋ตาย! ในโลกนี้ตอนนี้ มีแค่คนผู้นั้นคนเดียวที่ทำเรื่องแบบนี้ได้”
ม่อเทียนฉวนขมวดคิ้วนางดูหวาดกลัวเล็กน้อย
บุรุษวิถีอสูรคนนั้นมีพลังมากเกินไปแต่ม่อเทียนฉวนก็คิดว่าตัวนางเองสามารถสังหารซือตี๋ได้ ส่วนองครักษ์ทั้งห้า นางคิดว่าเป็นเรื่องง่ายหากจะฆ่าไม่กี่คน แต่ยากมากที่จะฆ่าทั้งหมด
ที่แย่ยิ่งกว่าองครักษ์ทั้งห้ายังสามารถเรียกร่างเงาของราชาเขตกลางได้ นั่นคือความท้าทายอย่างหนักหน่วง แต่บุรุษวิถีอสูรผู้นั้นกลับรับมือได้ทั้งหมด!
“ถ้าเช่นนั้นเราก็ต้องระวังคนผู้นั้นมีข่าวหลายครั้งว่าเขาปรากฏตัวในดินแดนพรสวรรค์…”
เจ้าสำนักซ้ายพูด
ม่อเทียนฉวนตอบ
“ไม่ต้องห่วงถ้าเขาอยากจะทำอะไรดินแดนพรสวรร์ ดินแดนนี้ก็คงจะถูกทำลายไปนานแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวันนี้”
นางพูด
“แล้วคนที่เขาสังหารก็ล้วนเป็นคนสำคัญของราชาเขตกลางเขาไม่ใช่ผู้ที่สังหารคนบริสุทธิ์ เจ้าแค่ต้องระวังเอาไว้ แต่ไม่ต้องกังวลเกินไปนัก”
นางถาม
“แล้วเรื่องที่สองเล่า?”
เจ้าสำนักซ้ายตอบ
“ดินแดนมีดสวรรค์ส่งทูตมาที่นี่”
ม่อเทียนฉวนถอนหายใจแรง
“มีดสวรรค์เรอะ?พวกมันพ่ายแพ้ในเมืองเทียนหยาแต่ก็ส่งคนมาอีกหรือ? พวกมันจะเล่นสกปรกอะไรอีก?”
ฐานอำนาจที่พวกมีดสวรรค์ก่อร่างมาหลายปีถูกทำลายในข้ามคืนคงจะแปลกหากดินแดนมีดสวรรค์ยังใจเย็นอยู่ได้
“ใช่แล้วพวกมันอยากจะแข่งกับปราชญ์ไม้ในดินแดนพรสวรรค์ หากมันชนะ มันอยากจะได้ร้านค้าหนึ่งร้อยแห่งคืนมา ถ้าหากแพ้ พวกมันบอกว่าจะชดเชยพวกเราร้อยล้าน…”
เขาอธิบาย
แก้วร้อยล้านดวงนั้นเป็นปริมาณเงินมหาศาลต่อตำหนักโลหิต
“ร้อยล้านรึ?อืม…พวกมันเตรียมตัวมาดีสินะ!”
ม่อเทียนฉวนตาลุกวาว
เจ้าสำนักซ้ายพยักหน้าตอบ
“นอกจากฉินหลินแล้วพวกมันยังพาคนที่ไม่รู้จักมาอีกหนึ่งคน!”
เขาว่าต่อ
“ก่อนพวกมันมาตำหนักโลหิตพวกมันท้าอาจารย์เกาที่เมืองเทียนหยา อาจารย์เกายอมแพ้หลังแข่งแค่สามรอบ”
ม่อเทียนฉวนหรี่ตา
“ข้าได้ยินว่าอาจารย์เกาได้ล้ำการสอนอันล้ำค่าจากซือหยูเซี่ยนทั้งยังเรียกเขาว่าอาจารย์ซือ เขาแข่งถึงแค่สามรอบได้ยังไง?” novel-lucky
“ข้าไม่แน่ใจแต่รองผู้จัดการใหญ่ส่งข้อความด่วนให้พวกเราระวังคนอีกคนให้ดี…”
เจ้าสำนักซ้ายกล่าว
ม่อเทียนฉวนพยักหน้านางดูไม่กังวลนัก
“ท่านเจ้าตำหนักโปรดตัดสินใจว่าเราจะรับทูตอย่างไร…”
เจ้าสำนักขวาพูดขึ้นบ้าง
ม่อเทียนฉวนถอนหายใจแรง
“ไม่ต้องบอกก็รู้ไม่ใช่รึ?พวกมันเอาชนะอาจารย์ก่อนแล้วจงใจมาหาพวกเรา แน่นอนว่าพวกมันต้องการแข่ง ถ้าตำหนักโลหิตไม่รับคำท้า พวกเราจะกลายเป็นตัวตลก!”
นางพูดต่อ
“แล้วอาจารย์ซือยังอยู่ในตำหนักเรามีอะไรต้องกลัวหรือ? ส่งคำสั่งของข้าออกไปขอให้ซือหยูเซี่ยนเข้าแข่งครั้งนี้”
เจ้าสำนักซ้ายขวาโล่งใจเมื่อได้ฟังคำตอบนี้เพราะซือหยูเซี่ยนนั้นเชี่ยวชาญภาษาไม้ในระดับสูงมาก
“พวกเราจะจัดการให้”
ทั้งสองตอบพร้อมกัน
จากนั้นเจ้าสำนักขวาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด
“ยังมีอีกเรื่อง…ท่านเจ้าตำหนักโปรดลงโทษข้าด้วย”
“ทำไมกัน?”
ม่อเทียนฉวนจ้องมอง
เจ้าสำนักขวาดูขมขื่น
“ข้ามันใช้ไม่ได้!ข้ามองตระกูลเฉาชั่วช้าไม่ออกก่อนหน้านี้ เฉาชุนกวงพยายามหนีออกจากตำหนักก่อนที่ตระกูลจะทรยศ ข้าหาตัวไม่พบเลย”
เขาว่าต่อ
“พวกเรารีบไปเรือนตระกูลเฉาแต่มันก็ว่างเปล่าพวกมันไปซ่อนตัวแล้ว”
ม่อเทียนฉวนดูไม่สนใจ
“ข้าบ่มเพาะพลังมาตลอดปีข้าไม่ได้สนใจเรื่องภายนอก ข้าเองก็มีความผิด จะโทษเจ้าทั้งหมดไม่ได้!”
นางพูดต่อ
“การทรยศของตระกูลเฉาเป็นแค่เรื่องเปลือกนอกยังมีกองกำลังลับที่มิอาจจินตนาการได้อยู่เบื้องหลัง พวกเจ้าต้องระวังเรื่องนี้ให้ดี”
เมื่อพูดจบม่อเทียนฉวนกล่าว
“ไปทำตามคำสั่งข้าบอกให้อาจารย์ซือมารับทูตจากมีดสวรรค์ ข้ามีเรื่องส่วนตัวต้องจัดการ ข้าจะไปเจอทูตทีหลัง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นซือหยูกลอกตา…ข้าก็คืออาจารย์ซือที่เจ้าพูดถึงยังไงเล่า!
แต่ในสายตาม่อเทียนฉวนเขาเป็นสิ่งอื่น นางจึงถอนหายใจแรง
“ฮื่มเจ้าคิดจะเล่นสกปรกกับข้าอีกแล้วสินะ!”
ฟึ่บ!
ม่อเทียนฉวนแบกซือหยูไปยังห้องลับเจ้าสำนักซ้ายมองซือหยูด้วยความแปลกใจ
เขาคิดขึ้นมาทันที…คนผู้นั้นเป็นใครกัน?ทำไมม่อเทียนฉวนถึงต้องจัดการเขาด้วยตัวเอง?
เจ้าสำนักขวาเองก็คิดไม่ต่างกันเขาสงสัยในเรื่องนี้มาก แต่ทั้งสองคนก็ไม่มีเวลาได้กังวลเรื่องนี้มากนัก ทั้งคู่ไปสั่งคนของตนให้มุ่งหน้าสู่ตำหนักนอกเพื่อแจ้งซือหยูเซี่ยนมาสู่ตำหนักใน
ครั้งนี้ทูตจากมีดสวรรค์มาหาพวกเขาถึงที่ มันทั้งเป็นเกียรติและน่าละอายที่ตำหนักโลหิตต้องหวังพึ่งซือหยูเซี่ยนเพียงคนเดียว ถ้าหากเขาจัดการเรื่องนี้ได้ดี พวกเขาก็จะถูกนับว่าทำเพื่อสำนักได้ดี!
ตอนนี้ซือหยูถูกพามายังห้องลับ ม่อเทียนฉวนพูดอย่างเยือกเย็น
“เจ้าไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้สินะ?เจ้าคงไม่รู้ว่าจะต้องมาเจอกับข้า! ขายสมบัติภูติของข้าไปได้เงินเยอะใช่ไหม?”
พลังที่ถูกผนึกในตัวซือหยูถูกปลดปล่อยเขาพูดได้อีกครั้ง
“ข้าไปขายสมบัติภูติของท่านเมื่อไหร่กัน?”
ซือหยูเลือกที่จะปฏิเสธ
“ท่านเกือบทำข้าตาย!ข้ายังไม่ได้รับคำขอโทษจากท่านเลย และตอนนี้ท่านก็กลับมาเอาผิดข้า!”
ม่อเทียนฉวนอ้าปากค้างเขาขโมยสมบัติภูติของนางไปก็หนึ่งวเรื่องแล้ว แต่เขายังลวนลามนางในตอนที่นางแทบจะไม่มีสติ! การปฏิเสธความผิดของซือหยูทำให้ม่อเทียนฉวนหงุดหงิดจัด!
“ถึงตอนนี้เจ้ายังกล้าพูดแบบนี้อีกเรอะ?นอกจากเจ้าจะมีใครในตอนนั้นอีก?”
ม่อเทียนฉวนกัดฟัน
ถ้าไม่ใช่เพราะนางอยากจะเค้นถามเรื่องที่เขาขับพลังภูติผีออกจากร่างนางนางก็คงจะฆ่าเขาไปแล้ว!