ตอนที่ 696 โอกาส
ซิงเหอมองเขาและแนะนำอย่างใจดี “อันที่จริงคุณก็เก่งมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก”
“แต่ผมยังเก่งน้อยกว่าคุณ อย่าห่วงเลย ผมไม่ถือหรอกหากต้องเรียกคุณว่าอาจารย์ถ้ามันช่วยให้ผมมีความสามารถมากขึ้น” อีเฉินพูดอย่างเปิดเผยโดยไม่มีปัญหาหรือข้ออ้างใดๆ เขาเป็นคนใจกว้าง เขาไม่รังเกียจที่จะเรียนรู้จากเพื่อนถ้ามันสามารถทำให้เขาเก่งขึ้นได้ ไม่เหมือนกับตัวละครหลายตัวในนิยายเรื่องนี้ เขาไม่ได้รู้สึกอิจฉาหรือรำคาญซิงเหอแค่เพราะว่าเธอเก่งกว่าเขา
ซิงเหอพยักหน้า “โอเค ไว้พวกเราคุยเรื่องนี้กันทีหลัง”
นั่นเป็นเหมือนกับคำสัญญาสำหรับอีเฉิน ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นด้วยความยินดีและสัญญาว่าเขาจะปฏิบัติต่อเธอให้เหมือนกับที่เขาปฏิบัติต่ออาจารย์ที่เคารพ กลุ่มของอาลิรู้สึกอิจฉาอย่างแปลกประหลาดเมื่อเห็นซิงเหอรับอีเฉินเป็นลูกศิษย์ เพราะพวกเขาก็อยากจะเป็นลูกศิษย์ของเธอเหมือนกันนี่!
อย่างไรก็ตามพวกเขารู้ดีว่าทักษะทางด้านคอมพิวเตอร์ของพวกเขานั้นไม่เพียงพอที่จะเป็นลูกศิษย์ของเธอจริงๆ ต้องขอบคุณที่พวกเขาเป็นเพื่อนรักและสหายของเธอ ความจริงข้อนั้นช่วยบรรเทาความอิจฉาของพวกเขาลงเล็กน้อย
ซิงเหอไม่ได้ตระหนักถึงการต่อสู้เล็กๆ อันน่าขบขันที่มีเธอเป็นต้นเหตุเลย ดังนั้นเธอจึงกลับไปจดจ่ออยู่กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิล ถ้าเป็นสถานที่ที่อยู่กลางแจ้งเธอก็สามารถเห็นการกระทำของพวกเขาได้ แต่มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในอาคาร กระนั้นแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับสิ่งที่พวกเธอต้องการ
เวลาผ่านไปช้าๆ และไม่นานก็ถึงตอนกลางคืน ทุกคนในกลุ่มของซิงเหอจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหวในบ้านเด็กกำพร้า และในไม่ช้าพวกเธอก็ค้นพบว่าคนพวกนั้นเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
ในขณะที่บ้านเด็กกำพร้าตกอยู่ในความเงียบสงบของยามค่ำคืน ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขนของเธอก็ออกมาจากอาคารหลังหนึ่งและตรงไปที่รถบรรทุก จากนั้นผู้ชายสองคนที่ช่วยกันถือลังไม้ก็มาขวางเธอไว้
พวกเขาวางเด็กลงในลังไม้แล้วปิดผนึกลังไม้ ต่อมาลังไม้ก็ถูกโยนไปข้างหลังรถบรรทุก หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็สตาร์ตเครื่องยนต์แล้วขับออกไป ซิงเหอบันทึกการกระทำของพวกเขาไว้ทั้งหมด
อีเฉินกระซิบ “ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงกันดี”
“ไปดักจี้รถคันนั้นกันเถอะ!” แซมเสนอด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง พวกเขาโกรธมากเมื่อได้มาเห็นเรื่องนี้กับตาตัวเอง ตอนนี้พวกเขาเชื่อว่าต้องมีเด็กกำพร้าหลายคนตายโดยไม่ทราบสาเหตุในบ้านเด็กกำพร้าหลังนั้นแน่ๆ
พวกเขาไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งที่เด็กพวกนี้ต้องพบเจอก่อนที่จะตายได้เลย แต่มันต้องเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายแน่ หากเป็นไปได้พวกเขาต้องการที่จะรื้อถอนบ้านเด็กกำพร้าที่น่ารังเกียจหลังนี้ทิ้งและทำลายตระกูลเฮ่อหลานทั้งหมด!
ซิงเหอยังคงใจเย็นและปฏิเสธพวกเขา “ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรอก พวกเราควรเรียกตำรวจ”
“ใช่แล้ว พวกเราควรรายงานพวกเขากับตำรวจ!” อาลิเห็นด้วย
แต่ว่าอีเฉินไม่แน่ใจ “ตระกูลเฮ่อหลานมีอำนาจเกินไป ผมไม่คิดว่าข้อบังคับใช้ตามกฎหมายจะสามารถทำอันตรายใดๆ ต่อพวกเขาได้”
“งั้นเราจะไปดักจี้รถของพวกเขาเพื่ออะไร” ซิงเหอถาม
ทุกคนเงียบ จริงด้วย ถ้าข้อบังคับใช้ตามกฎหมายไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ แล้วจะไปหยุดรถบรรทุกของพวกเขาเพื่ออะไร
พวกเธอไม่สามารถทำอันตรายตระกูลเฮ่อหลานได้ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่พวกเธอสามารถทำได้ก็คือการรายงานคนพวกนั้นกับตำรวจ อย่างน้อยก็สามารถสร้างปัญหาเล็กๆ ให้พวกเขาได้
นี่คือจุดประสงค์ของซิงเหอ เพื่อหาโอกาสให้พวกเธอสามารถจัดการกับตระกูลเฮ่อหลาน
ดังนั้นซิงเหอจึงส่งวิดีโอไปยังสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดทันที ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังโพสต์วิดีโอลงในโลกออนไลน์อีกด้วย และไม่นานวิดีโอของเธอก็กลายเป็นกระแสที่ได้รับการพูดถึงอย่างล้นหลาม!
ตอนที่ 697 ความวุ่นวายในตระกูลเฮ่อหลาน
ภายในชั่วข้ามคืน การก่ออาชญากรรมที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลก็ถูกเปิดเผยให้ทั้งโลกรู้ เมื่อประชาชนเห็นเด็กถูกปิดผนึกอยู่ในลังไม้แล้วถูกโยนเข้าไปในรถบรรทุก พวกเขาก็โกรธอย่างเห็นได้ชัด
ตำรวจและนักข่าวกลุ่มใหญ่ออกมาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กลุ่มเพื่อการกุศลก็เข้าร่วมในการสกัดกั้นรถบรรทุกคันนั้นเช่นกัน พวกเขาต้องการจะช่วยเด็กออกมา แน่นอนว่าตระกูลเฮ่อหลานเองก็ได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว พวกเขาตกใจและไม่รู้เลยว่าทำไมความลับของพวกเขาถึงรั่วไหลออกไปได้ เฮ่อหลานฉีโทรหาคนของเขาให้จัดการเรื่องนี้ทันที
ตอนที่คนขับรถบรรทุกรู้ว่าเขาถูกเปิดโปงแล้ว ความกลัวก็เข้าครอบงำเขา เขาพยายามหันรถกลับและวิ่งหนีไป แต่ตำรวจได้ตามติดการเคลื่อนไหวของเขาแล้ว ไม่ว่าเขาจะพยายามวิ่งหนีไปทางไหน ตำรวจก็จะแห่ตามมาประกบตัวเขา บวกกับสิ่งกีดขวางบนท้องถนนคนขับรถบรรทุกก็เหมือนกับแมลงวันที่ถูกจับ
แม้กระทั่งอิทธิพลของเฮ่อหลานชางก็ไม่สามารถหยุดยั้งเรื่องนี้ได้อีกต่อไป ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเขา ทุกคนรู้เกี่ยวกับปัญหาของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลหลังจากที่วิดีโอถูกปล่อยออกมา ตำรวจไม่กล้าปกป้องตระกูลเฮ่อหลานอย่างเปิดเผยอีกแล้ว เพราะว่าทั้งประเทศกำลังติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด!
เว้นแต่ว่าพวกเขาจะอยากตาย ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ ตระกูลเฮ่อหลานเลยทำได้แค่ยืนดูอยู่เฉยๆ ขณะที่รถถูกล้อมไว้ ผู้โดยสารทุกคนถูกจับ และพบเด็กที่ท้ายรถบรรทุก การที่เด็กถูกปิดผนึกไว้ในลังไม้ดูน่าสงสัยเกินไป ดังนั้นไม่ว่าตระกูลเฮ่อหลานจะเอาเหตุผลอะไรมาอ้างก็ไม่มีประโยชน์
เช่นเดียวกับตระกูลสีในประเทศจีน ยิ่งคุณยืนสูงเท่าไหร่ จำนวนคนที่ต้องการให้คุณตกลงมาก็มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเมื่อมีเรื่องที่สามารถทำให้จุดยืนของตระกูลเฮ่อหลานสั่นคลอนเกิดขึ้น ศัตรูหลายคนซึ่งซ่อนตัวอยู่จึงเผยโฉมออกมา!
ภายในคืนเดียว ข่าวเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลานก็โผล่ขึ้นมาราวกับดอกเห็ดหลังฤดูฝน สื่อมวลชนหลายช่องกำลังรายงานข่าวเกี่ยวกับพวกเขา บนโลกอินเตอร์เน็ตก็มีการถกเถียงเรื่องของตระกูลลึกลับนี้อย่างเมามัน
สิ่งลึกลับที่คอยปกปิดตระกูลเฮ่อหลานมาหลายทศวรรษถูกกระชากออกไปอย่างรุนแรง พวกเขาถูกเปิดโปงต่อหน้าคนทั้งโลก หลายคนรู้ถึงการมีอยู่ของตระกูลเฮ่อหลานก็เพราะเรื่องนี้
พวกเขากลายเป็นเป้าสายตาของสาธารณชน และนับจากนี้ทุกการกระทำของพวกเขาก็จะอยู่ภายใต้การจับตามองของสาธารณชน พวกเขาไม่สามารถทำตัวให้ไม่เป็นจุดสนใจอีกแล้ว และพวกเขาจะต้องระมัดระวังมากขึ้นเพื่อไม่ให้จุดอ่อนของพวกเขาถูกเปิดโปง ไม่อย่างนั้นมันคงเป็นจุดจบสำหรับพวกเขา
ความวุ่นวายพัดผ่านเข้ามาในตระกูลเฮ่อหลานราวกับพายุทอร์นาโด และนี่ก็คือสิ่งที่ซิงเหอต้องการ
เมื่อได้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นอีเฉินก็ดีใจเป็นอย่างมาก “คุณเซี่ย ความคิดของคุณเยี่ยมไปเลย ดูซิว่าเฮ่อหลานชางจะจัดการกับหายนะในครั้งนี้ยังไง!”
“ตำรวจน่าจะจับพวกมันเข้าคุกให้หมด พวกมันไม่คู่ควรที่จะอยู่ร่วมกับประชาชนที่เป็นคนดี!” อาลิพูดอย่างไม่พอใจผ่านการกัดฟัน
“ซิงเหอ เราหาวิธีทำลายพวกมันกันเถอะ!” แซมและพวกผู้ชายก็โกรธพอๆ กัน นั่นก็เพราะพวกเขาตระหนักว่าเด็กผู้หญิงเมื่อคืนนี้ยังไม่ตาย พูดง่ายๆ ก็คือตระกูลเฮ่อหลานวางแผนที่จะเผาเด็กหญิงตัวน้อยที่ยังมีชีวิตอยู่!
แม้เด็กหญิงจะเป็นอัมพาตแต่เธอยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาวางแผนที่จะเผาเด็กหญิงทั้งๆ ที่เธอยังมีชีวิต แบบนี้จะไม่ให้คนที่มีหัวใจโกรธได้ยังไง
เมื่อพวกเขาเห็นข่าวในตอนเช้า กลุ่มของซิงเหอก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าเด็กที่อยู่ในลังไม้ตายไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงเธอยังมีชีวิตอยู่