เปิดโปงความสัมพันธ์
ขณะที่เหล่าชาวเน็ตกับพวกแฟนคลับของอันลั่วเฉิงแห่กันออกมาตั้งข้อสงสัยในตัวหลินหว่าน บัญชีเวยปั๋วหนึ่งซึ่งมุ่งแฉเบื้องลึกเบื้องหลังวงการบันเทิง จู่ๆ ก็โพสต์บทความหนึ่งลงเวยปั๋ว โดยข้อความส่วนหนึ่งเผยว่า ‘หลินหว่านที่ได้ร่วมงานกับไอดอลอันลั่วเฉิง สาเหตุแท้จริงมาจากความสัมพันธ์ของซวี่กวง หลินหว่านกำลังถ่ายหนังของซวี่กวง ส่วนซวี่กวงก็เป็นเพื่อนสนิทกับอันลั่วเฉิงมาหลายปี ซวี่กวงแนะนำหลินหว่านให้กับอันลั่วเฉิง ดังนั้น หลินหว่านจึงได้ร่วมงานกับไอดอลอัน’
ชื่อบัญชีเวยปั๋วนี้คือ บันเทิงกอสซิบ มุ่งเปิดโปงเบื้องลึกเบื้องหลังในวงการบันเทิงมาดึงดูดความสนใจจากชาวเน็ต ก่อนหน้านี้ เรื่องที่บันเทิงกอสซิบเคยเปิดโปงออกมาก็มีมากบ้างน้อยบ้างที่ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นจริง ดังนั้นบัญชีเวยปั๋วนี้จึงมีแฟนคลับไม่น้อยเลย
หลังจากมีการโพสต์ข้อความนี้ลงเวยปั๋ว ชาวเน็ตพากันออกมาแสดงความคิดเห็นว่าไม่เชื่อ
[ซวี่กวง? อันลั่วเฉิง? พวกเขาเป็นเพื่อนรักกัน? เป็นไปไม่ได้ป่ะ ก่อนนี้ไม่เคยได้ยินเลยว่าพวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกัน…]
[ล้อกันเล่นหรือไง ซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงเป็นเพื่อนรักกันมาหลายปี? ใครจะไปเชื่อลง!]
[นี่มันหลอกกันชัดๆ ป่ะ ซวี่กวงแนะนำหลินหว่านให้อันลั่วเฉิง? จะแต่งเรื่องก็แต่งให้มันได้เรื่องหน่อย อย่าพูดมั่วแค่จะเรียกความสนใจได้ไหม!]
ด้านล่างเวยปั๋วเต็มไปด้วยคอมเมนต์จากชาวเน็ตที่ไม่เชื่อเรื่องนี้ แม้แต่แฟนคลับของทั้งซวี่กวงและอันลั่วเฉิงต่างก็ไม่เห็นโพสต์นี้อยู่ในสายตา พวกเขาเห็นว่าสื่อแค่ต้องการเรียกเรตติ้งคนดูจึงปั้นข่าวขึ้นเอง
แต่ที่ตามมาคือ เวยปั๋วนี้ลงภาพถ่ายใบหนึ่ง บนรูปถ่ายนั้นซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงกำลังเดินคุยกัน พวกเขาดูเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าถูกแอบถ่ายรูปเอาไว้
ตอนที่บัญชีเวยปั๋วนี้ลงรูปใบนี้ ชาวเน็ตยังไม่เชื่อว่าซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงเป็นเพื่อนรักกันมาหลายปี
แฟนคลับของอันลั่วเฉิงถึงกับออกมาแก้ข่าวว่า “นี่เป็นเพราะก่อนหน้านี้ตอนไปทำงานไอดอลอันของพวกเราบังเอิญพักโรงแรมเดียวกับผู้กำกับซวี่กวงต่างหาก นักข่าวกระจิบ คุณหลงคิดไปเองว่านี่จะบอกกับชาวเน็ตได้ว่าผู้กำกับซวี่กับไอดอลอันของพวกเราเป็นเพื่อนกันมาหลายปีงั้นเหรอ”
ชาวเน็ตพากันออกมากดไลก์ที่ด้านล่าง ภาพถ่ายนี้อย่างมากก็แสดงว่าอันลั่วเฉิงกับซวี่กวงรู้จักกันเท่านั้น แต่ทั้งสองคนนี้รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่นะเหรอ เป็นเพราะครั้งนี้ได้พักโรงแรมเดียวกันโดยบังเอิญจึงรู้จักกัน หรือว่าก่อนหน้านี้รู้จักกันมาก่อน ภาพถ่ายใบนี้เอามาใช้ยืนยันอะไรไม่ได้หรอก
แต่ว่าต่อมา บัญชีเวยปั๋วนี้โพสต์ภาพถ่ายตามมาอีกสี่ใบ และทุกใบล้วนมีซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงอยู่ด้วยกัน
ภาพถ่ายใบแรกดูเหมือนน่าจะเป็นเมื่อหลายปีมาแล้ว ในภาพซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงยังเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นอยู่เลย ซวี่กวงยังไม่ดูเย็นชาสูงส่งแบบในตอนนี้ อันลั่วเฉิงก็ยังแต่งตัวเหมือนตอนที่เขาเพิ่งเข้าวงการมาได้ไม่นานนัก
ส่วนภาพใบที่สอง ซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงกำลังพูดคุยหัวเราะกันขณะทานข้าวในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นภาพถ่ายเมื่อหลายปีก่อนเช่นกัน
ภาพถ่ายใบที่สามและสี่ดูเหมือนจะเป็นเมื่อสองปีที่ผ่านมานี้เอง ในภาพดูคล้ายกับซวี่กวงและอันลั่วเฉิงกำลังทานข้าวหรือออกไปเที่ยวด้วยกัน แต่พวกเขาทั้งสองสวมหมวกและหน้ากาก ปิดบังใบหน้าจนมิดชิด เหมือนกับไม่ต้องการให้คนอื่นจำได้
ที่สำคัญคือ ภาพถ่ายทั้งสี่ใบนี้ดูเหมือนว่าล้วนเป็นภาพแอบถ่ายตอนที่ซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงอยู่ด้วยกัน นอกจากนี้ยังไม่มีร่องรอยว่าผ่านการแต่งภาพทำกราฟิกใดๆ เลยด้วย
ภาพถ่ายทั้งสี่ใบนี้พอเปิดเผยออกมาก็สร้างกระแสคลื่นลูกใหญ่ได้ทันที ชาวเน็ตต่างพากันตกตะลึงกันเลยทีเดียว
หรือว่าซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงพวกเขาสองคนรู้จักกันมานานแล้วจริงๆ หรือว่าจะเป็นจริงอย่างที่เวยปั๋วนั่นบอกว่าพวกเขาเป็นเพื่อนรักกันมาหลายปีแล้ว
ซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงต่างก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง ภาพถ่ายทั้งสี่ใบนี้ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาดูกลายเป็นซับซ้อนซ่อนเงื่อนขึ้นมา ชาวเน็ตเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง
[หรือว่าไอดอลอันกับผู้กำกับซวี่จะเป็นเพื่อนรักกันจริงๆ ทำไมเมื่อก่อนพวกเราไม่รู้เลย พวกเขาเก็บเนื้อเก็บตัวกันเกินไปล่ะมั้ง…]
[โห…ก่อนนี้ไม่เคยนึกเลยว่าผู้กำกับซวี่กับไอดอลอันจะรู้จักติดต่อกันได้ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะแอบรู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาตั้งหลายปี…]
[ฉันยังหลงเข้าใจว่าก่อนหน้านี้บล็อกเกอร์หลอกพวกเราซะอีก คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนรักกันมานานหลายปีจริงๆ แต่ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เห็นมีข่าวเลยสักนิดเลยล่ะ]
……
เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น เวยปั๋วก็เต็มไปด้วยชาวเน็ตที่ตื่นตะลึงกับความสัมพันธ์ของซวี่กวงกับอันลั่วเฉิง ก็แน่ล่ะ ถ้าหากความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นจริงนั่นก็หมายความว่าก่อนหน้านี้ซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงได้เก็บซ่อนความสัมพันธ์ส่วนตัวของพวกเขาไว้ดีเกินไป เพราะว่าต่อให้เป็นเวยปั๋วพวกเขาสองคนยังแทบจะไม่มีการติดต่อหรือความสัมพันธ์กันเลย
หลินหว่านได้อ่านข้อความเหล่านี้บนอินเทอร์เน็ตในช่วงพักระหว่างที่เธอกับอันลั่วเฉิงร่วมกันบันทึกเพลงชุดใหม่ เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างซวี่กวงและอันลั่วเฉิงถูกเปิดเผย เสียงคัดค้านหลินหว่านทำเพลงใหม่ร่วมกับอันลั่วเฉิงบนอินเทอร์เน็ตจึงบางเบาลงไปไม่น้อย
