บทที่ 380 ทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 380 ทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

ขณะนี้เบื้องหน้าของพวกเขาคือกองทัพของอาณาจักรมังกรทะยานนับล้าน ซึ่งกำลังปิดกั้นเส้นทางไปสู่ทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

อันที่จริงทหารเหล่านี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครมีกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ แต่ตราบใดที่พวกเขาปิดกั้นเส้นทางและตรวจสอบทุกคน พวกเขาก็อาจจะโชคดีเจอผู้ที่ครอบครองกุญแจอยู่บ้างก็เป็นได้

ทหารนับล้านเหล่านี้ต่างจัดวางทัพของตัวเองตามตำแหน่งค่ายกล ซึ่งส่งผลให้เจตจำนงแห่งการสังหารได้ถูกปลดปล่อยขึ้นอย่างหนาแน่น หยุดทุกคนที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่ทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับในทันที

จากความแข็งแกร่งของเจตจำนงการสังหารนี้ ใครกันที่จะกล้าบุกทะลวงฝ่าเข้าไป?

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าโอกาสอยู่ตรงหน้าพวกเขา แต่กลับถูกปิดกั้น แล้วพวกเขาควรทำอย่างไร?

ไม่ต้องพูดถึงว่าต่อให้พวกเขาจะบุกฝ่าค่ายกลของทหารนับล้านที่อยู่เบื้องล่างได้ แต่พวกเขาก็ยังต้องรับมือกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เป็นจำนวนมากที่อยู่ในอากาศอีก

เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาจะฝ่าเข้าไปได้อย่างไร?

บางคนมองไปที่สถานการณ์ตรงหน้าและเมื่อรู้ตัวว่าพวกเขาไม่สามารถผ่านไปได้แน่นอน ใครบางคนจึงพูดขึ้นว่า “พวกเราไม่ต้องกลัว ถึงเราจะผ่านไปทางนี้ไม่ได้ ถ้าพวกเราอ้อมไปหน่อยเราน่าจะใช้อีกเส้นทางที่เป็นจุดตัดกันของอาณาจักรมังกรทะยาน และอาณาจักรอี้จิ๋นได้เช่นกัน หรือต่อให้เราผ่านไปทางจุดนั้นไม่ได้ เราก็ลัดเลาะไปทางอาณาจักรอ้าวเทียนฝั่งด้านข้างของอาณาจักรอี้จิ๋นแทนก็ได้ เรายังมีเวลาอีกพอสมควรก่อนที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับจะเปิดขึ้น ข้าไม่เชื่อว่าเราจะไม่สามารถไปถึงที่หมายของพวกเราได้!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลายคนจึงหันกลับและจากไป แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือทางฝั่งของอาณาจักรอี้จิ๋นละอีกด้านหนึ่งของอาณาจักรอ้าวเทียนก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เส้นทางทั้งหมดถูกปิดกั้นไว้โดยกองกำลังทางทหารของแต่ละฝ่ายเรียบร้อยแล้ว

แต่แน่นอนว่ามันก็ยังมีช่องว่างระหว่างกองทัพของทั้งสามอาณาจักรเพราะไม่มีใครจากทั้งสามอาณาจักรกล้าที่จะเข้าใกล้กันมากเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นก่อนที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับจะเปิดขึ้น สงครามระหว่างทั้งสามอาณาจักรอาจจะปะทุขึ้นเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม ช่องว่างระหว่างทั้งสามอาณาจักรนั้นก็เต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งการสังหาร แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ก็ยังไม่กล้าที่จะก้าวผ่าน ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญระดับต่ำ ๆ จะเข้าไปได้อย่างไร?

กลุ่มของหลิงตู้ฉิงก็หยุดนิ่งเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญ 3 คนเป็นผู้นำตาม ด้วยผู้เชี่ยวชาญจากระดับหลุดพ้นสามัญและระดับสวรรค์สามัญอีกกว่า 1 โหล จ้องไปที่หลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาและพูดว่า “มอบกุญแจ เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมา!”

ปิงยู่หลาง สีเป่ยเซียะและคนอื่น ๆ มองไปที่หลิงตู้ฉิง

สีเป่ยเซียะพูดว่า “มีหนองน้ำที่มีรัศมี 200-300 กิโลเมตรอยู่ข้างหน้าเรา ซึ่งมันคือพรมแดนของอาณาจักรอี้จิ๋นและอาณาจักรมังกรทะยาน ข้าคิดว่าเราควรผ่านไปทางฝั่งของอาณาจักรอี้จิ๋นของข้าดีไหม?”

หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ข้ามีหน้าที่แค่ให้สิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแก่พวกเจ้า แต่ข้าจะไม่รับผิดชอบในการปกป้องการเข้าไปของพวกเจ้า ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะผ่านไปโดยใช้เส้นทางไหน แต่ถ้าข้ารอที่ทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับช่วงเวลาหนึ่งแล้วพวกเจ้ายังไม่มา ก็อย่าโทษข้าที่ไม่รอพวกเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นเวลาที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดนั้นมีจำกัด ซึ่งมันมีเวลาทั้งหมดเพียง 3,000 วันเท่านั้น การไปถึงเร็วขึ้น 1 วัน มันก็หมายความว่าพวกเจาจะมีเวลาอยู่ในนั้นเพิ่มมากขึ้นอีก 1 วัน นอกจากนี้พวกเจ้าต่างก็มาจากขุมกำลังใหญ่กันทั้งนั้น นี่พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าต้องเป็นฝ่ายหลีกทางให้กับอาณาจักรเล็ก ๆ นี้จริงเหรอ?”

เมื่อได้ยินหลิงตู้ฉิงพูดเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงจึงสั่งขึ้นทันที “โม่เอ๋อ ป้าหลันเปิดเส้นทาง ข้าก็ต้องการจะเห็นเหมือนกันว่าใครมันกล้าบังอาจขวางเส้นทางของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเรา”

“ใช่ ข้าอยากจะเห็นเหมือนกันว่าใครจะกล้าขวางเส้นทางของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเรา!” หานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิงตะโกนขึ้น “ลุงกู่ พวกเราขอรบกวนด้วย!”

เย่หยูหลันและกู่ตงฉิงมองหน้ากัน จากนั้นก็พูดกับคนตรงหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “หลีกทางไป สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเราจะผ่านทาง!”

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเกียรติยศของสำนัก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการลงมือ แต่พวกเขาก็ยังคงต้องทำ นอกจากนี้มันก็เป็นอย่างที่หลิงตู้ฉิงพูดว่า ถ้าพวกเขาสามารถไปถึงได้เร็วขึ้นพวกเขาก็ยิ่งมีเวลามากขึ้นเมื่อเข้าไปด้านในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

เมื่อเห็นการแสดงออกของผู้คนจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ สีเป่ยเซียะก็ตะโกนขึ้นเช่นกัน “พวกข้าคือคนของสำนักเบญจธาตุ พวกเจ้าแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าต้องการที่จะขวางทาง?”

ผู้ติดตามของปิงยู่หลางพูด “พวกข้าคือตำหนักเทพเหมันต์!”

“พวกเราคือคนของภูเขาฟีนิกซ์!” ผู้ติดตามที่อยู่ด้านข้างหนิงฮ่าวก็ตะโกนขึ้นเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นคนทรยศของภูเขาฟีนิกซ์ แต่อันที่จริงแล้วพวกเขาไม่เคยคิดกับตัวเองเช่นนั้น

เมื่อเห็นว่าผู้คนจากขุมกำลังมหาอำนาจต่าง ๆ ประกาศตัวตนขึ้น เหล่าผู้ที่ขัดขวางพวกเขาก็ตกตะลึง

ตั้งแต่เมื่อใดที่คนเหล่านี้มาร่วมมือกันเพื่อเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ?

แถมผู้คนที่มาจากขุมกำลังมหาอำนาจต่าง ๆ เหล่านี้ต่างก็มีระดับการบ่มเพาะที่สูงส่งจนน่ากลัว หากจะให้พวกเขาต้องรับมือด้วยแล้วเห็นทีว่าศึกรอบนี้มันจะต้องสาหัสเป็นอย่างยิ่งแน่นอน!

ในเวลาเดียวกับที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรมังกรทะยานไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ ชายที่สวมชุดคลุมมังกรก็รีบบินขึ้นมาพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาคงได้ยินที่ผู้คนของทางฝั่งหลิงตู้ฉิงประกาศที่มาของตัวเองแล้ว

“ชายผู้นั้นคือ อู่ไท่ฉวน” ลั่วหยุนชี้ไปที่ชายในชุดคลุมมังกรและเอ่ยขึ้น

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ไอ้วิชาดวงใจจักรพรรดินี่มันมีอะไรดีนักหนา ทำไมหลายคนถึงชอบฝึกมันกันนักนะ?”

เขามองไปที่อู่ไท่ฉวนสักพัก และเมื่อตรวจสอบได้สักพักเขาก็อนุมานได้ว่า อู่ไท่ฉวนน่าจะเป็นคนที่ฝึกวิชาดวงใจจักรพรรดิ

ในตอนนี้อู่ไท่ฉวนมองไปที่กลุ่มของหลิงตู้ฉิงและพูดว่า “พวกเจ้าทุกคนอ้างว่ามีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา แต่ใครจะรู้ว่าพวกเจ้ากำลังแอบอ้างรึเปล่า? นอกจากนี้ถ้าใครต้องการผ่านดินแดนของข้า คนผู้นั้นก็ควรให้ผลประโยชน์บางอย่างกับดินแดนของข้าเพื่อเปิดทางให้ ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้คิดที่จะผ่านดินแดนข้าไปได้อย่างง่าย ๆ ”

อู่ไท่ฉวนมีความมั่นใจว่าตัวเขาเองก็มาจากตำหนักมังกร แถมเขายังเป็นผู้ที่มีสายเลือดของมังกรที่แท้จริง เขาจึงไม่มีความคิดที่จะลดราวาศอกให้กับผู้คนจากขุมกำลังมหาอำนาจอื่น ๆ สักเท่าไหร่

และอีกอย่างที่ในตอนนี้กองกำลังของเขาเองที่อยู่รายล้อมรอบตัวเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ และมันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้คนจากหลายขั้วอำนาจจะอยู่รวมเป็นพวกเดียวกันเช่นนี้

หลิงตู้ฉิงมองออกไปข้างนอกและพูดกับลั่วหยุน “ข้าจะรีบเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับให้ไวที่สุด เจ้าช่วยจัดการพวกเขาที”

ลั่วหยุนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และตะโกนว่า “หลีกทางไป!”

หลังจากสิ้นเสียง ภายใต้อำนาจของเจตจำนงแห่งราชัน เหล่าผู้คนที่ปิดกั้นเส้นทางก็ถูกผลักลอยออกไปด้านข้าง จนเปิดเป็นช่องทางโล่งด้านหน้าทันที

เมื่อเห็นเช่นนี้ กงหนิวก็พุ่งเข้าไปตามช่องทางที่ถูกเปิดเอาไว้

อู่ไท่ฉวนที่เพิ่งพูดจบประโยคก็เงียบไปทันที เขามาจากสำนักที่มีตัวตนที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างเจตจำนงของราชันที่ถูกสำแดงโดยอาวุธระดับราชันหรือเจตจำนงแห่งราชันที่มาจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชัน

ซึ่งเขาเองก็คาดไม่ถึงว่าคนกลุ่มนี้ที่อ้างตัวว่ามาจากขุมกำลังมหาอำนาจต่าง ๆ มากมาย พวกเขายังมีคนที่อยู่ในขอบเขตราชันอยู่ในกลุ่มด้วย?

เมื่อเทียบกับตัวตนขอบเขตราชัน แม้ว่าเขาจะใช้ไพ่ลับจนหมด แต่มันก็ยังคงไม่เพียงพอที่เขาจะสามารถสังหารตัวตนระดับนี้ได้แน่นอน

ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเฝ้าดูกลุ่มของหลิงตู้ฉิงผ่านไปอย่างเงียบ ๆ

อย่างไรก็ตามเขายังคงรู้สึกโกรธ

โชคดีที่เขายังคงมีสติและไม่ได้สั่งให้เหล่าทหารของเขาขัดขวางกลุ่มของหลิงตู้ฉิงต่อ

แต่หลังจากที่หลิงตู้ฉิงและกลุ่มคนของเขาได้ผ่านเข้าไปแล้ว กลุ่มคนที่มุงดูอยู่ก็ไม่มีใครที่กล้าจะพุ่งผ่านตามเข้าไป

กงหนิวที่พุ่งผ่านเหล่าค่ายกลของทหารอาณาจักรมังกรทะยานเรียบร้อยแล้ว เขาก็ค่อย ๆ ชะลอฝีเท้าลง เนื่องจากว่าพวกเขาตอนนี้ใกล้จะถึงทางเข้าของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแล้ว

สำหรับอู่ไท่ฉวนและคนของเขา พวกเขาต่างก็เฝ้าดูพวกของหลิงตู้ฉิงและคนของเขาจากระยะไกล

เนื่องจากในกลุ่มของหลิงตู้ฉิงมีผู้คนมากมายที่มาจากขุมกำลังมหาอำนาจ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาแน่นอนที่พวกเขาจะมีกุญแจเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

“ทุกคนรอไปก่อน เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับยังไม่เปิดอย่างสมบูรณ์!” หลิงตู้ฉิงพูดกับทุก ๆ คน

ในขณะนี้ด้านหน้าของทุกคนมีหมอกสีดำจาง ๆ ที่กินรัศมีพื้นที่ราวร้อยกิโลเมตรลอยไปมาอยู่เหนือหนองน้ำราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังจะปรากฏขึ้น

“หมอกสีดำนี้คือสัญญาณเริ่มต้นของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับที่กำลังจะเปิดขึ้น เมื่อไหร่ที่หมอกสีดำนี้ควบแน่นกันจนกลายเป็นสีดำสนิท นั่นจะหมายถึงว่าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้เปิดขึ้นอย่างสมบูรณ์” หลิงตู้ฉิงอธิบายต่อไป “และเมื่อไหร่ที่พวกเจ้าทุกคนเข้าไปด้านใน พวกเจ้าทุกคนต้องระวังทุกฝีก้าวของตนเองเอาไว้ให้ดี เพราะว่าพวกเจ้าอาจจะถูกคนที่อยู่ข้างในนั้นสังหารได้ทุกเมื่อ”

หลิงตู้ฉิงพูดกับผู้คนรอบ ๆ เขาด้วยสายตาจริงจัง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็พยักหน้ารับทราบด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน

3 วันต่อมา หมอกสีดำที่อยู่รอบ ๆ ก็เปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันและเริ่มควบแน่นเข้าด้วยกันและกลืนกินพื้นที่ทั้งบริเวณของหนองน้ำจนหายไปทั้งหมด เหลือไว้แต่ทางเข้าสีดำสนิทที่ปรากฏขึ้น

ซึ่งมันคือสัญญาณที่ทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ถูกเปิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว!