บทที่ 379 อาณาจักรมังกรทะยาน

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 379 อาณาจักรมังกรทะยาน

หลังจากเตือนเย่ชิงเฉิงแล้ว หลิงตู้ฉิงก็เดินออกจากห้องไปเตือนอี้ลั่วเอ๋อ

ซึ่งอี้ลั่วเอ๋อก็เชื่อฟังคำพูดของหลิงตู้ฉิงอย่างหมดใจ

หลังจากหลายปีของการฝึกฝน นางก็ได้บรรลุวิชาผีเสื้อยมโลกเริงระบำ ซึ่งมันทำให้ความแข็งแกร่งของนางพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก

หลังจากสั่งอี้ลั่วเอ๋อแล้ว หลิงตู้ฉิงก็หันไปสั่งทางด้านเสี่ยวเยว่เฟิงและซือโถวเหวินหยวน ที่เขาจำเป็นต้องสั่งทุกอย่างไว้ล่วงหน้าก่อนเช่นนี้เนื่องจากเขาเป็นคนเดียวในกลุ่มที่เคยมีประสบการณ์เข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ซึ่งมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าภายในนั้นมันจะเป็นเช่นไร

หลังจากพูดคุยกับทุกคนในกลุ่มแล้ว พวกเขาก็ได้ยินเสียงเรียกของลั่วหยุน จากนั้นเสี่ยวเยว่เฟิงก็นำลั่วหยุนเข้ามา

เมื่อมองไปที่กลุ่มคนของหลิงตู้ฉิงที่กำลังเตรียมพร้อมจะไป ลั่วหยุนก็ยิ้มและพูดว่า “ข้าขอฝากท่านช่วยดูแลศิษย์ของข้าด้วยก็แล้วกัน ส่วนเรื่องข้างนอกปล่อยไว้ให้ข้าจัดการเอง ข้าจะเป็นผู้คอยรักษาสิ่งของของพวกท่านเพื่อรอวันที่พวกท่านออกมา”

เนื่องจากสิ่งของที่อยู่เหนือระดับสวรรค์ไม่สามารถนำเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ ทุกคนจึงมีสิ่งของมากมายที่พวกเขาไม่สามารถนำติดตัวเข้าไปได้ สิ่งของเหล่านี้ต้องได้รับการดูแล ตอนนี้เมื่อพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันช่วยเฝ้าให้เป็นการส่วนตัว มันจึงช่วยให้พวกเขาวางใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปได้มาก

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ได้เจ้าคอยช่วยดูแลอยู่ข้างนอกข้าก็วางใจได้มาก แต่เดี๋ยวข้าจะทิ้งอะไรบางอย่างเพื่อช่วยเหลือเจ้าเอาไว้ด้วย เผื่อไว้เวลาที่เจ้าต้องเผชิญกับปัญหาบางอย่างที่เจ้าไม่สามารถจัดการได้”

ลั่วหยุนพยักหน้า “อืม ถ้างั้นเมื่อท่านพร้อมแล้วเราก็ไปกันเถอะ!”

“ยังก่อน ยังมีอีกหนึ่งคนที่ข้ารออยู่” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “ข้าส่งคนไปแจ้งเขาแล้ว เขาจะมาที่นี่ในไม่ช้า”

ลั่วหยุนยิ้มและพยักหน้า

ไม่นานบุคคลที่พวกเขารอคอยก็มาถึง ซึ่งคนผู้นั้นก็คือ หนานกงหลิง

ตอนนี้ร่างกายของหนานกงหลิงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของพลังแห่งแสงและในที่สุดการบ่มเพาะของเขาก็มาถึงขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12

“คารวะ อาจารย์!” หนานกงหลิงทักทายหลิงตู้ฉิงด้วยความเคารพ

“ตามข้ามา!” หลิงตู้ฉิงนำหนานกงหลิงไปที่สวนหลังเรือนและพูดว่า “แม้ว่าเจ้าจะฝึกฝน วิชาไท่เก๊กซวนหยวน แต่เจ้ายังต้องใส่ใจกับการบ่มเพาะทั้งพลังแห่งแสงและความมืด”

“ซึ่งหากเจ้าต้องกลับไปบ่มเพาะที่ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นมันค่อนข้างที่จะเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง เจ้าก็ลองตัดสินใจดูเอาเองก็แล้วกัน ถ้าวันหนึ่งเจ้ามีปัญหา เจ้าสามารถไปที่อาณาจักรจันทราเพื่อตามหาหลิงยี่เทียน ซึ่งเขาจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดีที่นั่น”

“อีกไม่นานข้าเองก็จะออกจากเมืองหยูหลันและมุ่งหน้าไปที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแล้ว ซึ่งอันที่จริงมันก็น่าเสียดายที่ข้าไม่เหลือสิทธิ์ในการเข้าให้เจ้า ดังนั้นตอนนี้มันถึงเวลาของเจ้าแล้วเช่นกันที่ต้องออกจากเมืองหยูหลันและจงจำสิ่งที่ข้าเคยบอกเจ้าก่อนหน้านี้เอาไว้ให้ดี ถ้าไม่ สายเลือดหนานกงของเจ้าจะถูกทำลายไม่ช้าก็เร็ว”

หนานกงหลิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ข้าจะจำมันไว้ให้ขึ้นใจ ท่านอาจารย์!”

หลิงตู้ฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมอบโองการจักพรรดิให้กับหนานกงหลิงและพูดกับเขาว่า “นี่เป็นโองการจักรพรรดิที่ข้าขอให้ลั่วหยุนสร้างขึ้น มันมีพลังของการโจมตีหนึ่งครั้งที่ปิดผนึกไว้ภายใน จงใช้มันเมื่อเจ้ามีภัยอันตรายถึงชีวิต! เอาล่ะเจ้าออกไปได้แล้ว”

“ขอบคุณอาจารย์!” หนานกงหลิงรับโองการจักรพรรดิมา หลังจากอำลาหลิงตู้ฉิงแล้วเขาก็จากไป

หลังจากส่งหนานกงหลิงออกไปแล้ว หลิงตู้ฉิงก็พูดกับทุกคน “เอาล่ะเตรียมตัวได้แล้ว พวกเราจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้!”

เสี่ยวเยว่เฟิงรีบนำรถม้าออกจากแหวนมิติทันทีเมื่อนางได้ยินคำสั่งของหลิงตู้ฉิง ส่วนกงหนิวเองก็กลายร่างเป็นปีศาจกระทิงอเวจี หลังจากนั้นลั่วหยุนเดินตามกลุ่มของตระกูลหลิงเข้าไปในรถม้า

ส่วนคนอื่น ๆ พวกเขาก็นำพาหนะวิเศษที่บินได้ออกมาและบินตามหลิงตู้ฉิงโดยบินไปทางทิศใต้ของเมืองหยูหลัน

ภายในรถม้า หลิงตู้ฉิงหยิบกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับออกมาเป็นครั้งคราวและเพ่งจิตไปในมันเพื่อสัมผัสถึงทิศทางที่ประตูปรากฎขึ้น จากนั้นเขาจะคอยบอกทิศทางการบินให้กงหนิวอยู่เป็นระยะ ๆ

ลั่วหยุนมองไปข้างนอกหน้าต่างและพูดกับหลิงตู้ฉิง “ตามทิศทางที่เรากำลังมุ่งหน้าไปขณะนี้ แนวโน้มมันน่าจะมุ่งหน้าไปยังจุดศูนย์กลางของอาณาเขตนภา ซึ่งสถานการณ์ของบริเวณนั้นมันออกจะค่อนข้างซับซ้อนสักหน่อย”

“ยังไง?” หลิงตู้ฉิงถามอย่างสงสัย

ลั่วหยุนหัวเราะและพูดว่า “ทิศทางที่เรากำลังบินไปในตอนนี้มันทิศทางที่มุ่งสู่อาณาจักรมังกรทะยาน แม้ว่าอาณาจักรมังกรทะยานจะไม่ทรงพลังเท่าขุมกำลังใหญ่อื่น ๆ แต่พวกเราก็จะประมาทความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้”

“เนื่องจากผู้หนุนหลังของอาณาจักรมังกรทะยาน คือภูเขาเอ้อหลง ซึ่งมีข่าวลือว่าผู้นำแห่งภูเขาเอ้อหลงนั้นเป็นผู้ที่มาจากตำหนักมังกรและมีสายเลือดของมังกรที่แท้จริง ส่วนระดับการบ่มเพาะของเขานั้นอยู่ในขอบเขตราชันมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงไม่ได้ด้อยไปกว่าสำนักชั้นยอดทั่วไป”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่เลว”

ลั่วหยุนหัวเราะและพูดว่า “ด้วยแนวโน้มที่ทางเข้าของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับน่าจะปรากฎขึ้นในดินแดนของอาณาจักรมังกรทะยาน อู่ไท่ฉวน ที่เป็นจักรพรรดิผู้เป็นเจ้าของดินแดนและยังหนึ่งในผู้ที่มีสายเลือดมังกรไหลเวียนอยู่ในร่างและด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาที่อยู่ในระดับนักบุญ แถมลักษณะนิสัยของเขามักจะดูถูกผู้อื่นอยู่เสมอ ข้าเกรงว่าเขาคงจะลงมือทำอะไรสักอย่างแน่นอน”

หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่ลั่วหยุนและพูดว่า “ไม่ใช่ว่าข้ามีเจ้าอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ?”

ไม่ว่าอู่ไท่ฉวนจะทรงพลังเพียงใด เขาก็ไม่สามารถแข็งแกร่งไปกว่าลั่วหยุนได้ แม้ว่าลั่วหยุนจะเหลือเพียงจิตวิญญาณของเขา แต่เขาก็ยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันที่แท้จริง

ลั่วหยุนพูดด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ข้าเหลือแต่วิญญาณเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างอิสระ หากข้าลงมือจริง ๆ วิญญาณของข้ามันคงจะต้องได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน”

หากเขาต้องต่อสู้ในศึกใหญ่ เขาจะต้องใช้พลังวิญญาณอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นจะทำให้เขาตกอยู่ในที่นั่งลำบากอีกครั้ง

หลิงตู้ฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดกับลั่วหยุน “เจ้าต้องการทำข้อตกลงกับข้าอีกไหม?”

“ข้อตกลงประเภทใด?” ลั่วหยุนถามอย่างสงสัย

หลังจากมีปฏิสัมพันธ์กันมานานกว่า 10 ปี ลั่วหยุนก็รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือคนที่ชอบทำการค้าอย่างยุติธรรม ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่หลิงตู้ฉิงกำลังจะเสนอให้เขาต่อไปนี้ก็คงเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ยุติธรรมอีกเช่นกัน

หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นว่า “ข้าสามารถถ่ายทอดวิธีการบ่มเพาะที่จะทำให้เจ้ากลายเป็นเหมือน วิญญาณปีศาจได้ แต่เจ้าต้องทำงานให้กับลูกชายของข้าเป็นเวลาพันปี”

ได้ยินเช่นนี้ลั่วหยุนเงียบไป

ความแตกต่างระหว่างวิญญาณปีศาจกับเขาในตอนนี้ก็คือวิญญาณปีศาจไม่ใช่ดวงวิญญาณบริสุทธิ์ แต่เป็นร่างวิญญาณประเภทหนึ่ง

แน่นอนว่า ไม่ว่าการที่เขาจะกลายเป็นตัวตนประเภทไหนมันย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

หลังจากเงียบไปนาน ลั่วหยุนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ข้าขอคิดดูก่อน!”

เขายังไม่เห็นด้วยตอนนี้ เนื่องจากเขายังมีความกังวลอยู่มากมาย

“ไม่มีปัญหา เจ้าก็ลองคิดดู!” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างเมินเฉย “ข้อเสนอจะคงอยู่ตลอดตราบที่เจ้าตกลง!”

เมื่อไดยินเช่นนี้ ลั่วหยุนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาไม่ต้องการที่จะพูดคุยเรื่องนี้อีกต่อไปและพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยรอยยิ้ม “จะว่าไป ตอนนี้ข้ากลับรู้สึกแปลก ๆ นี่พวกเราบินอยู่เหนืออาณาจักรมังกรทะยานมาก็นานแล้ว แต่ทำไมไม่มีใครมาหยุดเราเลย?”

หลิงตู้ฉิงมองไปที่ป้ายคำสั่งในมือของเขา จากนั้นมองไปข้างนอกและพูดอย่างเฉยเมย “เหตุผลที่ไม่มีใครมาขวางเราในตอนนี้ น่าจะเป็นเพราะพวกเขาทั้งหมดคงกำลังรีบไปที่ตำแหน่งของทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการได้รับผลประโยชน์บางอย่างจากผู้คนที่กำลังจะเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ!”

ลั่วหยุนมองออกไปข้างนอกและเห็นผู้คนมากมายที่กำลังมุ่งหน้าไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกันกับพวกเขา

ลั่วหยุนถอนหายใจและพูดว่า “ทุกครั้งที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้นมันจะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นเสมอเลยจริง ๆ !”

ในขณะนี้ทุกคนที่อยู่ข้างนอกต่างพุ่งไปยังทิศทางเดียวกันและนั่นคือทิศทางที่รถม้ากำลังมุ่งหน้าไปเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดรีบมาที่นี่หลังจากได้ยินข่าวการเปิดขึ้นของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

ไม่ว่าในกรณีใด ทุกคนก็แค่อยากลองเสี่ยงโชคถึงแม้คนส่วนใหญ่ที่กำลังมุ่งไปจะไม่มีกุญแจในครอบครอง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาพบกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับกลางทาง?

ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ มันก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีคนที่พบกับกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับที่ทางเข้า ดังนั้นในความคิดของทุกคน ถึงแม้ว่าความน่าจะเป็นนั้นมันจะต่ำมาก ๆ แต่มันก็ไม่สำคัญ เนื่องจากถ้ามันบังเอิญเกิดขึ้นซ้ำรอยเช่นนั้นจริง ๆ บางทีหนึ่งในพวกเขาอาจจะเป็นคนที่โชคดีก็ได้

แต่หลังจากที่ทุกคนเดินทางไปต่อได้สักพักใหญ่ ๆ จู่ ๆ พวกเขาก็ถูกหยุดลง

เบื้องหน้าของพวกเขามีกองทัพขนาดใหญ่ วางรูปขบวนทัพปิดกั้นเส้นทางของทุกคน

“หยุด!” ใครบางคนที่อยู่ในอากาศพูดกับหลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ส่งกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมาให้กับเราเดี๋ยวนี้!”