แต่ว่าหลังจากหลินหว่านเห็นข่าวความสัมพันธ์ของซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงถูกเปิดโปง เธอกลับสะดุ้งวาบในใจขึ้นมา
ซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงไม่เคยอยากให้คนนอกรู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนรักกันมานานหลายปี ดังนั้น เท่าที่เธอรู้มาคนรอบข้างที่ล่วงรู้ความสัมพันธ์ของซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เธอเองยังเพิ่งจะได้รู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาโดยบังเอิญเมื่อไม่นานมานี้เอง
อย่างนั้นหลังจากความสัมพันธ์ของซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงถูกเผยออกมา พวกเขาจะสงสัยว่าเธอเป็นคนพูดออกไปหรือเปล่านะ
เนื่องจากความสัมพันธ์ของซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงเปิดเผยออกมา ทำให้ชาวเน็ตรู้ว่าการที่หลินหว่านได้ร่วมงานกับอันลั่วเฉิงก็เพราะซวี่กวงเป็นคนแนะนำ ถ้าเรื่องนี้เปิดเผยออกมา คนที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดก็คือหลินหว่านไม่ใช่หรือไง
หลินหว่านยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ แล้วก็จริงดังคาด ตอนบ่าย หลินหว่านกลับเข้าห้องบันทึกเสียงไปพบอันลั่วเฉิงอีกครั้ง เธอสังเกตว่าสีหน้าของอันลั่วเฉิงไม่ดีนัก ท่าทีต่อเธอเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วก็เห็นได้ชัดว่าเฉยชาลงไปบ้าง
หลินหว่านถามอันลั่วเฉิงอย่างเกรงใจ “ไอดอลอันคะ คุณดูเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดี…เป็นเพราะบนอินเทอร์เน็ตเปิดเผยความสัมพันธ์ของคุณกับผู้กำกับซวี่เหรอคะ”
อันลั่วเฉิงได้ฟังก็จ้องหลินหว่านนิ่งอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาประหลาดที่คาดเดาอารมณ์ไม่ถูก จากนั้นผงกศีรษะ
หลินหว่านถูกอันลั่วเฉิงจ้องจนตึงเครียดอยู่บ้าง เห็นอย่างนี้แล้วเธอรีบอธิบายกับอันลั่วเฉิงว่า “ไอดอลอันคะ ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือเปล่า แต่ฉันอยากจะพูดว่าความสัมพันธ์ของคุณกับผู้กำกับซวี่ไม่ใช่ฉันเป็นคนพูดค่ะ!”
อันลั่วเฉิงฟังคำพูดหลินหว่านแล้วอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผมเชื่อว่าข่าวบนอินเทอร์เน็ตไม่ใช่คุณเป็นคนเอาไปพูด แต่ว่า…”
“แต่ว่าทำไมคะ” หลินหว่านเห็นว่าอันลั่วเฉิงเชื่อเธอก็รู้สึกดีใจ จึงถามโพล่งออกไป
อันลั่วเฉิงมองดูหลินหว่านแล้วบอกกับเธอว่า “อันที่จริงก่อนหน้านี้ที่ไม่มีข่าวเรื่องผมกับซวี่กวงเลยนั้น เป็นเพราะซวี่กวงเอง เขาให้ความสำคัญกับชีวิตส่วนตัวมาก ไม่ยอมให้สังคมภายนอกได้รับรู้ชีวิตส่วนตัวของเขามาตลอด ดังนั้นเรื่องนี้สำหรับผมแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมเป็นห่วงก็แต่ซวี่กวง ไม่รู้ว่าเขาจะโมโหเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า…”