สู้ไม่ถอย

 

 

 

 

“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไรกัน ตอนแรกที่ฉันรู้มาโปรดิวเซอร์คนนั้นบอกว่าไม่ใช่ว่าแฟนคลับหญิงของอันลั่วเฉิงมีเยอะมากแถมยังคลั่งไคล้อันลั่วเฉิงมากมากๆ ดังนั้นฉันจึงบอกทีมงานว่าตอนปล่อยข่าวการร่วมงานของอันลั่วเฉิงกับฉันให้ปล่อยข่าวเท็จไปก่อน เพื่อให้เวลาแฟนคลับได้ทำใจยอมรับ พอพวกเขายอมรับได้มากขึ้นแล้วจึงค่อยบอกความจริงออกไป” หลินหว่านพูดอย่างร้อนใจ หน้าเหวออย่างคาดไม่ถึง 

 

 

ก่อนหน้านี้โปรดิวเซอร์ที่เดินผ่านหน้าอวิ๋นซีไปบอกเธอว่า จะปล่อยข่าวปลอมออกไปก่อน แต่ตอนนี้เรื่องที่หลินหว่านจะร่วมงานกับอันลั่วเฉิงกลายเป็นเรื่องที่ผู้คนรู้กันไปทั่ว 

 

 

“หลินหว่าน ส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับของอันลั่วเฉิงที่ส่งข้อความโจมตีเธอ ไม่ใช่มาจากทุกคน ดังนั้นเธอไม่ต้องร้อนใจไปนะ ตอนนี้ในเมื่อข่าวออกมาแล้ว เรามาคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์กันก่อนเถอะ อันที่จริงฉันว่าเรื่องนี้ไม่เห็นจำเป็นต้องหลอกลวงกัน เรื่องทั้งหมดก็มาจากพวกแฟนคลับที่ชงเรื่องกันขึ้นมาแก้เซ็งเท่านั้น” อวิ๋นซีพูดขึ้น 

 

 

หลินหว่านรู้แต่แรกว่าอันลั่วเฉิงเป็นนักร้องดังที่พร้อมทั้งรูปลักษณ์และความสามารถ อีกทั้งบรรดาแฟนคลับสาวของเขายังคลั่งไคล้และน่ากลัวมาก ดังนั้นในตอนแรกทีมงานของหลินหว่านจึงวางแผนว่าจะค่อยๆ ปูพื้นอารมณ์ ปล่อยข่าวปลอมออกไปก่อน รอจนแฟนคลับยอมรับได้แล้วจึงเผยข่าวจริง การที่หลินหว่านทำเช่นนี้ก็เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงจากการถูกโจมตีจากแฟนคลับของอันลั่วเฉิง แต่ตอนนี้ดูท่าว่าเธอคิดมากกันไปเองจริงๆ คืนนี้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอีกครั้ง 

 

 

“เธอไปถ่ายหนังก่อนเถอะ เดี๋ยวพอเสร็จแล้วค่อยมาคุยกันเรื่องนี้ แล้วเธอก็อย่าคิดมากล่ะ ไม่ต้องเป็นกังวลเกินไป ตั้งใจแสดงนะ” อวิ๋นซีไม่อยากให้หลินหว่านไม่สบายใจ จึงไล่ให้เธอไปเข้ากล้อง แบบนี้จะทำให้เธอค่อยดีขึ้นบ้าง 

 

 

หลินหว่านเข้ากล้องด้วยอาการหมดแรง ตลอดบ่ายสภาพเธอไม่ค่อยดีนัก 

 

 

“หลินหว่าน วันนี้เธอไม่สบายหรือเปล่า หรือมีอะไรไม่สบายใจ ทำไมดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย แถมยังท่าทางไม่แจ่มใสเอาเลย ถ้าเหนื่อยก็ไปพักได้นะ ถ้าไม่สบายก็ขอลาพักซะเถอะ อย่าฝืนเลยผู้กำกับเขาเข้าใจ” ทีมงานคนหนึ่งพูดกับหลินหว่าน 

 

 

หลินหว่านรู้สึกอบอุ่นใจ ยิ้มพลางตอบว่า “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ฉันยังถ่ายต่อได้ค่ะ คงเพราะเมื่อคืนพักผ่อนไม่พอล่ะมั้ง ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ” 

 

 

คืนนี้หลินหว่านกลับถึงห้องพักทั้งที่ไม่ได้ทานมื้อดึก เธอเปิดดูมือถือแล้วยิ่งจิตตก และที่ทำให้เธอยิ่งโมโหก็คือมีคนจำนวนมากบอกว่าเธอได้รับเลือกเพราะเข้าหาทางอันลั่วเฉิงไอดอลของพวกเขา 

 

 

หลินหว่านน้อยใจมาก มองดูข้อความประณามหยามเหยียดเธอบนอินเทอร์เน็ต ไม่รู้ว่าจะไประบายเอากับใครที่ไหนดี 

 

 

“ก๊อกๆๆ” 

 

 

ประตูเปิดออก อวิ๋นซีถือกล่องอาหารกับน้ำแกงเข้ามา สีหน้าท้อแท้พอกัน 

 

 

“หลินหว่าน ทำไมวันนี้ไม่กินข้าวอีกแล้ว เธอจะอมทุกข์แบบนี้ไปตลอดด้วยเรื่องเล็กๆ แค่นี้ไม่ได้นะ ก่อนหน้านี้เธอก็ผ่านอะไรมาตั้งเยอะ ตอนนี้จะกลายเป็นอ่อนแอขนาดนี้ได้ไง รีบกินข้าวเถอะ นี่น่ะของชอบเธอทั้งนั้นเลยนะ พรุ่งนี้ยังต้องเข้ากล้องอีก จะเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกันล่ะ” อวิ๋นซีวางอาหารลงบนโต๊ะ ทำสัญญาณมือให้หลินหว่านรีบกินให้หมด 

 

 

หลินหว่านไม่หิวเลยแม้แต่นิดเดียว เธอไม่อยากจะมองกับข้าวพวกนั้นแม้แต่สักนิดเดียว ในใจคอยคิดอยู่แต่เรื่องน่ารำคาญใจนั่น เธอรู้สึกอัดอั้นตันใจมากไม่รู้ว่าเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร 

 

 

อวิ๋นซีมองดูหลินหว่านแล้วก็กลุ้มไม่แพ้กัน เธอออกไปจากห้องโดยไม่ได้พูดอะไรอีก  

 

 

วันต่อมาช่วงเช้าถ่ายทำเสร็จ ตอนพักกลางวัน จู่ๆ เซียวจิ่งสือก็มานั่งลงตรงหน้าเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทำเอาหลินหว่านสะดุ้งเฮือกใหญ่ 

 

 

“คุณมานี่ได้ยังไงคะ ทำไมไม่บอกฉันก่อนล่วงหน้าสักคำ จู่ๆ ก็โผล่มาตรงหน้าทำเอาฉันตกใจหมดเลย” หลินหว่านเบิกตากลมกว้างมองดูเซียวจิ่งสือที่จู่ๆ โผล่มาทำให้เธอประหลาดใจมาก 

 

 

หลินหว่านคิดว่าคราวนี้เธอคงได้ระบายความอัดอั้นตันใจของตัวเองให้เซียวจิ่งสือฟังเสียที แต่ที่ตลกก็คือเขาเอาแต่ปั้นหน้าเย็นชาตลอดเวลา ทำให้หลินหว่านรู้สึกผิดหวังอย่างมาก เธอรู้ได้เลยว่าต่อไปเรื่องที่จะได้รับฟังคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ 

 

 

แล้วเป็นจริงดังคาด เซียวจิ่งสือขึงตาใส่หลินหว่านอย่างโมโห พูดว่า “ผมไม่อยากให้คุณไปร่วมงานกับอันลั่วเฉิงแล้ว ผมอยากให้คุณฟังผม อย่าทำให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนแย่ลงด้วยเรื่องนี้ นอกจากนี้ผมยังได้อ่านข้อความบนอินเทอร์เน็ตที่วิจารณ์คุณในทางเสียๆ หายๆ พวกนั้นแล้ว ผมไม่อยากให้คุณถูกทำร้ายอีกแล้ว ต่อให้คุณเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีชื่อเสียงก็เถอะ ผมจึงอยากบอกว่าคุณไม่ต้องร่วมงานกับเขาอีกแล้ว เพราะงานยุ่งคุณก็เลยไม่ได้บอกผมว่าโอกาสนี้มันได้มายังไง แต่ตอนนี้ผมหวังว่าคุณอย่าไปเลยนะ” เซียวจิ่งสือพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทั้งที่ในใจกลับร้อนรนอย่างยิ่ง 

 

 

เซียวจิ่งสือคิดทุกอย่างเพื่อหลินหว่าน แต่ข้อความวิพากษ์วิจารณ์หลินหว่านที่เขาเห็นบนอินเทอร์เน็ตนั้นทำให้เขาโมโหมากเลย แต่ที่เขากลัวยิ่งกว่าก็คือการที่หลินหว่านต้องเสียใจเพราะได้เห็นคำพูดเหยียดหยามพวกนั้น เพื่อไม่ให้เรื่องเลวร้ายลงไปกว่านี้อีก เซียวจิ่งสือรีบมาที่กองถ่าย เขารู้ว่าหลินหว่านค่อนข้างเป็นคนแข็งไม่ยอมใคร ถ้าพูดทางโทรศัพท์คงไม่ยอมรับปากแน่ เขาจึงต้องมาอยู่ต่อหน้าเธอตอนนี้ 

 

 

“ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่อินเทอร์เน็ตบอกว่าฉันไปตามตื๊ออันลั่วเฉิงจนได้งาน งานนี้ผู้กำกับซวี่กวงเป็นคนแนะนำฉันเอง จากนั้นฉันก็ไปทดสอบเสียง แล้วก็ได้รับโอกาสที่ได้มาไม่ง่ายนี่ไงเล่า” หลินหว่านจ้องเซียวจิ่งสือตาไม่กะพริบ เธอโมโหว่าทำไมเขาไม่เข้าใจเธอเลย 

 

 

หลินหว่านยิ่งคิดก็ยิ่งไม่อยากอธิบายให้เซียวจิ่งสือฟังอีก ขณะที่นึกอัดอั้นอยู่ในใจคนเดียว 

 

 

“งั้นตอนนี้ผมให้คุณยกเลิกการทำเพลงร่วมกับอันลั่วเฉิง ไม่ต้องร่วมงานกับเขาอีก แบบนี้มันไม่ดีกับคุณหรอก ผมอยากให้คุณทิ้งมันไปซะ” เซียวจิ่งสือพูดเสียงเครียด ดูท่าทีมุ่งมั่นทีเดียว 

 

 

หลินหว่านจ้องเซียวจิ่งสือจนตาแทบลุกเป็นไฟ เธอเสียใจที่ทำไมเซียวจิ่งสือไม่เข้าใจเธอ ในเวลาแบบนี้เขากลับไม่สนับสนุนเธอ กลับให้เธอละทิ้งโอกาสที่เธอพยายามเพื่อให้ได้มันมา 

 

 

“คุณไม่ต้องพูดแล้ว ฉันได้ตัดสินใจแล้ว ฉันจะไม่ยอมทิ้งโอกาสที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้หรอก ฉันยังจะร่วมงานกับอันลั่วเฉิงต่อ” หลินหว่านพูดเสียงเรียบ แต่น้ำเสียงแน่วแน่มาก 

 

 

หลินหว่านไม่ยอมอ่อนข้อ ด้วยเธอคิดว่านี่เป็นโอกาสที่เธอได้มาด้วยความพยายามของตัวเอง ทำไมจะต้องเปลี่ยนตัวเองเพียงเพราะคำพูดวิจารณ์บางคำบนอินเทอร์เน็ตด้วย สำหรับหลินหว่านแล้ว ขอเพียงยืนหยัดสู้ไม่ถอย ต่อไปจะต้องได้รับการยอมรับในที่สุดแน่นอน 

 

 

เซียวจิ่งสือมองหลินหว่านอย่างอับจน เขารู้ว่าการคิดเห็นต่างกันนั้น อีกฝ่ายจะพูดอย่างไรก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง เขาไม่อยากทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้อีก ครั้งนี้ทั้งสองจึงจากกันไม่ดีนัก 

 

 

หลินหว่านกินข้าวเสร็จ ก็ไปเข้ากล้องต่อขณะที่ผู้กำกับซวี่กวง กลับเข้ามาถามไถ่เรื่องของอันลั่วเฉิง 

 

 

“ผมรู้เรื่องที่คุณต้องเจอในระยะนี้ ยังจะร่วมงานกับเขาอยู่ไหม นี่เป็นการตัดสินใจของคุณ” ซวี่กวงพูดเสียงนิ่ง 

 

 

“แน่นอนว่าตัดสินใจแล้วต้องทำให้ตลอดค่ะ ในเมื่อได้รับโอกาสนี้ ทั้งยังรับปากคนอื่นไว้แล้ว ฉันไม่มีทางทิ้งไปกลางคันแน่ค่ะ” หลินหว่านพูดอย่างตัดสินใจแน่วแน่ 

 

 

การตัดสินใจของหลินหว่านทำให้ซวี่กวงพอใจมาก เขาเองก็ค่อยๆ ยอมรับหลินหว่าน